ส่องยอด!! “ขุนพล” ศีล 5  ข้างกาย “สมเด็จธงชัย”

“ผู้เขียน” ติดตาม “พระเทพปวรเมธี”  ประธานหมู่บ้านรักษาศีล 5 หนกลาง ลงพื้นที่มาแล้ว  3 จังหวัด ได้แก่จังหวัดสระบุรี จังหวัดอยุธยาและจังหวัดลพบุรี เวลาลงพื้นที่จะสังเกต พระสงฆ์ที่ลงพื้นที่ว่ามีใครบ้าง แต่ละรูปเป็นอย่างไร และที่สำคัญมักไปสอบถามเพื่อฟังเสียงสะท้อนจากคณะสงฆ์ ภาครัฐ และประชาชนที่มาร่วมงานอยู่เสมอ ๆ

ความโชคดีของ “สมเด็จพระมหารัชมงคลมุนี”  หรือ “สมเด็จธงชัย” ในการขับเคลื่อนหมู่บ้านศีล 5 ในฐานะประธานอำนวยการ ซึ่งเปรียบเสมือน “แม่ทัพ” ในการถือธง “สร้างความปรองดอง” ให้คนในชาติ ก็คือ ได้พระสงฆ์ทั้งระดับผู้บริหาร ระดับมดงาน อยู่ในมือหลายรูป และแต่ละรูปล้วนมีประสบการณ์ มี “บารมี” มีทุนทรัพย์ มีเครือข่าย  ร่ายเรียงเฉพาะระดับ “ขุนพล”  คู่บารมี “สมเด็จช่วง” สมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์  ผู้ดำริคิดขับเคลื่อนหมู่บ้านศีลห้า แต่กาลก่อน  5  รูป เริ่มจาก   เจ้าคุณพิมพ์ วัดปทุมคงคา ,  เจ้าคุณแย้ม วัดไร่ขิง , เจ้าคุณวัดพนัญเชิง , เจ้าคุณวัดกวิศ,  และ เจ้าคุณวัดหนองหอย ทั้ง 5 รูปนี้ เพื่อนคู่คิด วางแผน ทำงานหมู่บ้านศีล 5 มากับ “สมเด็จช่วง” มาตั้งแต่ตั้งไข่

ยิ่งปัจจุบันได้ “พระเทพปวรเมธี” มือประสานสิบทิศ  ทำงานร่วมกับคณะสงฆ์มา ตั้งแต่เป็นประธานประสานงานปฎิรูปกิจการพระพุทธศาสนา เก่งวิชาการ เก่งวางแผน ประเภท “สุขุม รอบคอบ” ผ่านเวทีมามากมาย โดยเฉพาะถือว่าเป็น “คู่บารมี” ของ พระพรหมบัณฑิต ในการก่อสร้าง มจร วังน้อย จนประสบความสำเร็จเป็น “ตักกสิลา”  เป็นที่กล่าวขาน มาจนทุกวันนี้ มาเป็นประธานขับเคลื่อนหนกลาง ประสานทำงานกับ “พี่ชาย” เจ้าคุณแย้ม พระธรรมวชิรานุวัตร” วัดไร่ขิง ในฐานะประธานขับเคลื่อนหมู่บ้านศีล 5  ประเภท “มองตา ก็รู้ใจ”

ทั้ง 6 รูป  จัดอยู่ในประเภท “ใจถึง พึ่งได้”  หากได้หัวใจ ล้วนสนองงานให้กับคณะสงฆ์ได้อย่างเต็มที่

