วันที่ 14 มีนาคม 2567   เวลา 13.00 น. ณ โรงเรียนวินิตศึกษา ในพระราชูปถัมภ์ฯ แห่งที่ 2  ต.โพธิ์เก้าต้น  อ.เมืองลพบุรี จ. ลพบุรี  พล.ต.อ. เพิ่มพูน ชิดชอบ   รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ พร้อมด้วย นายสุเทพ แก่งสันเทียะ  ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ ว่าที่ร้อยตรี ธนุ วงษ์จินดา เลขาธิการ สพฐ.  นายมณฑล ภาคสุวรรณ์  เลขาธิการ สช.  และคณะ เดินทางมาตรวจเยี่ยมโรงเรียนวินิตศึกษา ฯ  โดยมี พระเทพเสนาบดี เจ้าคณะจังหวัดลพบุรี ในฐานะผู้อำนวยการโรงเรียนวินิตศึกษา ในพระราชูปถัมภ์ฯ  ว่าที่ร้อยตรี ทรงพล แป้นแก้ว  รองผู้ว่าราชการจังหวัดลพบุรี  คณะผู้บริหาร เจ้าหน้าที่ นักเรียนโรงเรียนวินิตศึกษา ฯ  และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องร่วมต้อนรับ

เมื่อไปถึง พล.ต.อ. เพิ่มพูน ชิดชอบ  และคณะได้เยี่ยมชมผลผลิตของนักเรียนวินิตศึกษา เช่น คาเฟ่ร้านกาแฟ  น้ำเลม่อนโซดา   ไข่เค็มดินสอพอง นำยาอเนกประสงค์ ผักปลอดสารพิษ บ้านนี้มีรักปลูกผักกินเอง ผลผลิตจากป่า 3 อย่างประโยชน์ 4 อย่าง กล้วยฉาบ  สาธิตการขัดแยกขยะของนักเรียน และรวมทั้งชมนิทรรศการ การเรียนออนไลน์  โดยแต่ละบูธจะมีนักเรียนสาธิตการทำและบรรยายทั้งภาษาไทยและอังกฤษ   ต่อจากนั้นรัฐมนตรีกระทรวงศึกษาธิการพร้อมคณะได้พบปะกับข้าราชการในสังกัดกระทรวงศึกษาธิการ และผู้บริหารจังหวัดลพบุรี

พล.ต.อ. เพิ่มพูน ชิดชอบ  กล่าวว่า  วันนี้เดินทางมาจังหวัดลพบุรี อย่าถือว่าเป็นการมอบนโยบาย ถือว่าเดินทางมาร่วมพูดคุยโดยเฉพาะนโยบายที่ให้ไว้ตั้งแต่เข้ามาดำรงตำแหน่งคือ เรียนดี มีความสุข  รวมทั้ง 1 อำเภอ 1 โรงเรียนคุณภาพ  ซึ่งประเด็นเหล่านี้เราต้องจับมือแล้วเดินไปด้วยกัน เพราะโรงเรียน กระทรวงศึกษาธิการ ไม่ได้ดูแลทั้งหมด บางโรงเรียนท้องถิ่นดูแล ตำรวจดูแล เราต้องทำงานร่วมกัน การจะเรียนดี มีความสุข เราจะต้องยึดอยู่ใน 2 ขา  คือ หนึ่ง ทำอย่างไรให้นักเรียนเป็นเป็นเลิศ และสอง ทำอย่างไรให้เด็กเมื่อโตขึ้นมีความมั่นคงในชีวิต มีทักษะการใช้ชีวิต มีอาชีพ  ยุคนี้เราต้องรู้เท่าทันโลก สมัยก่อนเราควบคุม IA  ต่อไปเราต้องทำงานร่วมกับAI ปัจจุบันอาจมีเด็กบางคนครอบครัวมีปัญหาทางเศรษฐกิจ ไม่จบศึกษาภาคบังคับ อันนี้เราต้องช่วยกันให้เด็ก ๆ เหล่านี้เข้ามาในระบบ ให้เขาเรียนอย่างมีความสุข อยู่ในโรงเรียน อยู่กับครูก็ให้เขามีความสุขกับพวกเรา การศึกษาเป็นเรื่องของทุกคน ไม่ใช่ของกระทรวงศึกษาธิการอย่างเดียว อย่างนักเรียนโรงเรียนวินิตศึกษาที่ท่านเจ้าคุณดูแล เท่าที่ทราบน่าจะเป็นเลิศ เพราะไปต่อได้ ตามมหาวิทยาลัยต่าง ๆ   ซึ่งในที่ประชุมนี้ มีหลายท่านล้วนจบจากวินิตศึกษา

