รองนายกฯ พล.อ.ประวิตร ลงพื้นที่นราธิวาส ติดตามผลการดำเนินงานตามนโยบายรัฐบาล กำชับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเดินหน้าแก้ไขปัญหา ยืนยันรัฐบาลพร้อมสนับสนุน พัฒนาให้ประชาชน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น
เมื่อวันที่ 19 กันยายน 2565 น.ส.ทิพานัน ศิริชนะ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า วันนี้ (19 กันยายน 2565) เวลา 11.00 น. ณ ห้องประชุมชั้น 2 อาคารสำนักงานอธิการบดี มหาลัยนราธิวาสราชนครินทร์ จังหวัดนราธิวาส พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี พร้อมด้วย นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน พลเอก ชัยชาญ ช้างมงคล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม พร้อมคณะลงพื้นที่จังหวัดนราธิวาส ติดตามผลการดำเนินงานตามนโยบายรัฐบาล
โอกาสนี้ รองนายกรัฐมนตรีพร้อมคณะ เยี่ยมชมนิทรรศการผลงานสำคัญของรัฐบาลประกอบด้วย นิทรรศการการขับเคลื่อนพัฒนาศักยภาพด่านศุลกากรไทย-มาเลเซีย นิทรรศการการบริหารจัดการน้ำในพื้นที่จังหวัดนราธิวาส นิทรรศการส่งเสริมอัตลักษณ์ทางภาษา ประเพณีและวัฒนธรรมในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ นิทรรศการเสริมสร้างศักยภาพมหาวิทยาลัยเพื่อรองรับการพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้ พร้อมกันนี้ รองนายกรัฐมนตรีได้เปิดโครงการปฏิบัติการขับเคลื่อนกิจกรรมโคบาลชายแดนใต้ฯ พร้อมพูดคุยกับเกษตรกรผ่านระบบ Zoom และมอบน้ำเชื้อโคพันธุ์ทาจิมะให้แก่เกษตรกร โดยรองนายกรัฐมนตรีได้สอบถามถึงปัญหา อุปสรรคการดำเนินโครงการ พร้อมมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องสนับสนุนให้การดำเนินโครงการประสบความสำเร็จ เร่งแก้ไขปัญหาด้านพลังงานไฟฟ้า และน้ำให้เพียงพอต่อความต้องการของประชาชนในพื้นที่
จากนั้น รองนายกรัฐมนตรีร่วมประชุมคณะกรรมพัฒนาฯ (กพต.) รองนายกรัฐมนตรีแสดงความห่วงใยต่อประชาชนในพื้นที่ชายแดนใต้ มอบหมายให้ กพต. นำข้อมูลไปผลักดันให้ตรงกับข้อเสนอ ในส่วนของรัฐบาลจะนำข้อเสนอของภาคเอกชนไปทำให้เป็นรูปธรรม และมอบหมายให้ ศอ.บต. ประสาน ติดตามจัดทำข้อเสนอที่สมบูรณ์ และรายงานความก้าวหน้าให้ กพต.โดยเร็ว สำหรับ ข้อเสนอเร่งด่วน ที่ กพต.ให้ความสำคัญต่อการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ ปากท้อง และคุณภาพชีวิต ของประชาชน รองนายกรัฐมนตรึยืนยันว่า อะไรที่รัฐบาลสามารถส่งเสริมและสนับสนุนได้ จะเร่งดำเนินการให้ในทันที เพื่อให้เดินหน้าพัฒนาเศรษฐกิจต่อไป
รองนายกรัฐมนตรีกล่าวขอขอบคุณ กพต.ทุกคน ที่ร่วมกันทำงานเกิดความคืบหน้าเป็นรูปธรรม ร่วมมือแก้ไขปัญหาบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชน รวมทั้งขับเคลื่อนการพัฒนาตามนโยบายของ กพต. และรัฐบาล ซึ่งมีเป้าหมายเดียวกัน ที่จะพัฒนาคุณภาพชีวิตและความเป็นอยู่ของพี่น้องประชาชนให้ดียิ่งขึ้น มีเศรษฐกิจรายได้ที่ดี นำไปสู่การลดความเลื่อมล้ำ ขจัดความยากจน โครงการไหนที่มีผลกระทบต่อประชาชนในพื้นที่ ขอให้ ศอ.