นอกจาก “ขุนพล 6 รูป” ที่ทำให้ “สมเด็จธงชัย” สบายใจได้แล้ว ยังมีบรรดา “ขุนศึก” แผงสองสำรองอีกหลายรูป  อาทิ “เจ้าคุณปัญญา” วัดใต้  “เจ้าคุณราชเสนาบดี” วัดบางพลีใหญ่  “เจ้าคุณต่อศักดิ์”  วัดโบสถ์  “เจ้าคุณทิน” วัดพุน้อย หรือ “วัดเศรษฐีเรือทอง” “หลวงพ่อเล็ก” วัดท่าขนุน  “หลวงพี่น้ำฝน” วัดไผ่ล้อม  รวมทั้ง เจ้าอาวาสวัดตะโก หรือ “วัดหลวงพ่อรวย” มา “ร่วมทีม” พระสังฆาธิการเหล่านี้ “วงใน” รู้กันว่า “ใจถึงพึ่งได้” จัดอยู่ในประเภท..ถึงลูกถึงคน ซ้ำ “เงินเหลือล้น” วัดพึ่งตนเองได้

อันนี้ไม่นับรวม “กองหนุน” ไม่ว่าจะเป็น “เจ้าคณะจังหวัดสระบุรี” วัดมงคลชัยพัฒนา  “รองเจ้าคณะภาค 2”   วัดพระพุทธฉาย  “พระครูทวี” รองเจ้าคณะจังหวัดสุพรรณบุรี วัดพระลอย  หรือแม้กระทั้ง “ทีมเลขาภาค 2” วัดสระเกศ มีงานที่ไหน “คอยบริการ” ที่นั้น

ที่ว่ามาทั้งหมดนี้ผู้เขียน  “เล่าเท่าที่เห็น เขียนเท่าที่รู้” เฉพาะคณะทำงานศีล 5 หนกลางเท่านั้น และ อาจมีพระเถระอีกหลายรูปที่ทำงานแล้ว แต่ผู้เขียน “ตาไม่ถึง” ไม่รู้จัก..เพราะพึ่งสัมผัสกับทีมงานลักษณะแบบนี้ครั้งแรก

“จังหวัดสระ” ที่กล่าวว่าเป็นจุดกำเนิดของหมู่บ้านรักษาศีล 5 เป็น “จังหวัดแรก” ใน 23 จังหวัดเป้าหมายในเขตภาคกลาง พวกเราลงไปเมื่อวันที่  15 สิงหาคมที่ผ่านมา “วัดนิคมวาสี” อ.พระพุทธบาท จ.สระบุรี เจ้าอาวาสชื่อ “พระครูพิสณฑ์สิทธิการ” ดำรงตำแหน่งรองเจ้าคณะอำเภอ เป็นสหธรรมิกร่วมรุ่น “มจร 46” กับผู้เขียนแอบสอบถามจากผู้ใหญ่บ้านและชาวบ้านบอกท่านเป็น “พระนักพัฒนา” เป็น “พระนักเทศน์” เสียสละทุ่มเทกับงานคณะสงฆ์ และวิถีชีวิตการเป็นอยู่ของชาวบ้านมาก ถือว่าเป็นพระรุ่นใหม่บำเพ็ญตนเยี่ยงดัง “พระโพธิสัตว์” มากกว่าแสวงหาหาหนทางเพื่อบรรลุ..พระนิพพาน

ที่นี่นอกจากฟังรายงานการดำเนินงานหมู่บ้านรักษาศีล 5 ของคณะสงฆ์และหน่วยงานภาครัฐแล้ว “หลวงพ่อเล็ก -หลวงพี่น้ำฝน”  ในฐานะกรรมการหมู่บ้านรักษาศีล 5 หนกลาง ซักถามหน่วยงานที่มาร่วมประชุมแบบให้..หายสงสัย

ต่อจากนั้นคณะนำโดย “เจ้าคุณวัดกวิศ” พระเทพเสนาบดี นำลงพื้นที่ วัดถ้ำกระบอก ท่ามกลางอากาศที่ร้อนอบอ้าว โดยมีฝ่ายบ้านเมืองรองผู้ว่าราชการจังหวัดและหน่วยภาครัฐร่วมลงด้วย เพื่อไปดูและรับฟังการบำบัดยาเสพติด การผลิตน้ำมันจากขยะพาสติก รวมทั้งการผลิตโกโก้

