มท.1 ประชุมติดตามขับเคลื่อนงานตามนโยบายรัฐบาลและกระทรวงมหาดไทย เน้นย้ำ ผู้ว่าฯต้องกำกับการทำงานของข้าราชการในพื้นที่ให้เป็นไปตามอำนาจหน้าที่ ยึดหลักธรรมาภิบาล พร้อมใช้ทุกกลไกสื่อสารในพื้นที่สร้างการรับรู้ความเข้าใจการดำเนินงานภาครัฐให้กับพี่น้องประชาชน ขณะที่นายกรัฐมนตรีกำหนดลงพื้นที่กำแพงเพชร 7 ก.ค. นี้ติดตามนโยบายแก้จน-บริหารจัดการน้ำ
วันพุธที่ 6 กรกฎาคม 2565 เวลา 10:30 น. ที่ห้องประชุมราชสีห์ ศาลาว่าการกระทรวงมหาดไทย พลเอก อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เป็นประธานการประชุมขับเคลื่อนและติดตามการดำเนินงานตามนโยบายรัฐบาลและภารกิจสำคัญของกระทรวงมหาดไทย โดยมี นายอนุชา โมกขะเวส ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย คณะทำงานรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย นายชัยวัฒน์ ชื่นโกสุม นายอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ นายนิรัตน์ พงษ์สิทธิถาวร รองปลัดกระทรวงมหาดไทย แพทย์หญิงวันทนีย์ วัฒนะ รองปลัดกรุงเทพมหานคร นายไตรภพ วงศ์ไตรรัตน์ หัวหน้าผู้ตรวจราชการกระทรวงมหาดไทย นายโสภณ สุวรรณรัตน์ รองหัวหน้าผู้ตรวจราชการกระทรวงมหาดไทย คณะผู้ตรวจราชการกระทรวงมหาดไทย นายนิสิต จันทร์สมวงศ์ อธิบดีกรมที่ดิน นายประยูร รัตนเสนีย์ อธิบดีกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น นายบุญธรรม เลิศสุขีเกษม อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย นายสมคิด จันทมฤก อธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน พร้อมด้วยหัวหน้าหน่วยงานรัฐวิสาหกิจ ผู้บริหารสำนักงานปลัดกระทรวงมหาดไทย โดยเป็นการประชุมผ่านระบบ Video Conference ร่วมกับผู้ว่าราชการจังหวัด รองผู้ว่าราชการจังหวัด หัวหน้าส่วนราชการประจำจังหวัดและหัวหน้าส่วนราชการส่วนกลางประจำภูมิภาคในสังกัดกระทรวงมหาดไทย ร่วมประชุม
พลเอกอนุพงษ์ กล่าวว่า ผู้ว่าราชการจังหวัดต้องทำหน้าที่ในการบังคับบัญชา กำกับดูแล และบูรณาการการทำงานร่วมกับส่วนราชการ/หน่วยงานในพื้นที่ ให้การปฏิบัติราชการเป็นไปด้วย “ความโปร่งใสและการทำงานตามอำนาจหน้าที่” โดยยึดหลักธรรมาภิบาล (Good Governance) อาทิ การดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ของนายทะเบียน เจ้าพนักงาน และเจ้าหน้าที่ ตามกฎหมายอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน โดยผู้ว่าราชการจังหวัด ปลัดจังหวัด และอธิบดีกรมการปกครอง ต้องกำกับ ติดตาม และดูแลให้เป็นไปตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด รวมทั้งต้องให้ความสำคัญกับการสร้างการรับรู้ความเข้าใจกับประชาชน เพราะกระทรวงมหาดไทยมีองคาพยพทุกกลไกที่ใกล้ชิดกับพี่น้องประชาชนมากที่สุด ทั้งกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน อาสาสมัคร หอกระจายข่าว เครือข่ายสถานีวิทยุชุมชน ซึ่งกระทรวงมหาดไทยเป็นศูนย์กลางข้อมูลของภาครัฐทั้ง 20 กระทรวงในการบูรณาการสร้างการรับรู้สู่ชุมชน ทั้งนี้ ผู้ว่าราชการจังหวัดและนายอำเภอต้องให้ความสำคัญกับการสื่อสารกับสังคม และเน้นย้ำข้าราชการ ผู้นำท้องที่ ท้องถิ่น ให้ความสำคัญด้วย โดยนำสิ่งที่พี่น้องประชาชนควรต้องรู้ ควรต้องทราบ ด้วยการใช้ข้อความ สำนวนภาษาที่กระชับ เข้าใจง่าย ไปพูดคุยกับพี่น้องประชาชนผ่านหอกระจายข่าว ผ่านสถานีวิทยุ และต้องเอาใจใส่ในการลงพื้นที่เพื่อสื่อสารข้อมูลกับประชาชน เพื่อให้ประชาชนได้ทราบ เข้าใจ และร่วมมือกับภาครัฐในการดำเนินการด้านต่าง ๆ นอกจากนี้ ผู้ว่าราชการจังหวัดและนายอำเภอ ต้องให้ความสำคัญกับการทำงานของศูนย์ดำรงธรรม ทั้งรับปัญหา แก้ไขปัญหา ให้ข้อมูลประชาชน และบูรณาการส่งต่อข้อมูลความเดือดร้อนให้กับหน่วยงานที่มีอำนาจหน้าที่รับผิดชอบ โดยโค้ชชิ่ง “เจ้าหน้าที่ศูนย์ดำรงธรรมให้เป็นผู้มีความรอบรู้ มีศิลปะการสื่อสาร และวิธีการรับฟังปัญหาข้อเสนอแนะของพี่น้องประชาชนในทุกเรื่อง และแยกแยะ หาทางช่วยเหลือพี่น้องประชาชน และแจ้งให้เขาเข้าใจ ให้เขาได้รู้ว่าจะทำอย่างไร มีขั้นตอนอย่างไร มีความก้าวหน้าอย่างไร” เพื่อให้พี่น้องประชาชนได้เข้าใจถึงความตั้งใจและกระบวนการทำงาน เพราะถ้าไม่สื่อสาร หรือสื่อสารคำพูดเพียงนิดเดียว อาจทำให้เกิดการเข้าใจผิด และสังคมเข้าใจไม่ตรงกับสิ่งที่กำลังดำเนินการ
พลเอกอนุพงษ์ ได้กล่าวอีกว่า ในด้านการจัดการสาธารณภัย ขอให้น้อมนำพระราโชบายของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในการทำให้พี่น้องประชาชนกลับไปใช้ชีวิตอย่างเป็นปกติสุขได้โดยเร็ว และดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ให้ดีที่สุดตามกฎหมาย ด้วยการดำเนินการตามแผนเผชิญเหตุที่ได้ทำการปรับปรุงให้มีความทันสมัย ทั้งการเตรียมความพร้อมเครื่องมือ อุปกรณ์ กำลังพล ก่อนเกิดภัย เมื่อเกิดเหตุการณ์ก็ลงไปช่วยแก้ไขปัญหา และเมื่อหลังเกิดภัยเร่งสำรวจและลงไปซ่อมแซมบ้านเรือนให้กับพี่น้องประชาชน ในทุกสาธารณภัยตลอดทั้งปี โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในขณะนี้พี่น้องประชาชนจะได้รับทราบข่าวสารเกี่ยวกับสถานการณ์แผ่นดินไหวและการเตรียมการรับมือสถานการณ์สึนามิของประเทศต่าง ๆ ใกล้เคียงกับประเทศไทย จึงต้องสร้างการรับรู้เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับพี่น้องประชาชนในพื้นที่ เพื่อให้เกิดความตระหนักในการปฏิบัติตนและไม่ตื่นตระหนก รวมทั้งซักซ้อมเตรียมการให้มีความพร้อมในการบริหารสถานการณ์ ทั้งกำลังคน เครื่องมือ แผนผัง พิมพ์เขียว แบบก่อสร้างอาคาร โดยเฉพาะอาคารที่เสี่ยง “ทั้งจังหวัดพื้นที่ติดทะเลและพื้นที่ติดรอยเลื่อนฝั่งตะวันออกของประเทศ” รวมไปถึงในจังหวัดที่เคยเกิดสถานการณ์ดินถล่ม ดินสไลด์ เช่น เชียงราย น่าน เพชรบูรณ์ ที่มีประวัติดินถล่ม และจังหวัดที่อยู่ในพื้นที่รอยเลื่อนต่าง ๆ ต้องเตรียมความพร้อมทั้งก่อนเกิดเหตุสาธารณภัย โดยเจ้าหน้าที่ มิสเตอร์เตือนภัย ผู้นำท้องที่ ท้องถิ่น อปพร. ทำความเข้าใจและฝึกซ้อมพี่น้องประชาชนให้มีความรู้และเข้าใจวิธีปฏิบัติตนหากเกิดภัย เพื่อความปลอดภัยสูงสุดของพี่น้องประชาชน และให้ผู้ว่าราชการจังหวัดทุกจังหวัดร่วมกับการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคในพื้นที่ดำเนินการจัดระเบียบสายสื่อสารในจุดที่อาจก่อให้เกิดความเสียหายต่อชีวิตและทรัพย์สินของพี่น้องประชาชนในทุกจังหวัดทั่วประเทศ
