“สมเด็จพระมหาธีราจารย์” เปิดสัมมนา “อ.ป.ต.” หวังวัดและพระสงฆ์ เป็น “ที่พึ่งทางปัญญา” แก่สังคม

วันที่ 22 ตุลาคม 2567 เวลา 13.00 น. ณ อาคารปัญญานันทานุสรณ์ วัดชลประทานรังสฤษดิ์ จังหวัดนนทบุรี สำนักงานคณะกรรมการอบรมประชาชนกลาง (อ.ป.ก.) ร่วมกับ สํานักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ จัด สัมมนาโครงการส่งเสริมการพัฒนาประสิทธิภาพการดำเนินงาน หน่วยอบรมประชาชนประจำตำบล (อ.ป.ต.) โดยมี สมเด็จพระมหาธีราจารย์ กรรมการมหาเถรสมาคม เจ้าคณะใหญ่หนเหนือ ประธานคณะกรรมการอบรมประชาชนกลาง เป็นประธาน และมี พระพรหมเสนาบดี เจ้าคณะภาค 7 ,พระธรรมวชิรานุวัตร เจ้าคณะภาค 14 ,พระธรรมโพธิมลคล เจ้าคณะภาค 2 ,พระธรรมวชิโรดม เจ้าคณะภาค 6 ,พระราชวัชรธรรมภาณี เจ้าอาวาสวัดชลประทานรังสฤษดิ์ พระสังฆาธิการ เจ้าหน้าที่สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ร่วมถวายการต้อนรับ ซึ่งมีพระนักเผยแผ่ร่วมประชุมในห้องประมาณ 300 รูปในขณะที่พระภิกษุหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมประชุมผ่านซูมอีกประมาณ 1,500 รูป/คน ทั่วประเทศ

สมเด็จพระมหาธีราจารย์ ได้กล่าวตอนหนึ่งว่า การขับเคลื่อนหน่วยอบรมประชาชนประจำตำบลนั้น จำเป็นต้องอาศัยกำลังสติปัญญาทักษะความสามารถ เพื่อเกิดประโยชน์แก่ชุมชนและสังคม โดยมุ่งหวังให้พหูชนตั้ง มั่นอยู่ในกุศลธรรม ผ่านการทำงานและเผยแผ่พระพุทธศาสนาในรูปแบบต่างๆ เพื่อความเป็นอยู่ผาสุวิหารธรรมของคณะสงฆ์ และความร่มเย็นเป็นสุขของประชาชน  โดยดำเนินตามแนวทางขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ในสถานการณ์ปัจจุบัน วัดที่มีความพร้อม พึงสงเคราะห์ เกื้อกูล ชุมชนรอบวัด ผ่านกิจกรรมหน่วยอบรมประชาชนประจำตำบล จัดพื้นที่บริเวณในวัดให้มีความเป็นสัปปายะ เกื้อกูลชุมชนผ่านงานสาธารณสงเคราะห์ ช่วยเหลือเยียวยา ผู้ป่วยติดเตียง ผู้เปราะบาง ส่งเสริมให้พระภิกษุสามเณร มีทักษะในการเผยแผ่ธรรม สงเคราะห์ประชาชนด้วยการให้ธรรมะในการบำเพ็ญกุศลต่าง ๆ จัดการศึกษาสงเคราะห์ จัดพื้นที่ในวัดให้เกื้อกูลแก่คนทุกกลุ่มวัย จัดกิจกรรมเข้าวัดวันอาทิตย์ใกล้ชิดพระรัตนตรัย เป็นต้น โดยที่สุดแล้ว วัดและพระสงฆ์จักเป็นที่พึ่งทางปัญญาแก่สังคม สามารถให้คำแนะนำในสิ่งที่เป็นประโยชน์สุขแก่ประชาชนได้

“อนึ่ง มหาเถรสมาคม โดย เจ้าพระคุณสมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ในฐานะองค์ประธานกรรมการมหาเถรสมาคม ทรงมีคำสั่งมหาเถรสมาคม แต่งตั้งคณะทำงานพิจารณาระเบียบว่าด้วยการจัดตั้งหน่วยอบรมประชาชนประจำตำบล เพื่อให้คณะทำงาน ได้ยกร่าง ปรับปรุง แก้ไข ระเบียบมหาเถรสมาคม ว่าด้วยการจัดตั้งหน่วยอบรมประชาชนประจำตำบล ให้สามารถดำเนินการได้อย่างมีประสิทธิภาพในปัจจุบัน และเกื้อกูลแก่ชุมชน สังคม ประเทศชาติ..”

