เยือน “วังเจ้า” อำเภอนำร่อง ระดับ “ยอดเยี่ยม” อำเภอวังเจ้า จังหวัดตาก มีกลไกผู้นำที่เข้มแข็ง หรือก็คือ นายอำเภอวังเจ้า ในการสร้างการบูรณาการความร่วมมือของทุกภาคส่วน ผ่านการนำสถาบันหลักในชุมชนมาเป็นกลไกในการพัฒนาและสร้างชุมชนให้เข้มแข็ง เพื่อทำหน้าที่เป็นแกนกลางในการพัฒนาแก้ไขปัญหาตนเองและชุมชนตามแนวทาง “บวร บรม ครบ” มาขับเคลื่อน ร่วมกับการทำงานกับภาคีเครือข่าย 7 ภาคี นอกจากนี้ นายอำเภอวังเจ้ายังมีความโดดเด่นในด้านภาวะผู้นำ มีความมุ่งมั่นตั้งใจการขับเคลื่อนโครงการฯ ให้ประสบผลสำเร็จ แม้มีข้อจำกัดด้านทรัพยากรในพื้นที่ รวมถึง มีการขยายผลไปจากระดับอำเภอ สู่ระดับหมู่บ้าน ก่อให้เกิดความเข้มแข็งหมู่บ้านตามแนวทางแผ่นดินธรรมแผ่นดินทอง “หมู่บ้านอยู่เย็น” ด้วยเหตุนั้นคณะทำงานฯ ได้มีมติลงความเห็นร่วมกันด้วยคะแนนเสียงข้างมากเลือกให้ อำเภอวังเจ้า จังหวัดตาก ได้รับรางวัล อำเภอนำร่อง “บำบัดทุกข์ บำรุงสุข” ระดับดับยอดเยี่ยม นี่คือคำพูดบางช่วงบางตอนของ “สุทธิพงษ์ จุลเจริญ” ปลัดกระทรวงมหาดไทย ในฐานะเป็น “แม่ทัพ” ขับเคลื่อนโครงการอำเภอนำร่องบำบัดทุกข์ บำรุงสุข เพื่อความอยู่ดี กินดี และอยู่เย็น เป็นสุข ของประชาชนทั่วประเทศ “อำเภอวังเจ้า” แบ่งเขตการปกครองออกเป็น 3 ตำบล คือ ตำบลเชียงทอง ตำบลนาโบสถ์ และตำบลประดาง รวมทั้งหมดมี 28 หมู่บ้าน ประชากรส่วนใหญ่ประกอบอาชีพเกษตรกรหลัก ๆ คือ ไร่อ้อย ไร่มันและเฟอร์นิเจอร์ “ทีมข่าวพิเศษ” เมื่อเดินทางถึงที่ว่าการอำเภอวังเจ้าเห็นแปลง “โคก หนอง นา” อยู่ภายในหน้าอาคารหอประชุมใหญ่ซึ่งดูแล้วสบายตา เพราะมีผักและผลไม้อยู่หลากหลายมีสะพานเดินทอดน่องเดินเล่น ชมภายในแปลงโคก หนอง นา มีศาลาหลังเล็ก ๆ ไว้นั่งเล่น มีป้ายต้อนรับ “ปลัดกระทรวงมหาดไทย” อยู่หน้าหอประชุมใหญ่ตอนที่ลงมาประเมินอำเภอนำร่อง “บำบัดทุกข์ บำรุงสุข” “เอกสิฎฐ์ วิไลศิลป์” นายอำเภอวังเจ้า จังหวัดตาก บอกกับเราว่า เราไม่คิดว่าจะติดเข้ารอบได้ เพราะอำเภอวังเจ้าไม่ติดอันดับในรอบ 18 อำเภอด้วยซ้ำ ตอนหลังคณะกรรมการท่านเห็นว่าเรามีแผนนำร่องที่น่าสนใจเรื่องเกี่ยวกับการ “ซ่อมสร้างบ้าน” ให้กับคนจนจึงหยิบขึ้นมาพิจารณาใหม่ จนวันนี้เราได้รับเกียรติให้เป็นอำเภอนำร่อง “บำบัดทุกข์ บำรุงสุข” ระดับยอดเยี่ยม รู้สึกภูมิใจและมีพลังเป็นอย่างมาก ตอนที่รัฐบาลมีนโยบายแก้ไขปัญหาความยากจน ท่านปลัดกระทรวงมหาดไทย “สุทธิพงษ์ จุลเจริญ” ก็พูดว่าคนจนจะต้องหมดไปภายในวันที่ 30 กันยายน ได้จัดโครงการ “อำเภอนำร่อง บำบัดทุกข์ บำรุงสุข” ขึ้นมาทันที ซึ่งในข้อมูลของอำเภอวังเจ้า มีผู้ที่มีบ้านไม่มั่นคงแข็งแรงจำนวน 9 ครัวเรือน ผมในฐานะนายอำเภอ ไม่เชื่อว่าจะมีอยู่แค่นั้น ตอนนั้นท่านปลัดกระทวงมหาดไทยก็ได้มีข้อสั่งการให้สำรวจผู้ที่ประสบปัญหาความเดือดร้อน เมื่อสำรวจแล้วพบว่า หนึ่งใน 7 ด้านก็เป็นด้านที่อยู่ที่อาศัย สำรวจเสร็จประมาณต้นเดือนมิถุนายน ก็พบว่าอำเภอวังเจ้ามีบ้านที่ไม่มั่นคงแข็งแรง และไม่มีที่อยู่อาศัยรวมแล้ว 57 ครัวเรือน เราก็ลงพื้นที่สำรวจพบว่าเป็นจริงตามนั้น “หลังจากอบรมแล้วก็ได้ปรึกษาหารือกัน ในเรื่องของบ้านที่อยู่อาศัยทั้ง 57 ครัวเรือน เราทำงานโดยที่ไม่มีงบประมาณ และด้วยพลังใจที่ท่านปลัดกระทรวงที่เป็นผู้นำปลุกพลังของผู้เข้าอบรม ด้วยคำว่า “เมื่อมีหน้าที่ เมื่อได้มีโอกาสเข้ามาทำหน้าที่ ก็ทำหน้าที่นี้ให้ดีที่สุดเพื่อฝากไว้ในแผ่นดิน” ประโยคนี้เองที่ปลุกกำลังใจให้ลุกขึ้นมาต่อสู้ โดยเริ่มหางบประมาณจากทั้ง 7 ภาคีเครือข่าย เพื่อมาสร้าง ซ่อมแซมบ้าน ซึ่งสร้างบ้านใหม่แล้ว 10 หลัง ซ่อมบ้านอีก 60 หลัง รวมเป็น 70 หลัง ที่มีมากกว่าตอนสำรวจได้ 57 หลัง เนื่องจากพอได้ลงมือทำงานจริงก็พบว่าเจอบ้านที่มีปัญหาเพิ่มอีก 13 หลัง เราก็ไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง เราเร่งดำเนินการแก้ไขให้ทันที ปัจจุบันนี้ดำเนินการแล้วเสร็จทั้ง 70 หลัง ด้วยงบประมาณ 3 ล้านกว่าบาท โดยงบส่วนนี้มาจากงบรัฐบาลจากองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น 400,000 บาท ใช้ระเบียบของกระทวงมหาดไทยว่าด้วยการช่วยเหลือพี่น้องประชาชนที่ประสบความเดือดร้อน ส่วนอีก 2 ล้านกว่านั้นหามาจากภาคีเครือข่ายซึ่งเป็นส่วนสำคัญมาก ที่ท่านปลัดกระทรวงมหาดไทยชี้ช่องให้เห็นถึงความสำคัญของ 7 ภาคีเครือข่าย โดยเฉพาะภาคีเครือข่ายภาคศาสนา ซึ่งได้รับความเมตตาจากเจ้าคณะอำเภอวังเจ้า เจ้าคณะตำบลทุกตำบลโดยเฉพาะเจ้าคณะตำบลเชียงทอง พระปลัดดอกดิน นริสฺสโร