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าวเพิ่มเติมว่า ในด้านการแก้ไขปัญหาความยากจนและพัฒนาคนทุกช่วงวัยอย่างยั่งยืนตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงด้วยกลไก ศจพ. ได้มีการดำเนินการทุกระดับเป็นไปตามแผนงานที่กำหนดและมีความคืบหน้าตามลำดับ โดยต้องขอขอบคุณผู้ว่าราชการจังหวัดและนายอำเภอรวมถึงข้าราชการที่เกี่ยวข้องทุกส่วน ที่ร่วมกันสำรวจ รวบรวม และแก้ไขปัญหาให้กับพี่น้องประชาชนอย่างต่อเนื่อง โดยขณะนี้สามารถดำเนินการแก้ไขไปแล้วกว่าร้อยละ 92.37 และเนื่องจากคณะรัฐมนตรีได้มีมติเห็นชอบตามที่สภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติในการนำจำนวนประชาชนกลุ่มเป้าหมายบางส่วนที่ไม่ได้อยู่ในระบบ TPMAP มาเป็นเป้าในการแก้ไขปัญหาเพิ่มเติม โดยหากเป็นสภาพปัญหาที่ต้องแก้ไขเร่งด่วน ให้จังหวัดและอำเภอดำเนินการแก้ไขปัญหาให้ทันต่อสถานการณ์ต้องทำเลย แต่หากเป็นสภาพปัญหาที่ต้องบูรณาการหน่วยงานให้ดำเนินการต่อเนื่องตามอำนาจหน้าที่ต่อไป รวมไปถึงการแก้ไขปัญหาหนี้สินของพี่น้องประชาชน ซึ่งเป็นปัญหาเร่งด่วน ให้ผู้ว่าราชการจังหวัดใช้กลไกของกระทรวงมหาดไทยในพื้นที่ดำเนินการแก้ไขปัญหาให้กับประชาชนที่ประสบปัญหา และหากเป็นสภาพปัญหาที่เกินอำนาจหน้าที่ ให้ประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาดำเนินการต่อไป
พลเอกอนุพงษ์ กล่าวในช่วงท้ายว่า ผู้ว่าราชการจังหวัดต้องให้ความสำคัญในการแก้ไขปัญหายาเสพติด ด้วยกลไกในระดับพื้นที่ ทั้งการลด demand side และ supply side เพราะปัญหายาเสพติดส่งผลกระทบอย่างมากต่อชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชน ตลอดจนระบบบริการสาธารณสุข และระบบเศรษฐกิจของประเทศ ทำให้ปัญหายาเสพติดหมดไปจากสังคมไทยอย่างยั่งยืน และสำหรับเรื่องสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่ขณะนี้ยังพบจำนวนผู้ติดเชื้อเป็นจำนวนมาก จึงขอให้รณรงค์มาตรการป้องกันตนเองส่วนบุคคล DMHTA ทั้งการสวมหน้ากากอนามัย การล้างมือด้วยแอลกอฮอล์ล้างมือหรือน้ำสบู่บ่อย ๆ การรักษาระยะห่างระหว่างกัน และขอความร่วมมือผู้ประกอบการยังคงใช้มาตรการ COVID free setting ที่เหมาะสมสร้างความปลอดภัยอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งใช้กลไกสาธารณสุขในพื้นที่ในการดูแลรักษาผู้ป่วยและเฝ้าระวังไม่ให้เกิดการระบาดในวงกว้าง พร้อมเน้นย้ำในเรื่องแนวทางปฏิบัติหลังจากกระทรวงสาธารณสุขได้นำพืชกัญชาออกจากบัญชียาเสพติดให้โทษประเภท 5 สิ่งที่ต้องเฝ้าระวัง คือ ต้องไม่ให้กระทบกับ “เด็กเล็ก” ทั้งในโรงเรียนและครอบครัว สังคม และกำกับดูแลพื้นที่ให้ดำเนินการเกี่ยวกับกัญชาเพื่อใช้ในทางการแพทย์เท่านั้น โดยหากพบมีผู้ใช้ในทางที่ผิดกฎหมาย ต้องร่วมกับตำรวจและหน่วยงานสาธารณสุขในพื้นที่ควบคุมดูแลให้เป็นไปตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด
นายกรัฐมนตรีกำหนดลงพื้นที่กำแพงเพชร 7 ก.ค. ติดตามนโยบายแก้จน-บริหารจัดการน้ำ
ทั้งนี้นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม พร้อมคณะ มีกำหนดการลงพื้นที่จังหวัดกำแพงเพชร เพื่อตรวจราชการติดตามการดำเนินงานตามนโยบายของรัฐบาลในด้านต่างๆ โดยเฉพาะด้านการเกษตร การดำเนินงานการขจัดความยากจนและพัฒนาคนทุกช่วงวัยอย่างยั่งยืนตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง และการบริหารจัดการน้ำ ในวันพฤหัสบดีที่ 7 กรกฎาคม 2565 โดยมีกำหนดการ ดังนี้
