ปลัดเก่ง มอบทุนการศึกษาบุตรหลานชาวราชสีห์ เน้นย้ำ สิ่งสำคัญของการศึกษาเล่าเรียนต้องมี “หัวใจนักปราชญ์” เตือน ผู้ปกครองต้องดูแลลูกหลานเด็กเล็กให้ใช้มือถือเท่าที่จำเป็น วันนี้ (9 ม.ค. 67) เวลา 08.00 น. ที่ห้องประชุมอัษฎางค์ ชั้น 5 อาคารดำรงราชานุสรณ์ กระทรวงมหาดไทย นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย เป็นประธานมอบทุนการศึกษาแก่บุตรของข้าราชการ ลูกจ้างประจำ และพนักงานราชการประจำปี พ.ศ. 2566 โดยมี นายธงชัย ลิขิตพรสวรรค์ นายกสมาคมจดหมายเหตุไทยและที่ปรึกษาปลัดกระทรวงมหาดไทย ผู้บริหารสำนักงานปลัดกระทรวงมหาดไทย ข้าราชการ ลูกจ้างประจำ พนักงานราชการ และบุตร ธิดา ของบุคลากรผู้ได้รับทุนการศึกษา ร่วมพิธี โอกาสนี้ นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย ให้โอวาทแก่ผู้ได้รับทุนการศึกษาและพบปะผู้ปกครอง โดยกล่าวว่า ขอแสดงความยินดีกับลูก ๆ หลาน ๆ และผู้ปกครองทุกคน นับเป็นความภาคภูมิใจของชาวมหาดไทยที่ได้เห็นลูก ๆ หลาน ๆ ได้รับทุนการศึกษาในวันนี้ ซึ่งตนและผู้บริหารของกระทรวงมหาดไทยทุกท่านมีความปลาบปลื้มยินดี และเป็นกำลังใจกับผู้ปกครองและลูกหลานทุกคนให้ประสบแต่สิ่งที่ดีงาม เมื่อเติบโตขึ้นเป็นผู้ใหญ่ ขอให้ได้ประสบพบกับสิ่งที่พึงประสงค์ ประกอบการงานอาชีพใดก็ขอให้สำเร็จ “การที่จะประสบผลสำเร็จได้ ลูก ๆ หลาน ๆ ต้องตั้งใจที่จะศึกษาเล่าเรียนโดยยึดเอาหลักการเรียนรู้ที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ได้ทรงสอนไว้ให้สำหรับคนที่อยู่ในวัยเรียนหรือคนที่ประสงค์ในการที่จะประสบความสำเร็จในการศึกษาเล่าเรียนหรือประกอบการงานอาชีพ นั่นก็คือ “หัวใจนักปราชญ์” อันประกอบไปด้วย “สุ จิ ปุ ลิ” โดยเริ่มจาก “สุ : สุตะ” คือ การฟัง เมื่อเราอยู่ในห้องเรียนขอให้ตั้งใจฟังให้ดี เพราะว่าเราจะได้ไม่เสียสมาธิไปทำอย่างอื่น มีสมาธิจดจ่อในสิ่งที่คุณครูกำลังสอน การตั้งใจฟังที่ดีนี่เองจะทำให้ได้รับเนื้อหาครบถ้วน ถัดมาเป็นคาถาตัวที่ 2 นั่นคือ “จิ : จินตะ” คือ การคิด เพราะนอกจากการฟังแล้ว สิ่งที่เราควรดำเนินไปด้วยคือ “การคิด” คิดหาเหตุหาผลทบทวนความรู้เดิมที่เรามี และพิจารณาว่าตรงกับสิ่งที่เราได้เคยรับฟังหรือไม่ ซึ่งกระบวนการนี้จะทำให้เรามีการทบทวนสิ่งที่ได้รับฟังอย่างเสมอ และสำหรับการคิดและการฟังนี้ ก็อาจจะมีทั้งความความคิดที่เห็นด้วยและไม่เห็นด้วย หรือฟังแล้วก็มีทั้งเข้าใจและไม่เข้าใจ ดังนั้น เมื่อเกิดความสงสัยหรือเกิดความไม่เข้าใจหรือมีความเห็นแตกต่าง เห็นไปในแนวทางอื่นไม่เหมือนที่ได้ฟัง