ที่เป็นหนึ่งในนักขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ที่เข้าอบรมร่วมกัน ท่านได้ตั้งคณะกรรมการวัดไม่ทิ้งโยม ซึ่งท่านเป็นเจ้าอาวาสวัดลาดยาวใหม่ และเป็นเลขานุการเจ้าคณะอำเภอวังเจ้าด้วย การทำงานเมื่อมีภาคีเครือข่ายเข้มแข็งมันก็ไปเลยได้แบบไม่มีสะดุด ..” นายอำเภอวังเจ้า เล่าต่อด้วยความภาคภูมิใจในสิ่งที่ตนเองได้ทำ ด้วยความคล่องแคล่วว่า แก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนของอำเภอวังเจ้าเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืนนอกจากนี้ยังได้จัดทอดผ้าป่าวัสดุอุปกรณ์ รวมทั้งน้ำดื่มเพื่อเอาไปช่วยเหลือพี่น้องประชาชนแล้วยังได้จัดโครงการบิณฑบาตเมื่อได้สิ่งของมาก็จัดเป็นถุงยังชีพแจกจ่ายไปยังกลุ่มเปราะบางด้วยเพื่อมอบให้กับครอบครัวเป้าหมาย 152 ครัวเรือนและทำแบบนี้เรื่อยมาจนช่วยเหลือได้ 290 ครัวเรือน ประชาชนที่ได้รับผลประโยชน์ทั้งหมด 1,140 คน ซึ่งโครงการเหล่านี้ยังขับเคลื่อนต่อเนื่องจนถึงปัจจุบัน “ปัญหาอันดับหนึ่งคือด้านที่อยู่อาศัย ตามหลักแนวคิดของในหลวงรัชกาลที่ 9 ถ้าประชาชนมีที่อยู่อาศัยที่มั่นคง พวกเขาเหล่านั้นก็จะมีกำลังใจที่จะดำเนินชีวิตตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง เพราะมีความมั่นคงด้านปัจจัย 4 ดังนั้นเราจึงแก้ไขปัญหาเรื่องที่อยู่อาศัยก่อน พร้อมกันนี้ก็ได้สร้างนักขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ โดยอำเภอจัดอบบรมผู้นำในท้องถิ่นในรุ่นแรกนี้สร้างนักขับเคลื่อนได้ 120 คน ให้เข้าใจถึงหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง หลักบันได 9 ขั้น เพื่อความยั่งยืน และสิ่งสำคัญคือ การปลุกพลังใจของพวกเขาเหล่านั้นขึ้นมาเพื่อให้ทำงานเพื่อคนของเขาเอง มีจิตอาสา รักองค์กร รักท้องถิ่นของตนเอง และได้มอบให้ผู้ใหญ่บ้านได้คัดเลือกคนในหมู่บ้านที่มีแววจะเป็นนักขับเคลื่อนได้ หมู่บ้านละ 10 คน ได้ทั้งหมด 280 คนเข้าร่วมการอบรมในที่ว่าการอำเภอ ซึ่งที่ว่าการอำเภอได้มีตัวอย่างแปลงโคก หนอง นา ที่ตรงนี้จากเดิมเป็นที่รกร้างว่างเปล่าไม่ได้ใช้ประโยชน์ ผมก็ได้เข้าไปพลิกฟื้นแผ่นดิน ฟื้นฟูจนตอนนี้มีทั้งน้ำที่ใช้ทำนาได้ตลอดปี มีพืช ผักสวนครัวอุดมสมบูรณ์..” เมื่อทีมงานถามถึงว่า หากนายอำเภอกว่า 800 