ที่มา “มหาเถรสมาคม” ตามพ.ร.บ.คณะสงฆ์ แต่งตั้งโดยพระมหากษัตริย์ . ปลายปีนี้หากไม่ผิดพลาดประการใด คณะสงฆ์คงจักได้ “กรรมการมหาเถรสมาคม” ชุดใหม่ ซึ่งยังไม่ทราบว่า “ใครมาจะมา -ใครจะไป” เพราะเป็น “พระราชอำนาจ” แล้วแต่จะทรงโปรดเกล้า ฯ ดังเว๊ปไซต์ “ilaw.or.th” เคยลงรายละเอียดไว้ ดังนี้ พ.ร.บ.คณะสงฆ์ ซึ่งผ่านการแก้ไขมาแล้วสี่ครั้ง กำหนดโครงสร้างของมหาเถรสมาคม ประกอบด้วย สมเด็จพระสังฆราช เป็นประธานกรรมการ และกรรมการอื่นอีกไม่เกิน 20 รูป ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ เป็นเลขาธิการมหาเถรสมาคมโดยตำแหน่ง และสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติทำหน้าที่สำนักเลขาธิการมหาเถรสมาคม กรรมการมหาเถรสมาคม ล้วนมีที่มาจากการแต่งตั้งโดยพระมหากษัตริย์ สมเด็จพระสังฆราช ซึ่งเป็นประธานกรรมการมหาเถรสมาคม มาจากการสถาปนาโดยพระมหากษัตริย์ มีนายกรัฐมนตรีลงนามรับสนองพระบรมราชโองการ นอกจากบทบาทในการเป็นประธานกรรมการมหาเถรสมาคม สมเด็จพระสังฆราชทรงดำรงตำแหน่งสกลมหาสังฆปริณายก ทรงบัญชาการคณะสงฆ์ และทรงตราพระบัญชาสมเด็จพระสังฆราชโดยไม่ขัดหรือแย้งกับกฎหมาย พระธรรมวินัยและกฎมหาเถรสมาคม “มาตรา 7 พระมหากษัตริย์ทรงสถาปนาสมเด็จพระสังฆราชองค์หนึ่ง และให้นายกรัฐมนตรีลงนามรับสนองพระบรมราชโองการ” “มาตรา 8 สมเด็จพระสังฆราชทรงดำรงตำแหน่งสกลมหาสังฆปริณายก ทรงบัญชาการคณะสงฆ์ และทรงตราพระบัญชาสมเด็จพระสังฆราชโดยไม่ขัดหรือแย้งกับกฎหมาย พระธรรมวินัยและกฎมหาเถรสมาคม” ขณะที่กรรมการอื่นอีกไม่เกิน 20 รูป พระมหากษัตริย์ทรงแต่งตั้งจากสมเด็จพระราชาคณะ พระราชาคณะ หรือ พระภิกษุซึ่งมีพรรษาอันสมควร และมีจริยวัตรในพระธรรมวินัยที่เหมาะสมแก่การปกครองคณะสงฆ์ กรรมการมหาเถรสมาคมซึ่งพระมหากษัตริย์ทรงแต่งตั้งอยู่ในตำแหน่งคราวละ สองปี และอาจได้รับการแต่งตั้งอีกได้ (ชุดปัจจุบันได้รับแต่งตั้งเมื่อวันที่ 10 ธันวาคม พ.ศ. 2564) “มาตรา 12 มหาเถรสมาคมประกอบด้วย สมเด็จพระสังฆราชซึ่งทรงดำรงตำแหน่งประธานกรรมการโดยตำแหน่ง และกรรมการอื่นอีกไม่เกินยี่สิบรูปซึ่งพระมหากษัตริย์ทรงแต่งตั้งจากสมเด็จพระราชาคณะ พระราชาคณะ หรือพระภิกษุซึ่งมีพรรษาอันสมควร และมีจริยวัตรในพระธรรมวินัยที่เหมาะสมแก่การปกครองคณะสงฆ์” “มาตรา 14 กรรมการมหาเถรสมาคมซึ่งพระมหากษัตริย์ทรงแต่งตั้งอยู่ในตำแหน่งคราวละสองปี และอาจได้รับการแต่งตั้งอีกได้” นอกจากพระมหากษัตริย์จะมีพระราชอำนาจในการแต่งตั้งกรรมการมหาเถรสมาคม ยังทรงมีพระราชอำนาจประกาศพระบรมราชโองการให้กรรมการมหาเถรสมาคมออกจากตำแหน่ง แต่กรรมการมหาเถรสมาคมอาจพ้นจากตำแหน่งด้วยเหตุอื่นๆ ที่ไม่เกี่ยวข้องกับพระบรมราชโองการก็ได้ ได้แก่ มรณภาพ พ้นจากความเป็นพระภิกษุ และลาออก ภายหลังจากการประกาศใช้พ.