วันที่ 16 ธันวาคม 2566 กรณี นายกิตติภัทร สุริยจันทร์ หรือ เบน อายุ 44 ปี ผู้ช่วย นางปัญญารัตน์ นันทภูษิตานนท์ สส.นนทบุรี เขต 2 พรรคก้าวไกล ถูก นายปริญญา เล็กกมล หรือ ตู่ อายุ 46 ปี ประธานชุมชนวัดโพธิ์เผือก พร้อมพวกประมาณ 20 คน รุมทำร้ายร่างกายจนต้องหนีตายเข้าไปหลบในร้านสะดวกซื้อที่หน้าวัดโพธิ์เผือก ถ.บางกรวย-ไทรน้อย ต.บางกรวย อ.บางกรวย จ.นนทบุรี เหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อช่วงเวลาประมาณ 23.30 น. ของวันที่ 13 ม.ค.ที่ผ่านมา ก่อนถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจตั้งข้อหาคดีผู้ร่วมก่อเหตุซึ่งมีประมาณ 20 รายในข้อหา “ร่วมกันทำร้ายร่างกายผู้อื่น เป็นเหตุให้ได้รับอันตรายสาหัส ” ตามที่ข่าวได้นำเสนอไปแล้วนั้น
ล่าสุดวันนี้ ( 16 ม.ค.68) ที่วัดโพธิ์เผือก ต.บางกรวย อ.บางกรวย จ.นนทบุรี พระครูปลัดนนท์ กิตติปัญโญ เจ้าอาวาสวัดโพธิ์เผือก เปิดเผยว่า ประธานชุมชนที่ลงมือ ปกติเป็นคนที่มีนิสัยตรงไปตรงมา เท่าที่อาตมาสัมผัสได้ ไม่ได้เข้าข้างลูกศิษย์ อาตมาอยู่ที่นี่มา 9 ปีย่างเข้าปีที่ 10 มีอะไรเกี่ยวกับชุมชนช่วยกันประสานงาน ช่วยเหลือคนอื่นเขาทำงานเพื่อส่วนรวม และเป็นคนจริงไม่ได้เป็นนักเลง
แต่ใครอย่ามาเบียดเบียนเขา เป็นเราเราก็ไม่ยอมใครมาเบียดเบียนเรา เหมือนกับที่มาเบียดเบียนวัด ซึ่งเป็นอาตมาก็ไม่ยอมเช่นกัน อาตมาเคยพูดบอกไว้ว่า ใครไม่ชอบพระอาจารย์ก็ไม่ต้องเข้าวัดนี้เอาที่เขาสะดวกใจ ซึ่งอาตมาพูดอย่างนี้กับลูกศิษย์ ลูกศิษย์จึงรู้ว่าพระอาจารย์เป็นคนตรง
ในวันนั้นมีกลุ่มลูกศิษย์อาตมามาร่วมงานเกือบ 300 คน ลูกศิษย์ใกล้ชิดเขารู้เขาบอกต้องมา มาเพื่อให้อาจารย์มีกำลังใจ พระอาจารย์ก็พูดตอนเปิดว่าใครรักที่พระอาจารย์เป็นแบบนี้ ก็รักกันไปนานๆใครไม่รักเห็นว่าพระอาจารย์ไม่ถูกใจเขาพระอาจารย์ไม่ว่าอะไรก็เชิญวัดอื่นได้
เจ้าอาวาสวัดโพธิ์เผือก กล่าวว่า คนชุมชนวัดโพธิ์เผือกเป็นคนจริงมาตั้งแต่ไหนแล้ว แต่ก็ไม่ยอมให้ใครมารังแก เชื่อว่าประธานชุมชนลูกศิษย์อาตมาถูกรังแกจากภายนอกมาก่อน ทำให้เขาเก็บเรื่องไว้ในใจเรื่อยมา กระทั่งมาเจอกันในงาน แล้วนั่งคุยเพื่อปรับทัศนคติ ปรับความเข้าใจกัน
แต่อีกฝั่งคงมีกำแพงอยู่ในใจ ทั้งๆที่อยากจะทำงานร่วมบูรณาการทำพื้นที่ให้ดี แต่กลายเป็นว่าไม่ลดราวาศอกให้กัน ทำให้อีกฝ่ายทนไม่ไหวจึงเกิดเรื่องขึ้น ประธานชุมชนใจร้อนตบหน้าคนเจ็บไป 2 ที แล้วก็มีคนมาห้ามมาแยกออกจากนั้น ไม่ได้มีใครไปรุมทำร้ายตามที่อีกฝ่ายให้ข่าวออกไป จากคลิปจะเห็นว่าเขาเดินออกจากวัดไปที่ร้านสะดวกซื้อเพื่อนั่งรอรถพยาบาลมาช่วยเหลือด้วยซ้ำ
พระอาจารย์นนท์ กล่าวอีกว่า ก่อนหน้านี้พระอาจารย์เคยพูดบอกเอาไว้แล้วว่าไม่ควรเอาการเมืองเข้ามาในวัด หน้าที่คือคุณคือช่วยบำบัดทำนุบำรุง บำบัดทุกบำรุงสุขให้กับคนในท้องถิ่น ไม่ใช่มาหาความวุ่นวายให้กับคนในท้องถิ่น และเอาความวุ่นวายเข้ามาในวัดแบบนี้
อยากฝากไปถึงต้นสังกัด ควรจะพิจารณาไปถึงผู้หลักผู้ใหญ่ของพรรคที่ดูแล ส.ส.ทั้งสองคนด้วยว่าส.ส.คนไหนทำงานจริงและ ส.ส.คนไหนหลงในอำนาจ มาทำให้พระคุณเจ้าวุ่นวาย ทั้งๆที่เป็นงานที่สร้างความสามัคคีให้กับชุมชน แต่เขามาทำให้แตกความสามัคคีกันจนกลายเป็นข่าวขึ้นมา
ที่มา : ข่าวสด
Leave a Reply