“ผู้เขียน” เพิ่งสัมผัสครั้งแรกกับคณะพระเถระผู้ใหญ่เหล่านี้อายุเกิน 60 กว่า ๆ ทั้งนั้น แทนที่จะพักผ่อนปฎิบัติศาสนกิจในวัด ปฎิบัติธรรมในร่ม  แต่ต้องมาทนตากแดดท่ามกลางอากาศที่อบอ้าว โดยไม่มีร่ม ไม่นั่งรถ โดยเฉพาะ “เจ้าคุณวัดกวิศ” พระเทพเสนาบดี นอกจากเป็น “วิทยากร” มีลูกเล่นลีลาเยอะแล้ว  ความ “อดทน” เป็นเลิศ เดินนำหน้าคณะโดยไม่ใช้ร่ม สมกับเป็น 1 ใน “ยอดขุนพล” ศีล 5 ของ “สมเด็จช่วง”  ทั้งองค์ความรู้ก็ไม่แพ้ใครโดยเฉพาะเรื่อง “เศรษฐกิจพอเพียง” มีภาวะผู้นำค่อนข้างสูงเพราะไปอบรม “หลักสูตรผู้นำนักขับเคลื่อนยุทธศาสตร์นำการเปลี่ยนแปลง สู่เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน” จากกระทรวงมหาดไทยมา

“จังหวัดอยุธยา” ก็เช่นเดียวกัน การจัดสถานที่ค่อนข้างดี แต่ร้อนอบอ้าว เนื่องจากเป็นโดม แอร์พัดลมเอาไม่อยู่ มีการฉายวีดีทัศน์ศีล 5 มีการสรุปการดำเนินงานด้วยวีดีทัศน์ “เป็นมืออาชีพ” ขนาด “หลวงพี่น้ำฝน” วัดไผ่ล้อม “หลวงพ่อเล็ก” วัดท่าขนุน หมดข้อซักถาม เพราะสมบูรณ์แบบเกือบทุกประการ

“ผู้เขียน”ถาม“พี่เชิด” คุณบุญเชิด กิตติธรางกูร ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดพระนครศรีอยุธยาที่มักคุ้นกันเป็นอย่างดีว่า “เตรียมงานมานานหรือยังจนกรรมการประเมินหมดคำซักถาม” พี่บุญเชิดตอบว่า เตรียมมานานแล้วร่วม 2 -3 เดือน ผู้ว่าอยุธยาคนนี้ใส่ใจเรื่องศีล 5 มาก และเป็นคนคิดเชิงรุก เอาใจใส่งาน หลังอธิบายให้ท่านเข้าใจ ผู้ว่าสั่งการเองเลย มันเลยราบรื่น คณะสงฆ์ในจังหวัดก็เต็มที่ เราทำงานแบบบูรณาการ งบประมาณช่วยกัน ก่อนงาน 1 สัปดาห์ ผู้ว่ามาดูการจัดงาน จัดสถานที่ มาให้กำลังใจคนทำงานเกือบทุกวัน

“ผู้เขียน” แวะไปถามนักเรียนคนหนึ่งชื่อ “ด.ญ.กานต์พิชชา ไทยธิติ”  ถามว่ารู้จักศีล 5 ไหม น้องอธิบายได้คล่อง ถามว่ารู้จัก สมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ วัดปากน้ำหรือไม่ เธอบอกว่า หนูเคยได้รับทุนมาจากวัดปากน้ำ เมื่อถามต่อว่าคณะสงฆ์ในอำเภอช่วยอะไรหนูบ้าง เธอบอกว่า คณะสงฆ์ในพื้นที่ให้ทุนการศึกษาให้หนูด้วย เพราะหนูสวดสรภัญญะได้ เล่นดนตรีไทยเป็น ซ้ำได้คัดเลือกได้ทุนพระราชทานด้วย..จบข่าวไม่ถามต่อ