อำเภอทั่วประเทศอยากจะทำแบบนี้บ้าง อะไรคือ “หัวใจ” สำคัญที่สุดในการเป็นอำเภอนำร่อง “เอกสิฎฐ์ วิไลศิลป์” นายอำเภอวังเจ้า ตอบว่า “สิ่งที่จะต้องทำคือ สร้างคน อันนี้คือความสำเร็จของเรา โดยนำหลักการทำงานของในหลวงรัชการที่ 9 ให้ความสำคัญกับการสร้างทรัพยากรบุคคล เรามี 28 หมู่บ้าน มีผู้นำชุมชน 280 คน เราให้พวกเขาไปขยายความรู้ให้กับคนในหมู่บ้านอีกหมู่บ้านละ 50 คน เพื่อปลุกกำลังใจ รวมแล้วในอำเภอวังเจ้ามีคนที่มีใจ 2,000 คน ที่เป็นกุญแจสำคัญในการแก้ไขปัญหาทั้ง 7 ด้านเกิดความสำเร็จ ไฮไลท์ของเราก็คือสร้างนักขับเคลื่อนได้ 2,000 คน ทำได้อย่างไรโดยไม่มีงบประมาณสนับสนุนจากกระทรวงเลย เพราะตอนแรกไม่ได้อยู่ใน 18 อำเภอร่อง ทางหลักการของกระทรวง ไม่ได้บอกว่าตัดสิทธิ์อำเภออื่นที่เหลือ ว่าตัดสิทธิ์ไม่ให้ส่งผลงาน แต่เราก็ทำต่อเนื่องจะส่งผลงานที่ได้ทำไว้จนประสบความสำเร็จภายในวันที่ 30 กันยายน ทางคณะกรรมการก็ได้เห็นความตั้งใจจริง เห็นการทำงานเป็นทีมในทุกด้าน และได้ตัดสินให้อำเภอวังเจ้าติดอันดับ 1 ใน 10 อำเภอ และนำมาซึ่งเป็น 1 ใน 2 อำเภอนำร่องยอดเยี่ยม ไม่นึกฝันว่าจะผ่านด่านนั้นมาได้ เป็นความภาคภูมิใจอย่างมากที่เราติดอันดับก็มาจากผลการทำงานอย่างจริงจังของผมและภาคีเครือข่ายทั้งหมด อย่างน้อยเมื่อเราทำเต็มที่อย่างสุดความสามารถ ก็ทำให้หลายๆคนได้รู้จักอำเภอวังเจ้าที่เป็นอำเภอเล็ก ๆ ได้มีคนรู้จักเพิ่มขึ้นสร้างความภาคภูมิใจเป็นอย่างยิ่ง..” “พระปลัดดอกดิน นริสฺสโร” เจ้าอาวาสวัดลาดยาวใหม่ เจ้าคณะตำบลเชียงทอง หนึ่งในแกนนำขับเคลื่อนอำเภอนำร่อง “บำบัดทุกข์ บำรุงสุข” บอกว่า เรื่องศาสนสงเคราะห์ คณะสงฆ์เราทำมาก่อนแล้ว อาตมาตั้งแต่เป็นพระเด็ก ๆ โดยเอาสังฆทานบ้าง น้ำบ้างไปแจก ตอนหลังมาเป็นเจ้าคณะตำบลก็ขับเคลื่อนเต็มที่ร่วมกับคณะสงฆ์ในเขตปกครอง “เจ้าคณะอำเภอวังเจ้า ท่านเต็มที่กับตรงนี้ ทุกวันนี้หลังมีภาครัฐ นายอำเภอเข้ามาสนับสนุน เข้ามาเสริม เราทำงานได้เต็มที่ ตอนนี้นายอำเภอกับคณะสงฆ์รวมทั้งท้องถิ่นชาวบ้าน เป็นเนื้อเดียวกัน การจะทำอะไรมันก็สะดวกขึ้น ง่ายขึ้น ประชาชนได้ประโยชน์จากการเป็นอำเภอนำร่องมาก..” เท่าที่ทีมงานทราบมา “จุดเด่น” ของอำเภอวังเจ้าคือการซ่อม สร้าง บ้านให้กับผู้ยากจน