พระธรรมทูตไทยในทวีปยุโรปร่วมกับ “มจร” จัดปฏิบัติวิปัสสนากัมมัฏฐานแก่สตรีที่บวชตามโครงการปชาบดีโคตมี เพื่อสร้างสุขสงบเย็นในดินแดนพระอาทิตย์เที่ยงคืน
วันศุกร์ที่ 15 กรกฎาคม 2565 พระวิมลศาสนวิเทศ เจ้าอาวาสวัดไทยนอร์เวย์ ประธานสหภาพพระธรรมทูตไทยในทวีปยุโรป ได้ร่วมกับศูนย์ปฏิบัติวิทยาลัยพระธรรมทูต มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย (มจร) จัดปฏิบัติวิปัสสนากัมมัฏฐานสร้างสุขสงบเย็นในดินแดนพระอาทิตย์เที่ยงคืน แก่สุภาพสตรีในต่างประเทศ ที่บวชในโครงการปชาบดีโคตมี โดยนิมนต์พระมหาไพฑูรย์ ปนฺตนนฺโท (วรรณบุตร), ดร. อาจารย์ประจำวิทยาลัยพระธรรมทูต พระครูภาวนาสารบัณฑิต, ดร. (พระมหาเมธา จนฺทสาโร) จากมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงราชวิทยาลัย และพระวิทยากรผู้แทนขององค์กรพระธรรมทูตทั่วโลก มาสอนทั้งภาคปฏิบัติและภาควิชาการ ระหว่างวันที่ 13-28 กรกฎาคม 2565
การปฏิบัติวิปัสสนากัมมัฏฐานสร้างสุขสงบเย็นในดินแดนพระอาทิตย์เที่ยงคืน ได้รับความสนใจเป็นอย่างมากจากพระธรรมทูตและธรรมทูตคฤหัสถ์ทั่วโลก เนื่องจากได้จัดโครงการปชาบดีโคตมี เป็นครั้งที่ 2 ซึ่งได้วัฒนธรรมความคิดจากพระวิมลศาสนวิเทศ เจ้าอาวาสวัดไทยนอร์เวย์ ประธานสหภาพพระธรรมทูตไทยในทวีปยุโรป ที่กล่าวว่า “การบวชสุภาพสตรีในปัจจุบัน ตามพระธรรมวินัยที่พระพุทธเจ้าบัญญัติไว้ไม่สามารถเกิดขึ้นได้ แต่สามารถปฏิบัติตนและบรรลุผลอย่างภิกษุณีได้ ซึ่งสุภาพสตรีควรจะได้รับอานิสงส์บุญมาก ตามหลักพระพุทธศาสนา แต่ไม่สามารถที่จะบวชเป็นภิกษุณีเพื่อรับอานิสงส์มากนั้นได้ เพื่อให้สุภาพสตรีได้รับอานิสงส์มากตามหลักพระพุทธศาสนา จึงเกิดโครงการปชาบดีโคตมี โดยปชาบดีโคตมี ได้สละความเป็นคฤหัสถ์ผู้ครองเรือน ปล่อยวางความเป็นอยู่ที่เป็นแบบคฤหัสถ์อย่างสิ้นเชิง โกนผมบวช รับศีล 8 และปฏิบัติตนตามหลักเสขิยวัตร 75 ข้อ ด้วยการบวชปชาบดีโคตมี เป็นวิธีเดียวที่จะทำให้สุภาพสตรีได้รับอานิสงส์สูงสุด”
ในระยะเวลาของโครงการได้จัดให้มีภาคการปฏิบัติวิปัสสนากัมมัฏฐาน จากพระวิปัสสนาจารย์ของ มจร และจากพระครูสุทธกิตติคุณ พระวิปัสสนาจารย์ประจำวัดไทยนอร์เวย์ ภาควิชาการ จาก มจร รวมถึงพระธรรมทูตทั่วโลก เพื่อก่อให้เกิดความสงบร่มเย็นทางจิตใจและนำหลักธรรมไปประยุกต์ใช้ในการปฏิบัติในชีวิตประจำวันสืบต่อไป
การบวชของสุภาพสตรีในโครงการปชาบดีโคตมีครั้งนี้ มีพระภิกษุและพุทธศาสนิกชนรวมถึงชาวต่างชาติผู้สนใจศึกษาพระพุทธศาสนามาร่วมงานเป็นจำนวนมาก บางคนเดินทางไกล เพื่อร่วมพิธีปลงผมและพิธีบวช พร้อมทั้งร่วมเวียนเทียนในวันอาสาฬหบูชา ซึ่งเป็นวันสำคัญทางพระพุทธศาสนา อันบ่งบอกถึงความศรัทธามั่นคงในพระรัตนตรัยอย่างแท้จริง
Leave a Reply