ร.บ.คณะสงฆ์ (ฉบับที่ 4) พ.ศ. 2561 ที่ผ่านการพิจารณาโดยสนช. 14 ตุลาคม 2562 ราชกิจจานุเบกษาได้เผยแพร่ พระบรมราชโองการ ประกาศ แต่งตั้งกรรมการมหาเถรสมาคม โดยเนื้อความคือพระมหากษัตริย์ทรงโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งกรรมการมหาเถรสมาคม 20 รูป โดยอาศัยอำนาจจากพ.ร.บ.คณะสงฆ์ (ฉบับที่ 4) พ.ศ. 2561 โดยพระภิกษุซึ่งพระมหากษัตริย์แต่งตั้งให้เป็นกรรมการมหาเถรสมาคมนั้น ล้วนสังกัดวัดที่อยู่ภายในเขตพื้นที่กรุงเทพมหานคร เปิดอำนาจมหาเถรสมาคม ปกครองคณะสงฆ์ ออกกฎ ข้อบังคับ คำสั่งได้ เท่าที่ไม่ขัดกฎหมายและธรรมวินัย พ.ร.บ.คณะสงฆ์ มาตรา 15 ตรี กำหนดอำนาจหน้าที่ของมหาเถรสมาคมไว้ 1. ปกครองคณะสงฆ์ให้เป็นไปโดยเรียบร้อยดีงาม โดยการจัดระเบียบการปกครองคณะสงฆ์ให้เป็นไปตามที่กำหนดในกฎมหาเถรสมาคม 2. ปกครองและกำหนดการบรรพชาสามเณร 3. ควบคุมและส่งเสริมการศาสนศึกษา การศึกษาสงเคราะห์ การเผยแผ่ การสาธารณูปการ และการสาธารณสงเคราะห์ของคณะสงฆ์ 4. รักษาหลักพระธรรมวินัยของพระพุทธศาสนา 5. ปฏิบัติหน้าที่อื่น ๆ ตามที่บัญญัติไว้ในกฎหมายนี้หรือกฎหมายอื่น เพื่อการดำเนินการให้ลุล่วงไปได้ตามอำนาจที่กฎหมายกำหนด มหาเถรสมาคมมีอำนาจตรากฎมหาเถรสมาคม ออกข้อบังคับ วางระเบียบ ออกคำสั่ง มีมติหรือออกประกาศ โดยไม่ขัดหรือแย้งกับกฎหมายและพระธรรมวินัยใช้บังคับได้ และจะมอบให้พระภิกษุรูปใดหรือคณะกรรมการหรือคณะอนุกรรมการเป็นผู้ใช้อำนาจหน้าที่ทั้งห้าประการข้างต้นก็ได้ นอกจากอำนาจทั้งห้าประการข้างต้น มาตรา 15 จัตวา กำหนดว่า มหาเถรสมาคมยังมีอำนาจตรากฎมหาเถรสมาคม เพื่อกำหนดโทษหรือวิธีลงโทษทางการปกครอง สำหรับพระภิกษุและสามเณรที่ประพฤติให้เกิดความเสียหายแก่พระศาสนาและการปกครองของคณะสงฆ์ เพื่อรักษาหลักพระธรรมวินัยและเพื่อความเรียบร้อยดีงามของคณะสงฆ์ ย้อนดูความเปลี่ยนแปลง พ.ร.บ.คณะสงฆ์ จากปี 2505 สู่การเปลี่ยนแปลงในยุคคสช. พ.ร.บ.คณะสงฆ์ เดิมกำหนดบทบาทของพระมหากษัตริย์ไว้เพียงแต่เป็นผู้สถาปนาสมเด็จพระสังฆราช ตามมาตรา 7 ซึ่งสมเด็จพระสังฆราชจะมีตำแหน่ง “สกลมหาสังฆปริณายก” เป็นผู้บัญชาคณะสงฆ์ และสามารถตราพระบัญชาสมเด็จพระสังฆราช แต่ต้องไม่ขัดหรือแย้งกับกฎหมาย พระธรรมวินัย และกฎมหาเถรสมาคม อีกทั้งสมเด็จพระสังฆราชทรงดำรงตำแหน่งประธานกรรมการมหาเถรสมาคม ต่อมาพ.