จนถึงการส่งเสริมเศรษฐกิจฐานรากเพื่อสร้างความมั่นคงให้กับครัวเรือนนั่นคือโครงการ โคก หนอง นา ของกรมการพัฒนาชุมชน หลังจากพูดคุยกับนายอำเภอและพระคุณเจ้าเรียบร้อยแล้ว “ไกด์กิตติมศักดิ์” ปลัดอำเภอและเจ้าหน้าที่กรมการพัฒนาชุมชนพาลงพื้นที่เพื่อดูวิถีชีวิตและพูดคุยกับชาวบ้านอำเภอวังเจ้า “อนุรักษ์ ภูครองทอง” ณ ศูนย์เรียนรู้ โคก หนอง นา พัฒนาชุมชน บอกว่าเข้า ร่วมโครงการโคก หนอง นา ตั้งแต่ปี 2564 ที่นี่แห้งแล้ง คิดว่าทำโครงการโคก หนอง นา คิดว่าน่าจะดีนะ เพราะหากมีน้ำ ก็สามารถทำการเกษตรได้ ตอนนี้น้ำเก็บได้ตลอดทั้งปี “พื้นที่มีทั้งหมด9 ไร่ เป็นที่ดิน สปก. มีมะนาว ลำไย รายได้หลักมาจากการเลี้ยงหมู โคก หนอง นา สามารถตอบโจทย์ชีวิตได้เยอะอันดับแรกมีน้ำไว้ปลูกข้าว ก็กินข้าวโดยไม่ต้องซื้อ พอมีน้ำแล้วผลผลิตก็เพิ่มมากขึ้น จากเดิมได้ข้าว 10 ถุงปุ๋ยก็ได้มากถึง 50 ถุงปุ๋ย โดยผลผลติเหล่านี้ไม่ได้ใช้สารเคมีเลย ทำปุ๋ยเอง วิธีทำคือ ทำจากจาวปลวก เมื่อมีหัวเชื้อ ให้ทำพิธีขอที่จอมปลวกใหญ่ๆ เอามาขยำใส่ปลายข้าวและเติมน้ำให้เต็มถัง หมักได้ครบ 7 วันจะมีฝ้าขึ้นมามีกลิ่นเหม็น นำมาราดต้นไม้ บำรุงต้นไม้ หากนำไปราดจอมปลวกก็จะมีเห็ดโคนขึ้น ทุกวันนี้คิดว่ามีความสุขกว่าเดิมที่ทำพืชเชิงเดียวมาก..” จากนั้น “พี่อนุรักษ์” พาชมแปลงโคก หนอง นา และพาชม “คอกหมู” ซึ่งมีลูกหมูตัวเล็ก ๆ หลายตัวที่เขาบอกว่าสร้างรายได้ให้เขาอย่างงาม เนื่องจากมีการตั้งกลุ่มต่อรองมิให้ถูกเอาเปรียบจากเดิมขายได้ตัวละ 1,500 บาท ตอนนี้ได้ 2,500 บาทต่อตัว เนื่องจากคนม้งซึ่งมีอยู่จำนวนมากในอำเภอวังเจ้าใช้ไปประกอบพิธีกรรมต่าง ๆ ตามความเชื่อของพวกเขา.. ต่อจากนั่นไม่ไกลมากนัก “ไกด์กิตติมศักดิ์” ได้พาทีมงานไปพูดคุยกับ “มงคล ภูคล้องหิน” ซึ่งเป็นหนึ่งในห้าสิบเจ็ดบุคคลเป้าหมายที่อำเภอวังเจ้าได้สร้างบ้านให้จากเงินบริจาคทั้งสิ้นในราคา 260,000 บาท บอกว่า ตอนนี้ภรรยาไปทำงานอยู่ประเทศมาเลเซียอยู่กับลูกสาวซึ่งกำลังเป็นวัยรุ่นแล้ว เดิมไม่มีบ้านเลย อยู่แบบตามมีตามเกิดใช้ฝาแปะ ตอนนั้นก็เป็นห่วงลูกสาว แต่ตอนนี้สบายใจขึ้นมาก “รู้สึกภูมิใจที่ได้บ้านหลังนี้มา เมื่อก่อนเป็นแค่เพิง พอได้บ้านนี้มาก็สามารถแบ่งเบาภาระไปได้เยอะ “ที่ดินนี้เป็นที่ดิน