แวะไปบูธ รพ.ตำบล เจอเจ้าหน้าที่ถามว่า ในพื้นที่มีผู้ป่วยติดเตียงหรือคนพิการหรือไม่ และคณะสงฆ์เข้าไปดูแลช่วยเหลืออะไรบ้าง เจ้าหน้าที่ตอบว่าเดิมมี 3 ท่าน ตอนนี่เหลือ 2 ท่านคณะสงฆ์ลงไปเยี่ยมและมอบจำพวกของกินของใช้ รวมทั้งผ้าแพมเพิสให้ด้วย ฟังแล้วก็สบายใจ..พระสงฆ์ไม่ทิ้งประชาชน..

รวมทั้งแวะไปที่บูธ มหาวิทยาลัยราชภัฎอยุธยาไปดูวิธีประดิษฐ์ดอกไม้จาก “ต้นโสนหางไก่” กองทุนแผ่นดินแม่ หมู่บ้านบ้านยั่งยืน ทุกที่ที่ลง..ล้วนทำงานบูรณาการกับคณะสงฆ์

ก่อนกลับเห็น “คณะกรรมการหมู่บ้านศีล 5” แวะไปชมบูธต่าง ๆ  เห็นพระหลายรูปควักเงินมอบให้เด็ก ๆ  ที่มาออกบูธ รวมทั้งมอบให้กับผู้ใหญ่ โดยเฉพาะบูธกองทุนแผ่นดินแม่ “เจ้าคุณแย้ม” กับ “เจ้าคุณวัดกวิศ” ร่วมกันมอบให้ไป 1 หมื่นบาท

อันนี้เล่า..บรรยากาศคร่าว ๆ การทำงานของคณะสงฆ์ในส่วนของหมู่บ้านรักษาศีล 5  ที่ “สำนักข่าว” ต่าง ๆ สื่อบ้านเราไม่ค่อยได้เสนอกัน และพระคุณเจ้าก็ไม่ค่อยได้ขวนขวายทำงานประชาสัมพันธ์ ทำให้สังคมส่วนใหญ่ไม่รู้ว่า มีคณะสงฆ์บางท่าน บางกลุ่ม ทำงานและทุ่มเท เพื่อพระพุทธศาสนา เพื่อชาวประชา ส่งเสริมการสร้าง “ความรู้รักสามัคี” สัมมาชีพแบบนี้ บางรูปอายุเกือบ 70 กว่าแล้ว ยังเดินได้อย่างคล่องแคล่ว บางรูปน้ำหนักก็มาก เดินตรวจงานดูงานในสวน ในแปลง “บ้านนี้มีรัก ปลูกผักกินเอง” หรือ แปลงโคก หนอง นา  ของประชาชนแล้ว ท่ามกลางอากาศร้อนอบอ้าวแล้ว อดเป็นห่วงไม่ได้ กลัวเป็น “โรคสโตรก”  ยิ่งจังหวัดลพบุรี ยิ่งร้อนอบอ้าว

เป็นเอาว่า..การลงพื้นที่ของ “ผู้เขียน” ภายใต้การดูแลของ “พระเทพปวรเมธี” ประธานขับเคลื่อนหมู่บ้านรักษาศีล 5 หนกลาง  หนึ่งในยอดขุนพลของ “สมเด็จพระมหารัชมงคลมุนี”  หรือ  “สมเด็จธงชัย” แล้ว ทำให้มีความรู้สึกกับคณะสงฆ์เกิดขึ้นอีกแบบหนึ่ง..อย่างน้อยก็มีความรู้สึกว่า

พระสงฆ์ของประเทศไทย บางรูปยิ่งแก่ยิ่งเผ็ด ยิ่งมีอายุมาก ยิ่งทำงานเยอะ…ทำงานแบบไม่มีวันเกษียณ

Leave a Reply