ร.บ.คณะสงฆ์ ถูกแก้ไขครั้งแรก โดยการออกพ.ร.บ.คณะสงฆ์ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2535 กำหนดให้ พระมหากษัตริย์ทรงสถาปนาสมเด็จพระสังฆราช แต่ขยายความเพิ่มเติมว่า กรณีที่ตำแหน่งสมเด็จพระสังฆราชว่างลง ให้นายกฯ เสนอนามสมเด็จพระราชาคณะผู้มีอาวุโสสูงสุดโดยสมณศักดิ์ความเห็นชอบของมหาเถรสมาคม ขึ้นทูลเกล้าฯ เพื่อให้พระมหากษัตริย์สถาปนาเป็นสมเด็จพระสังฆราช เท่ากับเปิดช่องให้ฝ่ายการเมืองเข้ามามีบทบาทสำคัญ ส่วนพระมหากษัตริย์จะมีบทบาทสถาปนาตามแบบพิธีเท่านั้น นอกจากนี้ในการแก้ไขครั้งแรก ยังขยายพระราชอำนาจของพระมหากษัตริย์เกี่ยวกับคณะสงฆ์ออกไปอีกสองกรณี หนึ่ง กรณีที่สมเด็จพระสังฆราชทรงลาออกจากตำแหน่งหรือพระมหากษัตริย์ทรงพระกรุณาโปรดให้ออกจากตำแหน่ง พระมหากษัตริย์จะทรงแต่งตั้งให้เป็นที่ปรึกษาของสมเด็จพระสังฆราชหรือตำแหน่งอื่นใดตามพระราชอัธยาศัยก็ได้ สอง พระมหากษัตริย์มีพระราชอำนาจในการแต่งตั้งสถาปนาและถอดถอนสมณศักดิ์ของพระภิกษุในคณะสงฆ์ ซึ่งไม่ใช่แค่การแต่งตั้งพระสงฆ์ระดับพระสังฆราช แต่รวมถึงพระสงฆ์อื่นๆ ที่อยู่ภายใต้คณะสงฆ์ด้วย การแก้ไขเพิ่มเติมพ.ร.บ.คณะสงฆ์ครั้งที่สอง ทำโดยการออกพระราชกำหนดแก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติคณะสงฆ์ พ.ศ. 2505 พ.ศ. 2547 ลงนามโดยพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ในฐานะนายกรัฐมนตรี โดยเป็นการแก้ไขเกี่ยวกับการแต่งตั้งผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราชในกรณีที่ไม่มีสมเด็จพระสังฆราช และผู้ปฏิบัติหน้าที่แทนสมเด็จพระสังฆราชในกรณีที่สมเด็จพระสังฆราชไม่ประทับอยู่ในราชอาณาจักร หรือไม่อาจทรงปฏิบัติหน้าที่ได้ ซึ่งเดิมพ.ร.บ.คณะสงฆ์กำหนดรูปแบบของผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราชหรือปฏิบัติหน้าที่แทน เป็นรายบุคคลเท่านั้น โดยอาจเลือกจากสมเด็จพระราชาคณะ “รูปใดรูปหนึ่ง” แต่ในการแก้ไขครั้งที่สอง กำหนดให้ผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราช สามารถแต่งตั้งขึ้นมาเป็นรายบุคคลหรือองค์คณะก็ได้ โดยอาจเลือกจากสมเด็จพระราชาคณะหลายรูป การแก้ไขเพิ่มเติมครั้งที่สาม เกิดขึ้นในยุคของ คสช. โดยพ.ร.บ.คณะสงฆ์ (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2560 ริเริ่มเมื่อ 29 ธันวาคม 2559 สมาชิก สนช. จำนวน 81 คน นำโดย พล.ต.อ.พิชิต ควรเดชะคุปต์ เสนอแก้ไขประเด็นการแต่งตั้งสมเด็จพระสังฆราช ในมาตรา 7 ของ พ.ร.บ.