ได้ยิน ได้อ่าน จึงต้องจำเป็นต้องมีคาถาตัวที่ 3 คือ “ปุ : ปุจฉา” ซึ่งก็คือ “การถาม” ที่มีหลากหลายวิธี อาทิ การถามคุณครู ถามคุณพ่อ คุณแม่ หรือเพื่อนฝูง และในขณะเดียวกันหากมีคำถามก็สามารถดำเนินการหาสิ่งที่เป็นคำตอบได้ โดยคำตอบที่เราได้มานี้ถ้าหากยังมีความไม่มั่นใจและหากยังมีความเคลือบแคลงใจ เราก็ยังสามารถค้นหาคำตอบได้ตามห้องสมุด ทั้งจากการค้นหา ค้นคว้าตำรับตำรา หรือใช้คอมพิวเตอร์ค้น E- Library หรือผ่านแพลตฟอร์ม ต่าง ๆ ซึ่งในส่วนนี้พระพุทธเจ้าได้ทรงสอนไว้ว่ามิให้เชื่อแต่เพียงหนังสือ หรือแต่เพียง Search Engine แต่ต้องคิดให้มีความรอบคอบด้วย และคาถาสุดท้ายก็คือ “ลิ : ลิขิต” คือ การเขียน การจดบันทึก ซึ่งถ้าหากเราฟังแล้วไม่ได้จดบันทึก หากระยะเวลาผ่านไปสิ่งที่ฟังนั้นอาจจะเลือนหายไปได้เพราะว่าพื้นที่ในสมองมีขีดจำกัด “การจดบันทึกนี้จะทำให้เกิดความยั่งยืน” และในหลักการแพทย์ทำให้เกิดการ Remind ทำให้ความจำหนักแน่นขึ้น และถ้าเรานำสิ่งที่เราจดนั้นมาอ่านทบทวน จะแปรผันจากความจำระยะสั้นเป็นความจำอย่างยั่งยืนหรือความจำในระยะยาว” นายสุทธิพงษ์ กล่าวเน้นย้ำ นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าวต่ออีกว่า สิ่งสำคัญ คือ คุณพ่อ คุณแม่ ผู้ปกครอง ควรปลูกฝังให้ลูก ๆ หลาน ๆ ตั้งแต่วัยเด็กเล็ก ได้มีทักษะในด้านการอ่าน โดยเฉพาะการอ่านหนังสือ ขอให้ได้อ่าน ได้ศึกษาประวัติศาสตร์ของบุคคลสำคัญของไทย อาทิ ประวัติของพระมหากษัตริย์ พุทธประวัติ ประวัตินักพัฒนา ประวัติของบุคคลสำคัญผู้สร้างคุณูปการให้แก่ประเทศชาติ ผ่านสมุดภาพหรือสมุดการ์ตูน ซึ่งสมุดการ์ตูน ก็จะมีทั้งการ์ตูนวิทยาศาสตร์ หรือการ์ตูนในรายวิชาอื่น ๆ ซึ่งจะเป็นสื่อที่น่าสนใจสำหรับลูกหลานในระดับปฐมวัยจนถึงประถมศึกษา และต้องช่วยกันเลี้ยงดูเขาพยายามอย่าให้อยู่กับโทรศัพท์มือถือมากจนเกินไป ใช้โทรศัพท์มือถือเท่าที่จำเป็น เพราะอาจส่งผลเสียทำให้เกิดภาวะสมาธิสั้น และจะส่งผลเสียต่อการพัฒนาทักษะและกระบวนการเรียนรู้ด้านอื่น ๆ สำหรับในส่วนของนักเรียนระดับมัธยมศึกษา และนิสิต นักศึกษา ก็ขอให้ได้ตั้งใจเล่าเรียนศึกษาหาความรู้ เพื่อเป็นกำลังสำคัญในการพัฒนาประเทศชาติต่อไป “ขอให้พี่น้องชาวมหาดไทยทุกคนได้มีความสุขร่วมกันในการเห็นลูกหลานของพวกเราได้เจริญเติบโตเป็นพลเมืองดีของประเทศชาติ สามารถพึ่งพาตนเอง เป็นที่พึ่ง เป็นที่ภาคภูมิใจของปู่ ย่า ตา ยาย พ่อ แม่ และวงศ์ตระกูล และหากคุณพ่อ คุณแม่ หรือท่านผู้ปกครอง มีสิ่งอื่นสิ่งใดที่จะให้พวกเราซึ่งเป็นครอบครัวเดียวกัน คือ “ครอบครัวมหาดไทย” สนับสนุนลูกหลานให้ได้รับการศึกษา หรือได้รับสิ่งดี ๆ ตลอดจนถึงการครองชีพด้านอื่น ๆ ขอให้ได้บอกกล่าวกันเพื่อให้ทางตน และพี่ ๆ น้อง ๆ ชาวกระทรวงมหาดไทยได้มีโอกาสช่วยเหลือ อย่าได้มีความเกรงใจ เพราะพวกเราคือพี่น้องชาวมหาดไทยด้วยกัน มีหน้าที่ที่ต้องช่วยเหลือซึ่งกันและกัน เพื่อผนึกกำลังบำรุงขวัญกำลังใจในการดูแลพี่น้องประชาชนคนไทยไปด้วยกัน” นายสุทธิพงษ์ฯ กล่าวในช่วงท้าย ด้านนายดำรงศักดิ์ ยอดทองดี ผู้อำนวยการกองการเจ้าหน้าที่ สำนักงานปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าวว่า การมอบทุนการศึกษาวันนี้ เป็นการมอบทุนให้แก่บุตรของข้าราชการ ลูกจ้างประจำ และพนักงานราชการในสังกัดสำนักงานปลัดกระทรวงมหาดไทย และสำนักงานรัฐมนตรี กระทรวงมหาดไทย ตลอดจนบุตรของสมาชิกสหกรณ์ออมทรัพย์กระทรวงมหาดไทย ที่ศึกษาในระดับ อนุบาล ประถม มัธยม และอุดมศึกษา ซึ่งมีผลการเรียนอยู่ในเกณฑ์ดี มีความประพฤติเรียบร้อย โดยสำนักงานปลัดกระทรวงมหาดไทยได้ดำเนินการมอบทุนการศึกษาดังกล่าวเป็นประจำทุกปี เพื่อเป็นสวัสดิการ และเป็นขวัญกำลังใจ ช่วยแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายในการดูแลครอบครัวของบุคลากรในสังกัด ทั้งนี้ ทุนการศึกษาดังกล่าวได้รับการสนับสนุนจากกองทุนสวัสดิการสำนักงานปลัดกระทรวงมหาดไทย และสหกรณ์ออมทรัพย์กระทรวงมหาดไทย จำกัด แบ่งทุนการศึกษาออกเป็น 2 ประเภท คือ ทุนผู้มีผลการศึกษาดีเด่น และทุนช่วยเหลือการศึกษา รวม 109 ทุน ประกอบด้วย ส่วนกลาง จำนวน 20 ทุน และส่วนภูมิภาค จำนวน 89 ทุน รวมเป็นเงินทั้งสิ้น จำนวน 277,500 บาท “สำหรับทุนการศึกษาของสหกรณ์ออมทรัพย์กระทรวงมหาดไทย ได้จัดสรรทุนส่งเสริมการศึกษาบุตรสมาชิกสหกรณ์ออมทรัพย์กระทรวงมหาดไทย สังกัดสำนักงานปลัดกระทรวงมหาดไทย รวม 393 ทุน ประกอบด้วย บุคลากรส่วนกลาง จำนวน 71 ทุน และบุคลากรส่วนภูมิภาค จํานวน 322 ทุน รวมเป็นเงินทั้งสิ้น จำนวน 940,000 บาท โดยในส่วนภูมิภาค สำนักงานปลัดกระทรวงมหาดไทย จะได้จัดส่งเงินทุนการศึกษาดังกล่าวให้จังหวัดเพื่อมอบให้ผู้ได้รับทุนการศึกษาต่อไป” นายดำรงศักดิ์ฯ กล่าวเพิ่มเติม จำนวนผู้ชม : 17,522 Leave a ReplyFacebook Comments More Articles By the same author เจ้าอาวาสวัดปากน้ำสหรัฐฯลี้ภัยโควิด กลับไทยเรียนป.เอก”มจร” สร้างกุฏิพระถวายสมเด็จช่วงที่บ้านเกิดศรีสะเกษ อุทัย มณี พ.ค. 18, 2020 เมื่อวันที่ 18 พฤษภาคม 2563 ช่วงที่ไวรัสโคโรน่า 2019 หรือ โควิด –… “ณพลเดช” ปลื้ม “พระพรหมสิทธิ-พระพรหมดิลก” หวนคืนสู่กรรมการมหาเถรสมาคม อุทัย มณี ก.