สปก. จำนวน 1 ไร่ ซื้อมาราคาไร่ละ 130,000บาท อาชีพเสริมคือเป็นช่างเชื่อม ทำไร่อ้อย 3 ไร่ ทำสวนมะลิ ปลูกพืชผักสวนครัว หากเหลือกินแล้วก็แบ่งขาย จ้างแม๊คโครขุดบ่อ ลึก11 เมตรเจอตาน้ำ นับเป็นความโชคดีที่มีน้ำ มีน้ำใช้ตลอดปี ปลูกพริก มะเขือยาว ปลูกพืชหมุนเวียนให้สามารถสร้างรายได้ตลอด ต้องขอบคุณนายอำเภอ คณะสงฆ์ รวมทั้งคนทั่วไปที่ทำให้มีกิน มีใช้ แบบทุกวันนี้..” ทีมงานเดินสำรวจรอบบริเวณแปลงที่ปลูกแบบผสมผสานมีการเลี้ยงกบ ปลา และ ปลูกดอกมะลิ ในขณะที่ข้างบ้านซึ่งทีมงานสังเกตเห็นมีผักกำลังเขียวขจี ซึ่งมงคลว่าแปลงผักที่เห็นนั้น เป็นของตนเอง แต่ที่ดินเป็นของกำนันท่านให้ใช้ที่ดินท่านทำมาหากินได้ ซึ่งตอนเองและครอบครัว ซึ่งน้ำใจเป็นอย่างมากที่คนไทยไม่ทิ้งกัน.. ไม่จบแค่นี้คณะทีมงานจากอำเภอวังเจ้าได้พาทีมข่าวไปพบกับ “ป้าจันทร์เพ็ญ ปานฟัก” อายุ 74 ปี ซึ่งเป็นหนึ่งในบุคคลเป้าหมายที่ได้รับการซ่อมแซมบ้าน ในขณะที่เราไปถึงมีพ่อค้าคนกลางมารับซื้อลำใยและคัดลูกกันอยู่อย่างสนุกสนาน “ป้าจันทร์เพ็ญ” พาเดินดูรอบบริเวนแปลงที่เป็นสวนแบบผสมผสานเช่นเดียวกัน พลางเล่าชีวิตด้วยความน้อยใจว่า ทางอำเภอมาซ่อมหลังคาบ้านให้ เพราะเงินพอมีก็ไม่กล้าใช้ ตอนนี้กำลังส่งหลานเรียน 2 คน ตนเองมีลูก 3 คน ต่างคนต่างมีงานและแยกย้ายไปหมดอยู่กับตนเองเพียงคนเดียว “บ้านหลังนี้สร้างมาตั้งแต่ปี 2524 มีหลังคาเป็นสังกะสี เวลาฝนตกทีนึงก็ต้องนำกะละมังไปรองน้ำฝนที่หยดลงมา รายได้ไม่พอเลยไม่มีเงินที่จะเปลี่ยนหลังคาบ้านเอง มีภาระต้องส่งลูกเรียน ปัจจุบันนี้ส่งลูกเรียนจบหมดแล้ว และกำลังเลี้ยงหลาน หลังจากซ่อมแซมบ้านแล้วดีมากเพราะฝนตกก็ไม่ต้องเอากะละมังมารองต้องขอบคุณกระทรวงมหาดไทยมาก ๆ ที่แก้ไขปัญหาความยากจนได้ถูกทาง เข้าถึงชาวบ้าน มีทั้งนายอำเภอ กำนัน ผู้ใหญ่บ้านเข้ามาช่วย ขอชื่นชมนายอำเภอมาก ๆ ตอนนี้ก็ไม่ขาดแคลนอะไรแล้วเพราะใช้ชีวิตอย่างพอเพียง ปลูกพืชผักบ้าง ได้รายได้จากลำไยบ้าง ผักก็ไม่ต้องซื้อกิน มีตำลึง ข่า ตะไคร้ พืชผักสวนครัว..” ก่อนจากกันถามว่าตอนนี้ป้ามีอะไรอยากให้ทางอำเภอช่วยบ้าง “ป้าจันทร์เพ็ญ” บอกว่ามีเรื่องเดียวคือ ขึ้นทะเบียนบัตรประชารัฐไม่ได้เนื่องจากวันที่เกิดไม่มี ทีมงานจึงขอให้ปลัดอำเภอที่ร่วมเดินทางมาด้วยจัดการให้ ซึ่งปลัดบอกว่า ทำได้ ไม่ยาก..