วันที่17พ.ย.66 เวลา14.00 น. ณ บ้านพรหมทินใต้ หมู่ 11 ตำบลหลุมข้าว อำเภอโคกสำโรง จังหวัดลพบุรี พระพรหมกวี กรรมการมหาเถรสมาคม เจ้าคณะภาค 3 เดินทางมาเป็นประธานมอบบ้านช่วยเหลือผู้ประสบอัคคีภัยตามโครงการ “โครงการสังฆประชานุเคราะห์” โดยมี พระเทพเสนาบดี เจ้าคณะจังหวัดลพบุรี คณะสงฆ์ในจังหวัด และฝ่ายบ้านเมืองประกอบด้วย นายอินทพร จั่นเอี่ยม ว่าที่ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ นายอำพล อังคภาคกรณ์กุล ผู้ว่าราชการจังหวัดลพบุรี ข้าราชการ ผู้บริหารท้องถิ่น นักเรียนและประชาชนร่วมถวายการต้อนรับ
พระพรหมกวี กล่าวตอนหนึ่งโดยสรุปว่า วันนี้ดีใจเป็นที่สุดที่เห็นทุกภาคส่วนพร้อมเพียงกันมามอบบ้านให้กับผู้ประสบอัคคีภัยจนทำให้มีผู้เสียชีวิต 2 ราย ทำไหม้ไปทั้งหลัง การพร้อมเพียงนี้เป็นไปตามหลัก “บวร” คือ บ้าน วัด ราชการ พร้อมเพียงกันเกื้อกูลซึ่งกันและกัน โดยเฉพาะพระเทพเสนาบดี เจ้าคณะจังหวัดลพบุรี ท่านทำเรื่องการช่วยเหลือเกื้อกูลมาตลอด ซึ่งคุณสมบัตินี้ได้รับมาจากพระอุปัชฌาย์ของท่านคือ พระพุทธวรญาณ เจ้าคุณเทพท่านเป็นคนใส่ใจ ทุ่มเทกับทุกงาน งานใดที่รับผิดชอบเต็มที่กับทุกโครงการ อย่างวันนี้เป็นไปด้วยความครึกครื้นเพราะมีผู้ว่าราชการจังหวัด ข้าราชการหลายภาคส่วนมาร่วม รวมทั้งผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ที่มาร่วมด้วย
“โครงการสังฆประชานุเคราะห์ เป็นโครงการที่ริเริ่มทำไว้ตั้งแต่เมื่อดำรงตำแหน่งเป็นเจ้าคณะภาค 13 แรงบันดาลใจเกิดขึ้นเมื่อเห็นข่าวเด็กผู้ชายคนหนึ่งในจังหวัดจันทบุรี มีความกตัญญูกตเวทีมาก ดูแลพ่อที่ป่วย เป็นคนไร้แม่ ไร้บ้านต้องไปโรงเรียนสลับกับมาดูแลพ่อที่ป่วย เห็นแล้วหดหู่ใจ ประเทศไทยเราเป็นเมืองพุทธ เรามีวัดใหญ่โต คณะสงฆ์ได้รับการดูแลอย่างดีทั้งเรื่องนิตยภัต ทั้งจากประชาชน แต่ชุมชนรอบวัด คนที่ให้ข้าวให้น้ำกับพระสงฆ์ได้มีกินได้มีฉัน ได้อยู่แบบสบาย แต่บางคนไร้บ้าน ตกทุกข์ยาก ศาสนาอื่นเราทำดีกว่าเรา บางทีก็คิดว่าคำสอนเรื่องกรรม มันก็น่าคิด เหมือนเราผลักภาระออกจากหน้าที่เราไปว่า เหตุที่เขาไร้บ้าน ตกทุกข์เพราะเป็นเรื่องของกรรม การให้บ้านยั่งยืนกว่าการให้อย่างอื่น ตอนนี้ในภาค 13 ที่อาตมาเริ่มไว้ตั้งแต่ต้น มอบบ้านให้ชาวบ้านไปแล้วเกือบ 100 หลัง และในภาค 3 นี้จังหวัดลพบุรีเป็นจังหวัดแรกที่ทำแบบนี้ ซึ่งมอบให้ไปแล้ว 3 -4 หลัง พระพุทธเจ้าตรัสว่า การให้ที่อยู่อาศัย คือ การให้ทุกอย่าง พระสงฆ์เราต้องตั้งคำถามเหมือนกันว่า เราสร้างวัด สร้างโบสถ์ ศาลาใหญ่โต แต่ประชาชนรอบวัด อยู่กระต๊อบ อยู่กันด้วยความลำบาก หากเราไม่เกื้อกูล ดูแลประชาชน ชุมชนของเรา ลองคิดดูว่า หากพวกเขาลำบาก เราจะนอนตาหลับลงได้อย่างไร เดิมโครงการสังฆประชานุเคราะห์ในจังหวัดลพบุรีมอบให้กับอำเภอแต่ละอำเภอดูแล ต่อไปอนาคตมอบให้พระเทพเสนาบดี เจ้าคณะจังหวัดเป็นคนดูแลทั้งหมด มีเหตุอะไรเจ้าคณะจังหวัดต้องรู้ และก็ทำแบบอย่างที่ทำกันแบบวันนี้ ซึ่งดูแล้วน่าปลื้มใจเป็นอย่างมาก..”
ด้าน พระเทพเสนาบดี เจ้าคณะจังหวัดลพบุรี กล่าวว่า เหตุไฟไหม้บ้านเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 6 กันยายน 2566 ที่ผ่านมา จนทำให้มีผู้เสียชีวิต 2 ราย คือ ยายผู้ป่วยติดเตียง และหลานชายวัย 3 ขวบถูกไฟคลอกเสียชีวิต รวมทั้งบ้านได้ถูกไฟไหม้เสียหายทั้งหลัง อาตมาในนามคณะสงฆ์จังหวัดลพบุรี เมื่อทราบข่าวก็มาช่วยในเบื้องต้นทั้งเรื่อง การจัดงานศพให้ การเยียวยาทางใจและทางกาย พร้อมมอบเงินค่าครองชีพให้จำนวนหนึ่ง ในขณะที่ฝ่ายบ้านเมืองก็มาช่วยเหลือกันหลายฝ่าย ต่อมาเมื่อวันที่ 16 กันยายน 2566 ก็เริ่มวางรากฐานก่อสร้าง พร้อมกับสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัด วัฒนธรรมจังหวัด และประชาชนในพื้นที่ ร่วมกันทำ
“บ้านหลังนี้ใช้แรงงานแบบจิตอาสา ทั้งจากนักเรียนโรงเรียนวินิตศึกษา ทั้งจากวิทยาลัยเทคนิค ฝ่ายปกครอง คนในชุมชน หลายฝ่ายช่วยกัน ขนาดบ้านกว้าง 6 เมตร ยาว 9 เมตร ชั้นเดียว 2 ห้องนอน มีห้องครัว ห้องน้ำ ห้องโถงใหญ่ โดยใช้งบประมาณทั้งสิ้นประมาณ 7 แสนบาท นอกจากนี้อาตมายังซื้อที่นอน เตียง ตู้เสื้อผ้า ตู้เย็น ไมโคเวฟ เครื่องครัว ให้อีกหมดไปหลายหมื่นบาท คณะสงฆ์ ข้าราชการ และประชาชน เราช่วยกันเต็มที่ ซึ่งก็เป็นไปตามนโยบายของพระเดชพระคุณพระพรหมกวี เจ้าคณะภาค 3 ที่ท่านให้ความสำคัญกับเรื่องอย่างนี้มาก..”
Leave a Reply