บต. จังหวัดนราธิวาส และส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง จัดเวทีรับฟังความคิดเห็นประชาชน ระดับหมู่บ้าน ตำบล อำเภอ และจังหวัดเป็นข้อเสนอของประชาชน ซึ่ง กพต. ทุกคนจะต้องร่วมมือ ประสานการปฏิบัติตามอำนาจหน้าที่ของส่วนราชการต่อไป รวมทั้งการส่งเสริมอัตลักษณ์ และวิถีชีวิตที่เป็นความภาคภูมิใจของประชาชน ทั้งด้านภาษา ประเพณีวัฒนธรรม อาหาร กีฬา และการแต่งกาย ทั้งนี้ เพื่อให้ประชาชนแสดงออกได้อย่างเหมาะสม เป็นเรื่องที่ส่วนราชการต้องร่วมมือกันสนับสนุนโดยเฉพาะ การเชื่อมโยง การสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจ ตามที่รัฐบาลมีนโยบายใช้ “เศรษฐกิจสร้างสรรค” ซึ่งเรื่องนี้ จังหวัดชายแดนภาคใต้ มีอัตลักษณ์และวิถีชีวิตที่โดดเด่น ที่สามารถต่อยอดตามนโยบายได้
รองนายกรัฐมนตรีระบุว่า การพัฒนาศักยภาพของประชาชนในพื้นที่ สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการให้ประชาชนมีความรู้ทางภาษาที่หลากหลายและลึกซึ้ง โดยเฉพาะเยาวชนในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ที่ส่วนใหญ่มักเดินทางไปศึกษาต่อยังต่างประเทศ ภาษาจะเป็นพลังสำคัญในการสร้างเสริมประสบการณ์ชีวิต การทำงาน และการเข้าถึงโอกาสทุกมิติ ขอให้ดำเนินการตามแผนที่เสนอให้เกิดผลสำเร็จเป็นรูปธรรมโดยเร็ว และรายงานผลอย่างต่อเนื่อง ขณะที่การส่งเสริมอัตลักษณ์และวิถีชีวิตของประชาชน ขอให้ทุกส่วนราชการถือปฏิบัติให้เกิดผลเป็นรูปธรรมโดยเร็ว โดยเฉพาะการกำหนดปฏิทินประเพณี 12 เดือน ที่ถือเป็นการเชื่อมโยงประเพณีวัฒนธรรมไปสู่การพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชน ให้ดำเนินการอย่างต่อเนื่องและจริงจัง เพื่อให้นักท่องเที่ยวมาท่องเที่ยวในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้มากขึ้น ถือเป็นมิติใหม่ต่อการพัฒนาที่ให้ความสำคัญต่ออัตลักษณ์และวิถีชีวิตของประชาชน เป็น Soft Power ที่สำคัญที่ทำให้ประชาชนเชื่อมั่นและให้ความร่วมมือ ขอให้หน่วยงานสื่อสารทุกหน่วยสนับสนุนการสื่อสาร และให้ข้อมูลของรัฐบาลที่มีต่อการส่งเสริมอัตลักษณ์และวิถีชีวิตของประชาชน โดยเฉพาะให้ประชาชนทั้งในประเทศและต่างประเทศได้เข้ามามีส่วนร่วมให้ได้มากที่สุด
สำหรับข้อเสนอหลักการโครงการฟื้นฟูและบูรณปฏิสังขรณ์วัดและโบราณสถานทางพระพุทธศาสนาในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ รองนายกรัฐมนตรีกล่าวว่า วัดและโบราณสถานทางพระพุทธศาสนา ถือเป็นศูนย์รวมจิตใจของประชาชนผู้นับถือพุทธศาสนาในพื้นที่อย่างมาก มอบหมายให้ ศอ.บต. ประสานงานกับสำนักงานพระพุทธศาสนาชาติอย่างใกล้ชิด ส่งเสริมกิจกรรม ทางพระพุทธศาสนาให้กับประชาชน และวัดรอบชุมชนในพื้นที่ได้ทำร่วมกันมากขึ้น อาทิ กิจกรรม เนื่องในวันสำคัญทางพุทธศาสนาและแก้ไขปัญหาเฉพาะพื้นที่ เช่น การจัดหาเจ้าภาพกฐินให้กับวัด ที่ไม่มีเจ้าภาพ การสนับสนุนกิจการสงฆ์และพุทธศาสนิกชน เป็นต้น ขอให้ทุกฝ่ายทำงานเชิงรุกมากขึ้นเพื่อให้เข้าถึง และแก้ปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนให้มากที่สุด
Leave a Reply