ประเด็นนักเรียนมุสลิม “โรงเรียนอนุบาลปัตตานี” ซึ่งสร้างอยู่บนที่ธรณีสงฆ์ของวัดนพวงศาราม อ.เมือง จ.ปัตตานี กลายเป็นข้อพิพาทขัดแย้งยาวนานเกือบครึ่งทศวรรษ ระหว่างผู้ปกครองนักเรียนที่เรียกร้องสิทธิให้บุตรหลานแต่งกายตามหลักศาสนาอิสลาม เด็กหญิงสวมฮิญาบ เด็กชายสวามกางเกงขายาว ซึ่งไม่ตรงตามระเบียบการแต่งกายของโรงเรียน
เรื่องราวบานปลายจนถึงศาลปกครอง และศาลตัดสินออกมาเบื้องต้นให้เพิกถอนระเบียบเรื่องการแต่งกายของโรงเรียน พร้อมอนุญาตให้นักเรียนมุสสิมแต่งกายตามหลักศาสนาได้
ปัญหานี้ไม่ต่างอะไรกับ “มหากาพย์เรื่องยาว” แม้ช่วงที่ผ่านมาจะไม่มีข่าวคราวผ่านทางหน้าสื่อ แต่ก็มีความเคลื่อนไหวร้อนระอุอยู่ในพื้นที่ตลอดเวลา
ต้นเรื่องเกิดขึ้นตั้งแต่ปลายเดือน มี.ค.61 ช่วงปิดภาคเรียน มีผู้ปกครองนักเรียนโรงเรียนอนุบาลปัตตานี ร้องเรียนไปยัง “มูลนิธิมุสลิมเพื่อสันติ” ว่าทางโรงเรียนไม่อนุญาตให้เด็กนักเรียนคลุมฮิญาบไปเรียนหนังสือ ทางมูลนิธิฯจึงเรียกคณะกรรมการประชุมเพื่อแก้ไขปัญหาดังกล่าว
วันที่ 5 เม.ย.61 ทีมงานมูลนิธิมุสลิมเพื่อสันติ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ได้เดินทางไปพบรองผู้อำนวยการโรงเรียนอนุบาลปัตตานี และพูดคุยกันเบื้องต้น พร้อมให้ทางโรงเรียนออกหนังสือเป็นลายลักษณ์อักษรว่า อนุญาตหรือไม่อนุญาตให้นักเรียนมุสลิมสวมฮิญาบ แต่ก็ไม่มีการตอบรับที่เป็นทางการจากทางโรงเรียน
วันที่ 30 เม.ย.61 ทีมกฎหมายของมูลินิธิฯ ทำหนังสือไปถึงโรงเรียน แต่ไม่มีหนังสือตอบจากทางโรงเรียนแต่อย่างใด
แต่จากการพูดคุยทางโทรศัพท์กับผู้อำนวยการโรงเรียนอนุบาลปัตตานีหลายครั้ง รวมทั้งผู้ปกครองของนักเรียนได้รับข้อมูลว่า ผู้อำนวยการอนุญาตให้นักเรียนหญิงมุสลิมคลุมฮิญาบและสวมเครื่องแต่งกายที่ถูกต้องตามหลักศาสนาได้ โดยต้องเป็นไปตามกรอบระเบียบปฏิบัติของกระทรวงศึกษาธิการ ทำให้ผู้ปกครองมั่นใจในท่าทีของผู้อำนวยการโรงเรียน จึงได้เตรียมชุดเครื่องแบบนักเรียนที่ถูกต้องตามหลักศาสนาให้บุตรหลานไว้ใส่
เมื่อถึงวันที่ 16 พ.ค.61 ซึ่งเป็นวันเปิดเทอม ทางฝ่ายกฎหมายของมูลนิธิฯ พร้อมผู้ปกครอง 3 ครอบครัวได้พานักเรียนแต่งกายด้วยเครื่องแบบนักเรียนมุสลิมไปที่โรงเรียน โดยมีนายประจักษ์ ชูศรี ผู้อำนวยการโรงเรียนอนุบาลปัตตานี ออกมาต้อนรับพร้อมยืนยันว่าไม่ได้ห้ามมาตั้งแต่แรก
แต่แล้ววันที่ 18 พ.ค.61 ทางผู้อำนวยการโรงเรียนอนุบาลปัตตานี ได้นัดผู้ปกครองนักเรียนและคณะกรรมการสถานศึกษา ซึ่งมี นายแวดือราแม มะมิงจิ ประธานคณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัด เป็นกรรมการสถานศึกษาเข้าประชุมด้วย ทางที่ประชุมมีมติกรรมการสถานศึกษาห้ามสวมฮิญาบ ซึ่งนายแวดือราแม ระบุว่า ในที่ประชุมมีกรรมการมุสลิม 2 คน จากทั้งหมด 15 คน
โดยที่ประชุมเสียงข้างมากของกรรมการสถานศึกษาไม่เห็นด้วยกับการแก้ไขกฎระเบียบใหม่ จึงยืนยันไม่ให้มีการคลุมฮิญาบมาเรียน หากต้องการให้บุตรหลานคลุมฮิญาบให้ย้ายไปเรียนที่อื่น และจะไม่มีการเรียนการสอนแก่นักเรียนที่ฝ่าฝืนกฎของโรงเรียน
สำหรับโรงเรียนอนุบาลปัตตานี เปิดการเรียนการสอนตั้งแต่ปี พ.ศ.2511 ตั้งอยู่ริมถนนมะกรูด ต.รูสะมิแล อ.เมือง จ.ปัตตานี อยู่ตรงข้ามวัดนพวงศาราม มีชื่ออีกชื่อหนึ่งว่า “โรงเรียนวัดนพวงศาราม” ที่ดินส่วนใหญ่เป็น “ที่ธรณีสงฆ์” หรือเรียกง่ายๆ ว่า “ที่ดินวัด” ทางโรงเรียนได้มีกฎระเบียบชัดเจนเรื่องห้ามสวมฮิญาบ แต่ใช้ระเบียบการแต่งกายและทรงผมเหมือนโรงเรียนรัฐบาลทั่วไป ซึ่งทีผ่านมาไม่มีนักเรียนสวมฮิญาบหรือใส่กางเกงขายาวมาจนถึงปัจจุบัน