ช่วงเช้า เวลาประมาณ 09.15 น. นายกรัฐมนตรีจะไปสักการะศาลหลักเมืองกำแพงเพชร และไปกราบนมัสการพระธรรมภาณพิลาส เจ้าคณะภาค 4 เจ้าอาวาสวัดคูยาง พระอารามหลวง ที่วัดคูยาง ตำบลในเมือง อำเภอเมืองกำแพงเพชร จากนั้น จะไปตรวจเยี่ยมการบริหารงานกล้วยแปลงใหญ่ ณ บ้านท้องคุ้ง หมู่ 7 ตำบลพุทรา อำเภอคลองขลุง โดยผู้ว่าราชการจังหวัดกำแพงเพชร จะกล่าวสรุปผลการดำเนินงานของศูนย์อำนวยการขจัดความยากจนและพัฒนาคนทุกช่วงวัยอย่างยั่งยืนตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง (ศจพ.) และรายงานการยกระดับแปลงใหญ่ด้วยเกษตรสมัยใหม่ และการสร้างความเข้มแข็งให้กับเกษตรกร
ทั้งนี้ ประธานกลุ่มกล้วยไข่แปลงใหญ่ตำบลพุทรา จะรายงานผลการดำเนินงานต่อนายกรัฐมนตรีด้วย และนายกรัฐมนตรีจะได้เยี่ยมชมกิจกรรมการแสดงผลการดำเนินงานแปลงใหญ่กล้วยไข่ของกลุ่มเกษตรกรแปลงใหญ่ ซึ่งการยกระดับแปลงใหญ่ด้วยเกษตรสมัยใหม่ และการสร้างความเข้มแข็งให้กับเกษตรกร เป็นโครงการที่รัฐบาลให้ความสำคัญเพื่อขับเคลื่อนการดำเนินงานขจัดความยากจนและพัฒนาคนทุกช่วงวัยอย่างยั่งยืนตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง สร้างความเข้มแข็งให้กับกลุ่มเกษตรแปลงใหญ่ในการปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิตและพัฒนาคุณภาพและมาตรฐานผลผลิตด้วยเทคโนโลยีสมัยใหม่ที่เหมาะสม
จากนั้น นายกรัฐมนตรีจะไปตรวจเยี่ยมการดำเนินงานการขจัดความยากจนและพัฒนาคนทุกช่วงวัยอย่างยั่งยืนตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ณ ตำบลบางวัว อำเภอคลองขลุง โดย นายกรัฐมนตรีจะมอบบ้านแก่ผู้ยากไร้ จำนวน 1 หลัง และบ้านที่ดำเนินการเสร็จแล้วแก่ผู้แทนจำนวน 10 หลัง ซึ่งสร้างโดยโครงการบ้านกาชาดเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 70 พรรษา และเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 90 พรรษา ประจำปี 2565 โดยได้รับการสนับสนุนงบประมาณจากเหล่ากาชาดจังหวัดกำแพงเพชร
ช่วงบ่าย นายกรัฐมนตรีจะไปตรวจเยี่ยมการบริหารจัดการน้ำ การจัดหาแหล่งน้ำ และการเพิ่มพื้นที่ชลประทานของจังหวัดกำแพงเพชร ณ ฝายชั่วคราวกั้นแม่น้ำปิง (โครงการหนองขวัญ) ตำบลวังแขม อำเภอคลองขลุง ซึ่งสามารถส่งน้ำไปยังพื้นที่รับประโยชน์ ได้แก่ อำเภอคลองขลุงอำเภอขาณุวรลักษบุรี จังหวัดกำแพงเพชร และอำเภอบรรพตพิสัย จังหวัดนครสวรรค์ รวม101,000 ไร่ ซึ่งนายกรัฐมนตรีจะได้พบปะประชาชนกลุ่มผู้รับประโยชน์จากโครงการก่อสร้างฝายชั่วคราวกั้นแม่น้ำปิง พร้อมรับทราบปัญหาในแต่ละพื้นที่ และรับฟังข้อมูลจากประชาชนในพื้นที่โดยตรง
ต่อจากนั้น นายกรัฐมนตรีจะไปตรวจเยี่ยมกลุ่มปลูกข้าว GAP ขาณุวรลักษบุรี โมเดล ที่หมู่ 2 ตำบลแสนตอ อำเภอขาณุวรลักษบุรี รับฟังสรุปผลการดำเนินงานการเพิ่มความสามารถในการแข่งขันภาคการเกษตรด้วยเทคโนโลยี นวัตกรรม โครงการขาณุวรลักษบุรีโมเดล จากประธานกลุ่มปลูข้าว GAP ขาณุวรลักษบุรี โดยนายกรัฐมนตรีจะได้พบปะผู้ประกอบการและเกษตรกรก่อนเดินทางกลับกรุงเทพมหานคร
Leave a Reply