“สมเด็จชิน” เตือนสติ “พระปริยัตินิเทศก์” อย่าทำตัวเป็นศิษย์นอกครู!!

วันที่ ๒๒  สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๖๗ วานนี้ ณ หอประชุมพุทธมณฑล สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ อำเภอพุทธมณฑล จังหวัดนครปฐปฐม สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ทรงมีพระบัญชาโปรดให้เจ้าประคุณสมเด็จพระมหาวีรวงศ์ กรรมการมหาเถรสมาคม เลขานุการสมเด็จพระสังฆราช มาเป็นประธานในพิธีเปิดการประชุมสัมมนาพระปริยัตินิเทศก์โดยมี พระพรหมบัณฑิต กรรมการมหาเถรสมาคม ในฐานะ ประธานศูนย์พระปริยัตินิเทศก์แห่งคณะสงฆ์ พระสังฆาธิการ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ถวายการต้อนรับ

สมเด็จพระมหาวีรวงศ์ ได้เชิญพระโอวาท สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก มาในการเปิดประชุมความตอนหนึ่ง ดังนี้

”ท่านทั้งหลายในฐานะพระสังฆาธิการในฐานะพระปริยัตินิเทศก์ และในฐานะบรรพชิตในพระพุทธศาสนาย่อมมีหน้าที่โดยตรงในการที่จะวางนโยบาย บริหารจัดการควบคุม ดูแล ประสานงาน เสนอแนะ และสนับสนุนงานด้านการศึกษา จึงขอให้ทุกท่านตระหนักในภาระหน้าที่ของท่านว่ามิใช่เรื่องเล็กๆ น้อยๆ การทำหน้าที่ทางด้านพระปริยัติธรรมนอกจากเป็นการสืบอายุพระศาสนาให้ยั่งยืนนาน ยังเป็นการสนองพระบรมราโชบายของสมเด็จบรมบพิตร พระราชสมภารเจ้า ผู้ทรงเป็นอัครพุทธศาสนูปถัมภก อีกด้วย

พระปริยัตินิเทศก์นั้นได้ชื่อว่าเป็นครูของครูอีกขั้นหนึ่ง จึงขอให้ท่านตระหนักอยู่เสมอว่า ครูของครูที่ยิ่งใหญ่ที่สุดนั้น คือสมเด็จพระบรมครู ทรงเป็นครูของเทวดาและมุษย์ทั้งหลาย ทรงเป็นสารถีผู้สามารถฝึกบุรุษได้อย่างล้ำเลิศ ไม่มีผู้ใดอื่นเทียมเท่า เพราะฉะนั้น การจะทำหน้าที่พระปริยัตินิเทศก์ได้อย่างถูกต้อง เหมาะสม และบังเกิดสัมฤทธิ์ผลจึงจำเป็นต้องศึกษาค้นคว้าและทำความเข้าใจในพระธรรมวินัยให้เชียวชาญ ท่านที่เป็นพระปริยัตินิเทศก์ล้วนต้องครองวิทยฐานะนักธรรมเอกเป็นอย่างน้อย ผนวกกับวิทยฐานะอื่นๆ และประสบการณ์เข้าประกอบกัน

ขอให้ท่านจงมั่นคงแน่วแน่ในหลักการและกระบวนการจัดการศึกษาพระปริยัติธรรมตามพุทธวิธี และตามวิถีแห่งบูรพาจารย์คณะสงฆ์ไทย ที่ท่านได้ศึกษามาแล้วจนได้รับวิทยฐานะนั้น ๆ

มีคำโบราณที่ขอหยิบยกมาย้ำเตือนใจท่านทั้งหลายว่า “อย่าทำตัวเป็นศิษย์นอกครู“ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในทางพระพุทธศาสนา ถ้าภิกษุสามเณรรูปใด ริทำตนหรือแอบอ้างสั่งสอนไป นอกแบบอย่างหนทางของพระบรมครูตลอดจนอุปัชฌาย์อาจารย์ที่ท่านอบรมสั่งสอนสืบทอดมา รับรองว่าภิกษุสามเณรรูปนั้น จักต้องได้รับผลร้ายในเบื้องปลายอย่างแน่แท้