คณะสงฆ์ ให้ “พระมหากษัตริย์ทรงสถาปนาสมเด็จพระสังฆราชองค์หนึ่ง และให้นายกรัฐมนตรีลงนามรับสนองพระบรมราชโองการ” (อ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับบริบทในการแก้ไขพ.ร.บ.คณะสงฆ์ในยุคคสช.ได้ที่ https://ilaw.or.th/node/4873) การแก้ไขเพิ่มเติมครั้งที่สี่ เกิดขึ้นหนึ่งปีกว่าให้หลัง ในยุคของคสช. อีกเช่นกัน โดยพ.ร.บ.คณะสงฆ์ (ฉบับที่ 4) พ.ศ. 2561 ริเริ่มเมื่อ 5 กรกฎาคม 2561 คณะรัฐมนตรีได้เสนอร่างพ.ร.บ.คณะสงฆ์ให้ สนช. พิจารณาเห็นชอบ ประเด็นสำคัญของการแก้ไขเพิ่มเติมครั้งนี้ คือ พระมหากษัตริย์ทรงแต่งตั้งกรรมการมหาเถรสมาคมได้ โดยปรากฎอยู่ในมาตรา 5 ตรี ที่ระบุว่า “… พระมหากษัตริย์ทรงไว้ซึ่งพระราชอำนาจในการแต่งตั้งสถาปนา และถอดถอนสมณศักดิ์ของพระภิกษุในคณะสงฆ์ และแต่งตั้งกรรมการมหาเถรสมาคม” ซึ่งตามกฎหมายเดิมกรรมการมหาเถรสมาคมมีที่มาจากสองส่วน คือ มาจากพระสงฆ์ซึ่งมีสมณศักดิ์ “สมเด็จพระราชาคณะ” ทุกรูป และมาจากการพระสงฆ์ซึ่งมีสมณศักดิ์ “พระราชาคณะ” จำนวน 12 รูป โดยสมเด็จพระสังฆราชเป็นผู้แต่งตั้ง พ.ร.บ.คณะสงฆ์ ฉบับนี้ ได้เปลี่ยนองค์ประกอบของมหาเถรสมาคมใหม่ ซึ่งปรากฎในมาตรา 12 ระบุว่า “มหาเถรสมาคมประกอบด้วยสมเด็จพระสังฆราช ซึ่งทรงดำรงตำแหน่งประธานกรรมการโดยตำแหน่ง และกรรมการอื่นอีกไม่เกิน 20 รูป ซึ่งพระมหากษัตริย์ทรงแต่งตั้งจากสมเด็จพระราชาคณะ พระราชาคณะ หรือพระภิกษุซึ่งมีพรรษาอันสมควรและมีจริยวัตรในพระธรรมวินัยที่เหมาะสมแก่การปกครองคณะสงฆ์” การแก้ไของค์ประกอบกรรมการมหาเถรสมาคมครั้งนี้จะทำให้พระมหากษัตริย์ทรงมีอำนาจในการแต่งตั้งกรรมการมหาเถรสมาคมได้อย่างกว้างขวางมากขึ้น โดยไม่จำเป็นต้องเลือกจากพระสงฆ์ที่มีสมณศักดิ์เท่านั้น.. ที่มา : https://ilaw.or.th จำนวนผู้ชม : 285 Leave a ReplyFacebook Comments More Articles By the same author ‘ปธ.คปพ.รองอธิการบดี มจร’ แนะพระสอนศีลธรรม ปรับเปลี่ยนวิธีการสอนศีลธรรมยุค 4.0 อุทัย มณี ก.ย. 27, 2019 วันที่ 27 กันยายน 2562 เวลา 09.30น. พระเทพปวรเมธี, รศ.ดร. รองอธิการบดีฝ่ายบริหาร… ปลัดมหาดไทย เผย ไกล่เกลี่ยหนี้นอกระบบแล้ว 1,348 ราย ดำเนินคดี 29 คดี จากยอดลงทะเบียน 117,583 ราย มูลหนี้ 7,720 ล้านบาท อุทัย มณี ม.ค. 04, 2024 วันนี้ 4 ม.ค. 67 นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย เปิดเผยถึงการลงทะเบียนแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบ… รวม 4 สุดยอด “พุทธศิลป์ มวลสาร พิธีกรรม อายุยืนที่สุด” เหรียญเจ้าสัวมนต์นาคราช หลวงปู่คีบนครพนม อายุ 109 ปี อุทัย มณี เม.