เข้าท่า.??

เห็น “เจ้าคุณมีชัย” หรือ พระธรรมวชิรเมธี เจ้าคณะภาค 1 วัดหงส์รัตนาราม เขตบางกอกใหญ่ กรุงเทพมหานคร ออกหนังสือเชิญชวนบรรดา “มหาเปรียญ 9 ประโยค” ให้รวมกลุ่มกันแล้ว บอกตรง ๆ ว่า  “เข้าท่า” ตั้งแต่ขึ้นมาครองตำแหน่งเจ้าคณะภาค 1 ผลงานครั้งนี้แหละ ทำแล้ว “น่าชื่นชม” มากที่สุด

ที่ผ่านมาพวกเรามหาเปรียญคงไม่ต้องบอกว่าทั้ง “รอความหวัง” จากบรรดาพระมหาเถระทั้งหลาย และ “สิ้นหวัง” ผิดหวังกับองค์กรต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น ที่ถือว่าเป็นตัวแทนเปรียญธรรม มาแล้วเท่าไร??

ลองนึกดูทุกวันนี้ “เปรียญธรรมสมาคมแห่งประเทศไทย” ในพระราชูปถัมภ์สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี ที่ในอดีตเคยเป็นองค์กรที่มีชีวิต เป็นที่พึ่งให้กับสังคมและบรรดาเปรียญทั้งหลาย ทุกวันนี้ใครรู้บ้างว่า องค์กรนี้ทำอะไรให้กับคณะสงฆ์-ชาวพุทธและผู้จบเปรียญธรรม ซึ่งหมายถึงบรรดา “มหา” ทั้งหลายบ้าง

อีกองค์กรหนึ่งคือ “สมาคมเปรียญธรรม 9 ประโยค” ที่ก่อตั้งมาตั้งแต่กลางปี 2562 ทุกวันนี้คณะสงฆ์และชาวพุทธบางคนยังไม่รู้เลยว่าประเทศไทยมีสมาคมชื่อนี้ เพราะเมื่อพระพุทธศาสนาหรือคณะสงฆ์มีภัย สังคมสับสนทั้งในแง่พระวินัย ธรรมะ คำสอนของพระพุทธเจ้า สมาคมเปรียญธรรม 9 ประโยคก็ดีเปรียญธรรมสมาคมแห่งประเทศไทยก็ดี ไม่เคยแสดงจุดยืนหรือมีแถลงการณ์อะไรออกมาให้สังคมได้รับรู้หรือได้รับทราบเลย ไม่เหมือนกับองค์กร “คนมุสลิม” เป็นที่พึ่งให้กับศาสนิกชนเขาได้ อย่างเช่น “เรื่องกัญชา -เรื่องสุราก้าวหน้า” หรือแม้กระทั้งการสมรสที่เท่าเทียม ที่เพิ่งแถลงเมื่อวานนี้ว่า ไม่เห็นด้วยกับพระราชบัญญัติเหล่านี้

ทั้ง ๆ ที่ทั้ง 2 องค์กรนี้ คือ สมาคมเปรียญธรรม 9 ประโยคและเปรียญธรรมสมาคมแห่งประเทศไทยคือ “คลังสมอง” ปัญญาชน เป็นที่รวมตัวกันของบรรดามหาเปรียญ คนเก่ง คนมีความรู้ เชี่ยวชาญหลักคำสอนในพระพุทธศาสนามากที่สุด!!

ถามตรง ๆ ถึง พระพรหมโมลี”  แม่กองธรรมบาลี ด้วยว่า รู้หรือไม่ว่า ปัจจุบันประเทศไทยมีผู้จบประโยค 9 ไปแล้วกี่ท่าน และปัจจุบันครองสมณเพศอยู่เท่าไร ลาสิกขาไปแล้วเท่าไร

