ฝากถึง “อนุชา นาคาศัย”  

 “สิปป์บวร แก้วงาม” ผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ พรุ่งนี้จะถูกถอด “หัวโขน” กลับไปเป็นลุงเลี้ยงหลานอยู่กับครอบครัวแล้ว ขออวยพรให้ใช้ชีวิตหลังเกษียนอย่างมีความสุข ไม่ต้องทนทุกข์ต่อการเป็น “เด็กวัด” ร่วมทั้ง “ลำบากใจ” ในสนองงานต่อผู้มีอำนาจอีกต่อไป..ที่ผ่านมา “ผู้เขียน” เข้าใจถึงบทบาทและแรงกดดันทั้งภายในและภายนอก รวมทั้ง การเมือง ได้เป็นอย่างดี อันไหนที่ท่านคิดว่าในชีวิตของท่านที่ทำผิดพลาดไปที่ถือว่าเป็น “ตราบาป”ในชีวิต ในระยะเวลา 4-5 ปีมานี้ หาเวลาว่างไป “ขอขมา” หรือไป “พูดคุย” ความจริงกับพระภิกษุสงฆ์ที่ท่านคิดว่าท่าน “จำเป็น” ต้องทำ ก็ไม่ถือว่า “สายเกิน” เนื่องจากตอนนี้ไม่ว่าจะเป็น “บิ๊กตำรวจ” ก็ดี คนที่เกี่ยวข้องที่ไป “จับกุม” แล้วยัดพระคุณเจ้าใส่ “คุก” ทำผิดชั้นตอนทั้งพระวินัย  ทั้งกฎหมายสงฆ์  ล้วนไปขอขมาลาโทษกันแทบหมดแล้ว

“เท่าที่ทราบ” เหลือเพียง 2-3 คน เท่านั้นที่ยังไม่ได้ไป คือ 2 พ. กับอีกคนคือ คนซึ่งตอนนี้มีข่าวลือว่าเป็น “โรคสะเก็ดเงิน” กำลังลามอยู่ทั่วร่างกาย

พระพุทธศาสนาเราสอนให้เชื่อ “เรื่องกรรม” ใครทำดี ได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว มันจะติดตามเรา “เสมือนเงา” ติดตามตัว “การขอขมา” อาจไม่ช่วยได้ทั้งหมด แต่เหมือนกรรมเป็น น้ำเค็ม เต็มน้ำสะอาดใส่เข้าไปบ่อย ๆ มันอาจเจือจางลงไปได้บ้าง ไม่มากก็น้อย..หรืออย่างน้อยสิ่งเหล่านี้ “ทำแล้วสบายใจ” ทั้งผู้กระทำและผู้ถูกกระทำ..

“คณะสงฆ์ปั่นป่วน” ทั้งคณะสงฆ์และสำนักงานพุทธ ฯ รู้ดีอยู่แล้วว่าเกิดจากความผิดพลาดของ “รัฐบาล” ที่เอาคนนอกซึ่ง ไม่ได้รู้เรื่อง ธรรมเนียมปฎิบัติของ องค์กร ไม่รู้เรื่องเกี่ยวกับธรรมเนียมปฎิบัติของคณะสงฆ์ มุ่งใช้ “กฎระเบียบ” บริหารราชการแผ่นดินอย่างเดียว มันจึงเกิดความผิดพลาด ก่อให้ “เครดิต” สำนักงานพุทธ ฯ และข้าราชการสำนักงานพุทธ ฯ “ขาดความน่าเชื่อถือ” ทั้งจากคณะสงฆ์ส่วนใหญ่และชาวพุทธทั่วไปด้วย

“มีคนมาเล่า”ว่า “สิปป์บวร แก้วงาม” เคยพูดที่ประชุมผู้บริหารว่า “ต้องการให้สำนักงานพุทธ กลับมาเป็นสำนักงานพุทธ” จริง ๆ ตรงนี้ได้ใจผู้บริหารทั้งส่วนกลางและส่วนภูมิภาคทั่วประเทศ เพราะที่ผ่านมาคนส่วนใหญ่เชื่อว่าสำนักงานพุทธถูก “สั่งการ” จากคนนอก และ สิปป์บวร แก้วงาม เอง คนบางกลุ่มก็เชื่อว่า “ถูกคนนอก” บ่งการ แต่ตอนหลังหลายสิ่งสิปป์บวรเอง ก็พิสูจน์คำพูดที่ท่านพูดไว้ได้ระดับหนึ่งว่าเป็นตัวของตัวเอง..อันนี้ต้องอนุโมทนา

“ล่าสุด”  พรุ่งนี้ สิปป์บวร ต้องถอดหัวโหนแล้ว แต่ “อนุชา นาคาศัย” รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ยังไม่แต่งตั้งใครเป็น “ผอ.พุทธ” คนต่อไป “ตรงนี้น่าห่วง” เพราะจะก่อให้เกิด “สุญญากาศ” และกลัว “คนนอก” จะมาสร้างประวัติศาสตร์ซ้ำรอยในสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติอีกครั้ง

“ผู้เขียน” คุยกับกรรมการมหาเถรสมาคมรูปหนึ่ง บอกว่า “กลัว” รัฐบาลจะเอา “คนนอก” มานั่งเป็นผู้อำนวยการสำนักงานพุทธศาสนาแห่งชาติอีกครั้ง “กลัวซ้ำรอย” สิ่งที่ “คนนอก” มานั่งเป็น “ผอ.พุทธ” แล้วกระทำกับคณะสงฆ์ จนทำให้กิจการพระพุทธศาสนา “เสื่อมถอย” รวมทั้ง กิจการคณะสงฆ์ ไม่ราบรื่น เกิดความ “หวาดระแวง” ระหว่างคณะสงฆ์กับข้าราชการสำนักงานพุทธศาสนาแห่งชาติ

ฝากถึง “อนุชา นาคาศัย” ท่านเป็น “นักการเมือง” เป็นคนดูแลสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติช่วงที่ “รัฐบาล” ยุคท่าน นำคนนอกมานั่งเป็น ผอ.สำนักงานพุทธ สร้าง ความ “ปั่นป่วน” ให้คณะสงฆ์ทั่วประเทศ บัดนี้ “ใครเป็นคนต้องลงมาแก้ปัญหา” ท่านน่าจะรู้ดีที่สุด รองลงมาจาก ดร.วิษณุ เครืองาม

จึงขอความ “กรุณา”  อย่านำคนนอกมาเป็นผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ

พิจารณาคนที่เหมาะสมจากคนในเถอะครับ อย่างน้อย “รู้งาน” รู้จักคณะสงฆ์ และคณะสงฆ์ก็รู้จักคนในเหล่านี้เป็นอย่างดี ทุกคนเป็นข้าราชการก็อยากขึ้นมาเป็น “เบอร์หนึ่ง” ขององค์กรทั้งนั้น

“คนนอก” เป็นสิ่งต้องห้ามสำหรับสำนักงานพุทธศาสนาแห่งชาติและคณะสงฆ์

บาดแผลเก่า..ยังไม่จ่างหาย..อย่าให้ประวัติศาสตร์ซ้ำรอยอีกครั้ง..ถือว่า “สร้างบุญ” และสร้าง “ชื่อเสียง” ทางดีให้กับตัวเอง..จะได้เป็นนักการเมืองแบบมีคุณภาพ ประชาชนยอมรับรวมทั้ง พระคุณเจ้าด้วย!!

 

ภาพ : เพจสำนักงานพุทธศาสนาแห่งชาติ

Leave a Reply