พระธรรมวชิรานุวัตร เจ้าคณะภาค 14 เจ้าอาวาสวัดไร่ขิง ในฐานะประธานคณะอนุกรรมการขับเคลื่อนโครงการส่งเสริมการพัฒนาประสิทธิภาพการดำเนินงาน หน่วยอบรมประชาชนประจำตำบล หรือ “อ.ป.ต.” ได้กล่าวกล่าวว่า หน่วยอบรมประชาชนประจำตำบล เป็นหน่วยเผยแผ่พระพุทธศาสนาของคณะสงฆ์ ที่จัดตั้งขึ้นตามระเบียบมหาเถรสมาคม ตั้งแต่ปีพุทธศักราช 2518 โดยดำริในเจ้าประคุณ สมเด็จพระพุทธโฆษจารย์ อดีตเจ้าคณะใหญ่หนกลาง วัดสามพระยาวรวิหาร ซึ่งมีแนวคิดในการจัดตั้งคือ ส่งเสริมให้วัด จัดการเผยแผ่หลักธรรมและเป็นศูนย์กลางชุมชน สามารถสงเคราะห์ เกื้อกูลชุมชน และประชาชนในทุกๆ ด้าน ที่ไม่ขัดต่อหลักพระธรรมวินัยและกฎหมาย   มหาเถรสมาคม จึงมีมติเห็นชอบให้วัด ที่มีความพร้อมในตำบลหนึ่งๆ จัดตั้งหน่วยอบรมประชาชนประจำตำบล เพื่อทำหน้าที่อบรม ส่งเสริม และสร้างสิ่งอันเป็นคุณประโยชน์ แก่ประชาชนในตำบลนั้น ๆ ตามหัวข้ออบรม 8  หัวข้อ  ประกอบด้วย ศีลธรรมและวัฒนธรรม สุขภาพอนามัย สัมมาชีพ  สันติสุข ศึกษาสงเคราะห์ กตัญญูกตเวทิตาธรรม และสามัคคีธรรมการ

“ประชุมสัมมนาในวันนี้ ได้อาราธนาพระสังฆาธิการ ประธานหน่วยอบรมประชาชนประจำตำบล เลขานุการเจ้าคณะจังหวัด พร้อมคณะอนุกรรมการ เข้าร่วมประชุมสัมมนา ณ วัดชลประทานรังสฤษดิ์ จำนวน 300 รูป/คน  และอาราธนา เจ้าคณะจังหวัด ในฐานะประธานคณะกรรมการอบรมประชาชนประจำจังหวัด พร้อมเจ้าคณะอำเภอ ในฐานะประธานคณะกรรมการอบรมประชาชนประจำอำเภอ ประธานหน่วยอบรมประชาชนประจำตำบล และพระเลขานุการ พร้อมข้าราชการกระทรวงมหาดไทย กระทรวงวัฒนธรรม และองค์กรภาคีเครือข่าย  เข้าร่วมประชุมผ่านระบบออนไลน์ จำนวน 1,500 รูป/คน รวมทั้งสิ้น จำนวนประมาณ 1,800  รูป/คน..

ส่วน พระสุธีวชิรปฏิภาณ เลขานุการเจ้าคณะใหญ่หนเหนือ ในฐานะเลขานุการคณะกรรมการอบรมประชาชนกลาง (อ.ป.ก.)  เผยว่า การประชุมวันนี้มีการนิมนต์พระภิกษุสงฆ์ที่เป็นพระนักเผยแผ่ มาทั่วประเทศ เดินทางมาร่วมประชุม โดยได้รับการอนุเคราะห์เรื่องสถานที่และอาหาร น้ำปานะ จาก พระราชวัชรธรรมภาณี เจ้าอาวาสวัดชลประทานรังสฤษดิ์ ซึ่งท่านถือว่าเป็นต้นแบบของพระรุ่นหลัง และเป็นสุดยอดของพระนักเทศน์นักเผยแผ่อยู่แล้ว

 “สาระสำคัญของการประชุมในวันนี้ สาระสำคัญคือ การร่วมการพิจารณาร่างระเบียบใหม่ของหน่วยอบรมประชาชนประจำตำบล ที่วันนี้ร่างมาเป็นตัวอย่างแล้ว รายละเอียดมาร่วมกันพิจารณาทั้งคณะกรรมการ ผู้ทรงคุณวุฒิ พระนักเผยแผ่ทั้งในส่วนกลางและในระดับพื้นที่ รวมทั้งภาคีเครือข่ายด้วย ว่า มีจุดไหนจะต้องเพิ่ม เติมหรือตัด เพื่อการจะทำงานได้ราบรื่นสะดวกกับคนฝ่าย  ต่อจากนั้นภาคบ่ายมีเวทีสานเสวนาจากพระมหาเถระ ซึ่งมีประสบการณ์ ครบเรื่อง ทั้งพระธรรมวชิโรดม เจ้าคณะภาค 6  พระราชวัชรสาครมุนี เจ้าคณะจังหวัดสมุทรสาคร  พระเมธีวัชรประชาทร หรือ หลวงพ่อแดง ที่ปรึกษาเจ้าคณะภาค 15  พระภาวนาะรรมาภิราม รองเจ้าคณะจังหวัดพังงา พระสุธีรัตนบัณฑิต คณบดีบัณฑิตวิทยาลัย มจร  พระศรีสมโพธิ์ เลขารองเจ้าคณะภาค 4 และที่ขาดไม่ได้ เนื่องจากงานนี้เป็นงานที่เกี่ยวข้องกับมวลชน ภาคีเครือข่าย ได้รับความเมตตาจาก พระพัฒน์วชิโรภาส เดินทางมาจากจังหวัดอุบลราชธานี เพื่องานนี้โดยเฉพาะ ซึ่งอนาคตในฐานะท่านเคยเป็นที่ปรึกษาปลัดกระทรวงมหาดไทยมาก่อน ก็ต้องอาศัยท่านนี้แหละจะไปเชื่อมกับกระทรวงมหาดไทย รวมทั้งกระทรวงอื่น ๆ ต่อไป เพื่อให้การขับเคลื่อนหลักธรรม 8 ประการของหน่วยอบรมประชาชน ได้เข้าถึงประชาชนจริง ๆ..” 

 

Leave a Reply