ย. 25, 2024 เหรียญเจ้าสัวมนต์นาคราช หลวงปู่คีบ ธีรปัญโญ วัดป่าสุทธาวาส… โปรดเกล้า ฯ พระราชทาน “สมณศักดิ์” อุทัย มณี พ.ค. 26, 2022 วันที่ 26 พ.ค. 65 พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ… พช.จัดงาน “วันพัฒนาชุมชน” ครั้งที่ 12 ปลัดมหาดไทยมอบรางวัลพระราชทานกรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ-รางวัล”ตำบล-หมู่บ้าน”เศรษฐกิจพอเพียง”อยู่เย็น เป็นสุข” อุทัย มณี ก.ย. 04, 2023 CDDAY 2023 "วันพัฒนาชุมชน" ปลัดมหาดไทย เป็นประธานอัญเชิญโล่รางวัลพระราชทานสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า… สงฆ์นานาชาติเจริญพุทธมนต์บท “รัตนสูตร”ใต้ร่มพระศรีมหาโพธิ์ พุทธคยา อุทัย มณี มี.ค. 21, 2020 เมื่อวันที่ 19 มีนาคม 2563 ที่ผ่านมา คณะกรรมการผู้บริหารวัดพระศรีมหาโพธิพุทธคยา… กรมสมเด็จพระเทพ ฯ ทรงเป็นประธานในพิธีเททองหล่อพระวัดสระเกศ ฯ อุทัย มณี ม.ค. 30, 2022 วันที่ 30 ม.ค.65 เวลา 09.00 น. ณ วัดสระเกศราชวรมหาวิหาร ถนนจักรพรรดิพงษ์… งานใหญ่!! ประเทศไทยเจ้าภาพ “วิสาขบูชาโลก” เฉลิมพระเกียรติ ฯ จำนวน 1,300 คนจาก 73 ประเทศเข้าร่วม อุทัย มณี เม.ย. 29, 2024 วันที่ 29 เม.ย.67 ระหว่างวันที่ 19 - 20 พฤษภาคม พ.ศ. 2567 ประเทศไทย เตรียมเป็นเจ้าภาพจัดงานวันวิสาขบูชานานาชาติ… “พุทธอิสระ” โถ..โถ..ทิด อย่าไปโกธรเพื่อนเลย เขาทำเพราะมีความจำเป็น อุทัย มณี พ.ค. 28, 2022 วันที่ 28 พ.ค. 65 นายสุวิทย์ ทองประเสริฐ หรืออดีตพระพุทธอิสระ… Related Articles From the same category กุฎิพระพรหมสิทธิ “กัลยาณมิตร” หลั่งไหลไม่ขาดสาย หลังได้รับคืน “สมณศักดิ์” วันที่ 26 พ.ค. 67 เมื่อวันที่ 24 ที่ผ่านมา พระราชภาวนาวัชรมุนี (อเนก… ‘มจร’ร่วมกับสมาคมสันติภาพโลก จัดพิธีเจริญพระพุทธมนต์นานาชาติเฉลิมพระเกียรติรัชกาลที่10 วันที่ 13 มิถุนายน 2562 พระโสภณวชิราภรณ์ รองอธิการบดีฝ่ายกิจการต่างประเทศ… กมธ.การศาสนาฯสภาฯจี้”พศ.-ก.คลัง”แจง ปมอัตราเงินเดือนบุคลากรครูตามพรบ.พระปริยัติธรรมกว่า 4 พันตำแหน่ง เมื่อวันที่ 15 กันยายน 2564 นายสุชาติ อุสาหะ ประธานคณะกรรมาธิการการศาสนา… “สมเด็จพระสังฆราช” ประทานพระคติธรรม เนื่องในวันอาสาฬหบูชา วันที่ ๑๓ ก.ค. ๖๕ ดิถีอาสาฬหบูชาได้เวียนมาบรรจบอีกคำรบหนึ่งแล้ว… กำหนดการในหลวง !! โปรดเกล้าให้ “ปธ.องคมนตรี” ถวายทุนเล่าเรียนหลวงสำหรับพระสงฆ์ไทย ประจำปี’65 วันที่ 24 ก.พ. 65 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้…
Leave a Reply