ไม่ต้องไปถามถึงว่าจะดูแล “ผู้จบประโยค 9 ที่เป็นพระภิกษุ” อย่างไร

เดียวนี้คณะสงฆ์รู้หรือไม่ว่า “การรักษาพระพุทธศาสนา”  คนจำนวนมากตั้งคำถามว่าไม่จำเป็นต้องเรียนบาลีก็ได้  ซ้ำเวลาไปหาคนมาบวชเรียนบาลี ทั้งผู้ปกครองและเด็กถามตรงกันว่า “เรียนบาลีแล้ว” ไปทำกินอะไรได้บ้าง นอกจาก “อาชีพพระ”

ซ้ำ “อาชีพพระ”  ทุกวันนี้บรรดาเพื่อนของผู้เขียนหลายรูปจบประโยค 9 แล้ว มีแต่ “เฝ้าเมรุ” บ้าง รอรับแต่สังฆทานในวัดบ้าง บางรูปซ้ำร้ายเจ้าอาวาสไม่ชอบหน้า เพราะประจบประแจงไม่เป็น “ตกงาน” ไม่มอบงานอะไรให้ทำ  หลายรูปคิดจะสึกออกไปก็ “หมดวัย” แล้ว

ตอบหน่อยว่า พระภิกษุที่จบประโยค 9 เหล่านี้ มหาเถรสมาคม แม่กองธรรมบาลี คิดจะช่วยเหลือหรือมอบหมายงานอะไรให้พวกท่านทำบ้าง!!

“ผู้เขียน” เคยติดตามการไลฟ์สดรายการ บันทึกเปรียญ 9”  ซึ่งตอนนั้นยังคิดว่าน่าชื่นชมต่อผู้ดำเนินรายการที่มีจิตอาสาทำงานรับพระพุทธศาสนาและตอบแทนบุญคุณ “ผ้าเหลือง” รวมทั้งชื่นชมบรรดาคณาจารย์อีกหลายรูปที่จบประโยค 9 แล้วได้ทำงานดี ๆ และไม่ถูกครหาว่าจบบาลีแล้ว “ซื่อบื้อ” ทำอะไรไม่เป็น หรือถูกต่อว่าจบ “มหา” แล้วไม่ขี้เมาก็เจ้าชู้ เหมือนที่ผู้เขียนเคยได้ยินคนข้างนอก “เขาพูดกัน”

การที่ “เจ้าคุณมีชัย” ออกโรงเป็น “ศูนย์กลาง” ให้กับบรรดามหาเปรียญคือ ผู้จบการศึกษาประโยค 9 รวมกันนี้ถือว่า “มาถูกทาง”  แล้ว

เท่าที่อ่านดูคร่าว ๆ ในคำเชิญของ “เจ้าคุณมีชัย” ระบุว่า เชิญมหาเปรียญ 9 ประโยค ร่วมจัดตั้งเป็นชมรมหรือกลุ่ม เพื่อสร้างสรรกิจกรรมทีดีงาม เช่น ร่วมกันใช้ความสามารถ ดานความรู้ภาษาบาลีและอื่น ๆ  ตอบแทนพระศาสนา พร้อมจัดให้มีเวที แสดงภูมิความรู้ และทำงานอันเป็นประโยชน์ สมกับที่สังคมคาดหวัง จัดทำสื่อธรรมะร่วมสมัย ทำงานกิจอาสา และ ร่วมกันศึกษาด้านพระธรรมวินัย งานพระธรรมธร และ วินัยธร

งานนี้เมื่อ “เจ้าคุณมีชัย” ผู้มากบารมีทั้งวงการคณะสงฆ์และฆราวาส “ลงมือเอง” เป็นหัวเรี่ยวหัวแรงเองในการเชิญชวน เพื่อรวมตัวกันของบรรดามหาเปรียญธรรม 9 ประโยค  ทำให้คนกลุ่มนี้คงมีความหวัง และหากรวมกันได้จริงในอนาคตพวกท่านคงไม่เป็นที่พึ่งเฉพาะแค่คณะสงฆ์ ชาวพุทธ หรือบรรดาสำนักเรียนต่าง ๆ เท่านั้น เมื่อดูจากวัตถุประสงค์ตามคำเชิญชวนแล้วอาจเป็นที่พึ่งให้กับ “มหาเถรสมาคม” ด้วย!!.

Leave a Reply