ต่อมาทางเว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา ได้เผยแพร่การแก้ไขเนื้อหาระเบียบกระทรวงศึกษาธิการว่าด้วยเครื่องแบบนักเรียน พ.ศ.2561 ข้อ 12 วรรคท้าย ลงนามโดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ วันที่ 5 มิ.ย.61 ระบุให้ใช้ข้อความต่อไปนี้แทน
“นักเรียนซึ่งนับถือศาสนาอิสลามในสถานศึกษาอื่นนอกจากสถานศึกษาเอกชนสอนศาสนาอิสลาม อาจเลือกแต่งเครื่องแบบนักเรียนตามวรรคหนึ่งหรือตามแบบที่สถานศึกษากำหนดได้ตามความสมัครใจ ยกเว้นสถานศึกษาที่ขอใช้พื้นที่วัดหรือที่ธรณีสงฆ์เป็นที่ตั้งของสถานศึกษา การแต่งเครื่องแบบนักเรียนให้เป็นไปตามสัญญาหรือข้อตกลงระหว่างวัดกับสถานศึกษา” ถือเป็นการปิดช่องการสวมฮิญาบในโรงเรียนที่เป็นพื้นที่ธรณีสงฆ์ (จากเดิมให้ยึดหลักสมัครใจ)
แต่หลังจากที่กระทรวงศึกษาธิการ ประกาศแก้ไขระเบียบว่าด้วยเครื่องแบบนักเรียนฯ ปรากฏว่า ปัญหาที่โรงเรียนอนุบาลปัตตานีกลับไม่ได้ถูกแก้ไข (นักเรียนมุสลิมที่แต่งกายตามหลักศาสนายังไปเรียนตามปกติ) ทำให้มีความเคลื่อนไหวของเครือข่ายผู้ปกครองนักเรียน ออกแถลงการณ์ประกาศจุดยืนให้นักเรียนที่เป็นชาวพุทธ แต่งกายด้วยชุดอยู่บ้านไปเรียนหนังสือ จนกว่านักเรียนมุสลิมจะแต่งกายให้ถูกระเบียบของโรงเรียน ทำให้หลังจากนั้นมีนักเรียนที่นับถือศาสนาพุทธแต่งกายด้วยชุดอยู่บ้านมาโรงเรียน ราวๆ 70 คน
จนวันที่ 17 ส.ค.61 ได้มีคำสั่งจาก สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นที่ฐาน ให้ นายประจักษ์ ชูศรี ผู้อำนวยการโรงเรียนอนุบาลปัตตานี ไปปฏิบัติราชการในตำแหน่งผู้อำนวยการโรงเรียนเบตง (วีระราษฎร์ประสาน) และให้นายนพปฎล มณีรัตน์ ผู้อำนวยการโรงเรียนเบตง (วีระราษฎร์ประสาน) มาปฏิบัติราชการในตำแหน่งผู้อำนวยการโรงเรียนอนุบาลปัตตานีแทน
เมื่อมีนักเรียนคลุมฮิญาบไปเรียน และทางโรงเรียนชี้ว่าผิดกฎระเบียบของโรงเรียน ทางโรงเรียนจึงตัดคะแนนนักเรียนกลุ่มนี้ ทำให้ผู้ปกครองนักเรียนรวมตัวกันยื่นหนังสือขอความเป็นธรรม และขอให้สั่งคุ้มครองชั่วคราวต่อศาลปกครองจังหวัดสงขลา เพื่อให้ศาลปกครองคุ้มครองสิทธิเสรีภาพของเด็กตามสิทธิในรัฐธรรมนูญ ในการปฏิบัติตามหลักศาสนาอิสลาม ซึ่งศาลรับคดีไว้พิจารณาเมื่อวันที่ 19 ต.ค.61
วันที่ 29 ต.ค.61 ศาลปกครองสงขลามีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวนักเรียนโรงเรียนอนุบาลปัตตานี โดยให้ทุเลาการบังคับตามระเบียบโรงเรียนอนุบาลปัตตานี ว่าด้วยการการควบคุม และดูแลความประพฤติ การลงโทษ และการตัดคะแนนความประพฤติของนักเรียน พ.ศ.2561 ที่ให้แต่งเครื่องแบบนักเรียนตามระเบียบกระทรวงศึกษาธิการ ว่าด้วยเครื่องแบบนักเรียน (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2561 ข้อ 3 เฉพาะที่เกี่ยวกับผู้ฟ้องคดีทั้ง 20 คน ไว้เป็นการชั่วคราว จนกว่าศาลจะมีคำพิพากษาเป็นอย่างอื่น
ต่อมาได้โอนคดีมาอยู่ในความรับผิดชอบของศาลปกครองยะลา ซึ่งศาลได้พิจารณาคดีนี้ครั้งแรกไปเมื่อวันที่ 24 มี.ค.65 และนัดฟังคำพิพากษาในวันที่ 21 เม.ย.65 โดยศาลตัดสินให้ฝ่ายผู้ปกครองซึ่งเป็นผู้ฟ้อง…ชนะคดี
ที่มา : https://www.isranews.org/
Leave a Reply