ย. 06, 2024 เมื่อวันที่ 6 กันยายน 23567 ดร.ณพลเดช มณีลังกา ที่ปรึกษาประธานกรรมาธิการการศาสนา… โปรดเกล้า ฯ วิสุงคามสีมา 173 วัด วัดไหนได้บ้าง ?? อุทัย มณี มี.ค. 05, 2022 วันที่ 5 มีนาคม 2565 ราชกิจจานุเบกษาประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี… พาไปรู้จัก..มหาวิทยาลัยสงฆ์แห่งแรก..ภาคอีสาน อุทัย มณี ม.ค. 06, 2024 โดย..ดร.อธิเทพ ผาทา ในราวต้นปี พ.ศ.๒๕๑๒ คณะสงฆ์ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือทั้ง… เปิดดู..นิตยภัตพระสงฆ์-ระเบียบ “กองทุนวัดช่วยวัด” อุทัย มณี เม.ย. 09, 2020 “มีข่าวว่าผอ.สนง.พุทธศาสนาแห่งชาติ จะหักเงินนิตยภัต… เปิด 4 รัฐบาล ใครอู้ฟู่มากสุด อุทัย มณี ม.ค. 13, 2019 สำนักข่าวอิศรา www.isranews.org รวบรวมข้อมูลจากงานวิจัยดังกล่าวข้างต้น… กมธ.ศาสนาฯสภาฯ สอบปมโยมพุ่งล้ม เทสำรับอาหารใส่หลวงตาขอนแก่น อุทัย มณี ธ.ค. 28, 2021 เมื่อวันที่่ 27 ธันวาคม 2564ที่ผ่านมา ดร.เพชรวรรต วัฒนพงศศิริกุล… ปลูกต้นไม้เพิ่มพื้นที่สีเขียว กับกิจกรรม “ผู้ว่าฯ สัญจร” เขตภาษีเจริญที่วัดปากน้ำ อุทัย มณี ส.ค. 19, 2023 เมื่อวันที่ 19 สิงหาคม 2566 นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร… เกษตรฯ คิกออฟพัฒนาเกษตรกรรมยั่งยืนพื้นที่วัดกลางกรุง ( Green Temple ) อุทัย มณี ธ.ค. 24, 2021 วันศุกร์ที่ 24 ธันวาคม 2564 นายอลงกรณ์ พลบุตร ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์… Related Articles From the same category ความอหังการของ “ตี๋ใหญ่ จอมขมังเวทย์” น่าเห็นใจ 2 พส. พระมหาสมปองและพระมหาไพรวัลย์ ที่ถูก “ตี๋ใหญ่… วธ. เผยผลโพล “พลิกโฉมงานด้านศาสนาสู่ใจประชาชน” แนะปลูกฝังคุณธรรมจริยธรรมให้แก่เยาวชนตั้งแต่ระดับปฐมวัย วธ. เผยผลโพล “พลิกโฉมงานด้านศาสนาสู่ใจประชาชน” พบประชาชนต้องการให้ขับเคลื่อนกิจกรรมเทิดทูนสถาบันชาติ… “ดร.สุวิทย์ เมษินทรีย์” โพสต์ “ให้พรหมวิหาร ๔” ต้องใช้ให้เป็น วันที่ 2 มกราคม 2566 ดร.สุวิทย์ เมษินทรีย์ Dr. Suvit Maesincee อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา… พระสุเมธาจารย์ อดีตเจ้าอาวาสวัดชนะสงคราม ราชวรวิหาร / เจ้าคณะใหญ่ฝ่ายรามัญ วันนี้ขอเสนอ ชีวประวัติของพระเถราจารย์รามัญรูปสำคัญของคณะสงฆ์รามัญนิกายสยามวงศ์… ชุมชนข้างวัดสุทัศน์ ร้อง กมธ.ศาสนาฯสภาฯ วอนช่วยป้องถูกไล่ที่หลังอยู่นานกว่า 100 ปี เมื่อวันศุกร์ที่ 7 มกราคม 2565 เวลา 14.00 น. ที่วัดสุทัศนเทพวรารามราชวรมหาวิหาร…
Leave a Reply