ขอให้ท่านจงมั่นใจว่าบูรพาจารย์คณะสงฆ์ไทย ได้อุตสาหะสร้างสรรค์ระบบการศึกษาพระปริยัติธรรม พากเพียรพัฒนา และต่อยอด เป็นลำดับอย่างสุขุมคัมภีรภาพ ท่านผู้เป็นปัจฉิมมาชนตาชน อย่าอุตริพูด หรือทำ โดยเผลอใช้อัตโนมติของตนๆ หรือเพื่อเอาอกเอาใจกระแสแห่งลาภสักการะ ที่จรมาแล้วจรไปอย่างชั่วครู่ชั่วคราว จนคลาดเคลื่อนนอกจากแบบไปจากหลักการในพระไตรปิฎก และวิธีวิทยาแห่งการศึกษาพระปริยัติธรรม ของคณะสงฆ์ไทย ซึ่งนำโดยเจ้าพระคุณ สมเด็จพระมหาสมณเจ้า สมเด็จพระสังฆราชเจ้า และสมเด็จพระสังฆราชทุกพระองค์ ตามที่ได้ทรงศึกษา วิจัย และกำหนดเนติแบบแผนไว้อย่างชัดเจนเป็นระบบระเบียบแล้ว ในขณะเดียวกัน ก็ขอให้มีน้ำใจอาจหาญมั่นคง ที่จะกล้ายืนยัน กำกับ และกำชับในหลักการและวิธีการที่ถูกต้อง ให้เป็นมาตรฐานของสำนักศาสนศึกษาหรือโรงเรียนพระปริยัติธรรม ที่ท่านได้ไปทำการนิเทศ ทั้งแผนกบาลีสนามหลวง แผนกธรรมสนามหลวง และแผนกสามัญศึกษา ทุกแห่งไป“

พระปริยัตินิเทศก์ เป็นบุคลากรทางการศึกษาของคณะสงฆ์ที่มีความสำคัญอย่างยิ่ง เพราะมีหน้าที่หลัก คือการนิเทศการศึกษาพระปริยัติธรรม ส่งเสริมสนับสนุนและเสนอแนะแนวทางการพัฒนาการศึกษาพระปริยัติธรรมแก่สถานศึกษาพระปริยัติธรรม พระปริยัตินิเทศก์จึงมีความเกี่ยวข้องในฐานะผู้มีหน้าที่นิเทศ ติดตาม ประเมินผล การจัดการศึกษาพระปริยัติธรรมทั้ง ๓ แผนก แผนกธรรม แผนกบาลี และแผนกสามัญศึกษา ดังนั้นหากพระปริยัตินิเทศปฏิบัติหน้าที่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ก็จะช่วยส่งเสริมสถานศึกษาพระปริยัติธรรมในการจัดการศึกษาและส่งเสริมพระภิกษุ สามเณร ให้มีความสามารถและมีความเข้าใจในหลักธรรมคำสอนของพระพุทธองค์ ดำรงตนเป็นศาสนทายาทสืบไป

นอกจากพระปริยัตินิเทศก์ที่ทำหน้าที่ส่งเสริมการจัดการศึกษาพระปริยัติธรรมแล้วยังมีบุคลากรในส่วนงานการศึกษาพระปริยัติธรรมทั้ง ๓ แผนก และรวมถึงบุคลากรสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ที่สนองงานและส่งเสริมการศึกษาของคณะสงฆ์ กล่าวได้ว่า การจัดการศึกษาพระปริยัติธรรม ล้วนอาศัยความช่วยเหลือเกื้อกูล สนับสนุนกันระหว่างส่วนงานการศึกษาพระปริยัติธรรมและส่วนราชการ

 

ด้วยเหตุนี้ ศูนย์พระปริยัตินิเทศก์แห่งคณะสงฆ์ ร่วมกับสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ จึงได้จัดโครงการ “ประชุมสัมมนาพระปริยัตินิเทศก์และผู้เกี่ยวข้อง ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖ ระหว่างวันที่ ๒๑ – ๒๒ สิงหาคม ๒๕๖๗ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้บุคลากรศูนย์พระปริยัตินิเทศน์ คณะสงฆ์ และบุคลากรทางการศึกษาพระปริยัติธรรมรับทราบนโยบายการจัดการศึกษาพระปริยัติธรร พระราชบัญญัติการศึกษาพระปริยัติธธรรม พ.ศ. ๒๕๖๒ นโยบายการศึกษาของคณะสงฆ์ และของสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ เพื่อถือปฏิบัติให้เป็นไปในทิศทางเดียวกัน เพื่อเพิ่มพูนศักยภาพพระปริยัตินิเทศก์ในการนิเทศ ติดตามประเมินผล การสร้างแรงจูงใจในการปฏิบัติหน้าที่ และเพื่อเป็นการระดมความเห็นในการวางแผนและพัฒนาการจัดการศึกษาพระปริยัติธรรมให้มีคุณภาพและมาตรฐาน โดยได้อาราธนาผู้บริหารศูนย์พระปริยัตินิเทศ พระปริยัตินิเทศทั่วประเทศ ผู้แทนส่วนงานการศึกษา พระปริยัติธรรม และเชิญผู้อำนวยการสำนักงกงานพระพุทธศาสนาจังหวัด และเจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้อง เข้าประชุมสัมมนาจำนวนทั้งสิ้น ๘๐๐ รูป/คน

Leave a Reply