สร้างความดีใจและปลื้มใจให้กับป้าจันทร์เพ็ญ เป็นอย่างยิ่ง ที่มีเจ้าหน้าที่มาช่วย “บำบัดทุกข์ บำรุงสุข” ให้ถึงบ้านแบบนี้ พร้อมกับฝากขอบคุณปลัดกระทรวงมหาดไทย ที่ส่งทีมข่าวแบบเกาะพื้นที่ไม่ทิ้งประชาชนแบบนี้. การขับเคลื่อนอำเภอนำร่อง “บำบัดทุกข์ บำรุงสุข” ของอำเภอวังเจ้า จังหวัดตาก จนสามารถบรรลุผลสำเร็จตามเป้าหมายในการขจัดความยากจนและแก้ไขปัญหาความเดือดร้อน รวมทั้งพบปัญหาแล้วแก้ไขทันทีแบบไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง ที่นายอำเภอวังเจ้ายืนยันว่า ณ เวลานี้อำเภอวังเจ้าได้ก้าวผ่านเส้นความยากจนแล้ว กำลังมุ่งหน้าสู่การพัฒนาเพื่อความยั่งยืน โดยผ่านการทำงานร่วมกับภาคีเครือข่ายแบบเป็นทีม ได้ปลูกฝั่งเมล็ดพันธุ์แห่งความรัก ความสามัคคีลงในหัวใจของคนวังเจ้า ก่อเกิดเป็นความเข้มแข็งของชุมชน โดยชุมชน เพื่อชุมชนที่ยั่งยืนตามวิถีคนวังเจ้า Chang for good เพื่อให้โลกใบเดียวนี้อยู่อย่างยั่งยืนด้วยปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง.. จำนวนผู้ชม : 452 Leave a ReplyFacebook Comments More Articles By the same author เปิดศึกชิง “รองเจ้าคณะอำเภอ” สงฆ์ศรีสะเกษวุ่น!! อุทัย มณี ก.ย. 16, 2021 วันที่ 16 ก.ย. 64 ปรากฏมีหนังสือคัดค้านการแต่งตั้งรองเจ้าคณะอำเภอเมืองศรีสะเกษ… มติ “มส.” แนวทางปฏิบัติ วัดออกใบอนุโมทนาบัตรเพื่อลดหย่อนภาษี อุทัย มณี ม.ค. 24, 2021 เมื่อวันที่ 24 มกราคม พ.ศ.2564 ตามที่นายณรงค์ ทรงอารมณ์ ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ… พรึบ!! ปลัดเก่ง ร่วม แม่บ้านมหาดไทยและภาคีภาคีเครือข่าย 14 จังหวัดภาคใต้ จัดกิจกรรมถวายความจงรักภักดี แด่ “กรมสมเด็จพระเทพ ฯ “ อุทัย มณี ก.พ. 15, 2024 วันที่ 15 ก.พ. 67 เวลา 13.00 น. ที่โรงแรมรอยัลภูเก็ตซิตี้ ต.ตลาดใหญ่… สมเด็จพระสังฆราช ประทานพระคติธรรม เนื่องในวันมาฆบูชา อุทัย มณี ก.พ. 24, 2021 เมื่อวันที่ ๒๖ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๔ เพจสำนักงานเลขานุการสมเด็จพระสังฆราช… เยือนอำเภอเชียงของ “บำบัดทุกข์ บำรุงสุข” ใช้อัตลักษณ์สร้างรายได้สู่ชุมชน ตอน 2 อุทัย มณี ม.