“ตั้งแต่เข้ามาดำรงตำแหน่ง ทำไปแล้วหลายเรื่องทั้งเรื่องไม่ต้องให้ครูอยู่เวร เพราะเคยเจอโรงเรียนบางแห่งมีครูผู้หญิง 2 คน ต้องอยู่เวรร่วมกันแบบนี้ไม่ปลอดภัย จึงขอให้กระทรวงมหาดไทยและสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เข้ามาช่วยดูแลแทน เราต้องลดภาระครู คืนครูให้กับนักเรียน คืนครูให้อยู่กับครอบครัว ในขณะเดียวกันจะต้องลดภาระนักเรียนด้วย การบ้านไม่มีแล้ว ต้องทำที่โรงเรียน เด็กกลับไปจะได้อยู่กับครอบครัว จะได้อยู่กับพ่อกับแม่ ส่วนอีกเรื่องคือให้เพิ่มจำนวนภารโรง ของบประมาณไปแล้ว หากไม่ได้อาจจะต้องใช้งบกลาง ซึ่งเป็นอำนาจของนายกรัฐมนตรี  และรวมทั้งการแก้ปัญหาความเหลื่อมล้ำของระบบการศึกษาตามโรงเรียนต่าง ๆ ตรงนี้ อาจต้องมาดูกันในภาพรวมว่าจะทำอย่างไร  อยากให้ทุกท่านจับมือแล้วเดินไปด้วย โดยเฉพาะ 1 อำเภอ 1 โรงเรียนคุณภาพ  อยากทำให้จบภายในปี 2567 นี้..”

พระเทพเสนาบดี ระบุว่า ตอนนี้กำลังอบรมพระอุปัชฌาย์อยู่ที่วัดสามพระยา กรุงเทพมหานคร เมื่อรัฐมนตรีมาเยี่ยมที่โรงเรียนวินิตศึกษา จึงลาการอบรมมา เพราะมันจำเป็น

“คณะครู นักเรียน ดีใจและปลื้มใจมากที่รัฐมนตรีท่านเดินทางมาตรวจเยี่ยม พร้อมกับชิมผลผลิตของรักเรียนตามบูธต่าง ๆ โรงเรียนวินิตศึกษา เรานอกจากสอนให้นักเรียนเป็นเลิศทางวิชาการแล้ว เราพยามฝึกให้พวกเธอมีทักษะในการในการใช้ชีวิต ด้วย เช่น ไข่เค็มดินสอพอง กล้วยฉาบ ปลูกผักปลอดสารพิษ โรงเรียนวินิตศึกษาเรามีแปลงศาสตร์ของพระราชา มีแปลงโคก หนอง นา ภายในแปลงนี้กล้วย มีผัก หลากหลายชนิด เงินที่นักเรียนขายได้ ทางโรงเรียนไม่ได้เอาให้พวกเธอไปแจกจ่ายกันเอง เด็กสมัยนี้เราต้องสอนให้พึ่งตนเอง โรงเรียนวินิตศึกษาเป็นโรงเรียนการกุศลในพระพุทธศาสนา ปัจจุบันทั้งวินิตศึกษา 1 และวินิตศึกษา 2 มีนักเรียนรวมกันแล้วประมาณ 5 พันคน..”