ค. 29, 2023 อำเภอนำร่อง “บำบัดทุกข์ บำรุงสุข” เป็นโครงการของกระทรวงมหาดไทยที่… ผอ.พศ.ลำปาง เดินหน้าโครงการ “ทำวัดร้าง ให้เป็นวัดรุ่ง” เร่งออกโฉนดที่ดินวัด เพื่อเฉลิมพระเกียรติฯ อุทัย มณี ม.ค. 09, 2024 วันอังคารที่ 9 มกราคม 2567 เวลา 09.30 น. นายคนึงกิจ พรหมนุชานนท์ ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดลำปาง… เชิญร่วมบุญเททองหล่อ “หลวงพ่อฤๅษีลิงดำ” สวดคาเงินล้านวัดสมรโกฏิตลิ่งชัน กทม. อุทัย มณี ต.ค. 14, 2019 เชิญร่วมบุญเททองหล่อ "หลวงพ่อฤๅษีลิงดำ" สวดคาเงินล้าน อาทิตย์ที่… พระอาจารย์ต้นโพสต์ “สัจลิขิตเป็นของอาตมา พระราชศรัทธาเป็นของพระเจ้าอยู่หัว” อุทัย มณี ต.ค. 24, 2024 วันที่ 24 ตุลาคม 2567 หลังจากราชกิจจนุเบกษาได้ลงประกาศ พระราชทานสัญญาบัตรตั้งสมณศักดิ์ พระทวีวัฒน์… “องคมนตรี” ประชุมติดตามคืบหน้า “พุทธสถานเฉลิมพระเกียรติ” วัด “หลวงปู่ทุย” ในพระบรมราชูปถัมภ์ อุทัย มณี ก.ค. 18, 2024 วันพฤหัสบดีที่ 18 กรกฎาคม 2567 นายอำพน กิตติอำพน องคมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะอนุกรรมการติดตามและบริหารโครงการพุทธสถานทรัพยากรเฉลิมพระเกียรติ… Related Articles From the same category พระนิสิตหอพัก มจร แตกตื่น “เจ้าหน้าที่เมา” บุกรุกยามวิกาล ด้านพระนิสิตระบุ 2 รอบแล้ว ผู้บริหารเงียบฉี่!! วันที่ 6 ตุลาคม 2566 เพจองค์กรบริหารนิสิต มจร ส่วนกลาง ได้เผยแพร่ภาพไลน์สดเมื่อคืนนี้เวลาประมาณ… กห.สั่งเตรียมพร้อมรับพระสงฆ์และญาติธรรมกลับจากอินเดีย วันที่ 19 เม.ย.2563 พล.ท.คงชีพ ตันตระวาณิชย์ โฆษกกระทรวงกลาโหม เปิดเผยว่า… งานบุญปิดทองฝังลูกนิมิตวัดสะแก 25 ม.ค. ถึง 2 ก.พ. 2563 ต.บางเลน อ.บางใหญ่จ.นนทบุรี "ลูกนิมิต" ตามความหมายของพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน หมายถึง… ชาวบ้านปลื้มนโยบาย “โคก หนอง นา พช.” ช่วยลดรายจ่ายช่วงประสบภัยโควิด-19 วันที่ 18 พฤษภาคม 2564 นายธรรมนูญ ไขว้พันธุ์ พัฒนาการจังหวัดเพชรบุรี… ปลัด มท. เผยสรุปสถานการณ์วาตภัยห้วง 15-16 เม.ย. 66 เกิดสถานการณ์ในพื้นที่ 10 จังหวัด บ้านเรือนได้รับความเสียหาย รวม 1,781 หลัง ปลัดมหาดไทยเผยสรุปสถานการณ์วาตภัยห้วง 15-16 เม.ย. 66 เกิดสถานการณ์ในพื้นที่…
Leave a Reply