กรณี:สนามบินสุวรรณภูมิ “พระสงฆ์..ต้องไม่ทน”

“ผู้เขียน” พาดหัวแบบนี้ เพราะรับไม่ได้กับพฤติกรรมของผู้บริหารสนามบินสุวรรณภูมิ หรือ บริษัทท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) ที่มีกระทรวงการคลังถือหุ้นใหญ่ขอคืนห้องรับรองพระภิกษุสามเณร ชั้น 3 สนามบินสุวรรณภูมิ ในขณะที่ห้องละหมาดติดกับร้านแมคโดนัล ซึ่งอยู่ในชั้นเดียวกัน ยังประกอบศาสนกิจได้ตามปกติ

“ผู้เขียน” ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ประสบการณ์ที่ผ่านมาที่เคยใช้ห้องนี้ มีพระภิกษุมาใช้ต่อเนื่อง บางรูปเดินทางไกลมาจากต่างจังหวัด บางรูปไว้เปลี่ยนเที่ยวบิน หรืออย่างงาน “มจร” ที่ผ่านมาทั้งงาน “วิสาขบูชาโลก” และงาน “ประสาทปริญญา” เป็นห้องรับรอง “พระสังฆราช” หรือ “ประมุขสงฆ์”

“ผู้เขียน” ถามผู้บริหาร “มจร” รูปหนึ่งบอกว่า “ใจหาย” ถามเจ้าหน้าที่ท่าอากาศบอกเพียงว่าอยู่ที่ผู้บริหารท่าอากาศยานว่าจะหาห้องใหม่ได้เมื่อไร เลยไม่รู้ว่าที่ผ่านมา “ห้องรับรองพระ” ท่าอากาศยานจัดให้ฟรีหรือต้อง “เช่าห้อง” เพื่อบริการสำหรับพระภิกษุสามเณร

“ผู้เขียน” ดูจากสถิติการใช้ห้องรับรองเดือนหนึ่งหลายร้อยรูป แต่แปลกดีว่า “ยกเลิก” ทำไม

พระภิกษุสงฆ์เราก็แบบนี้..ไม่มีปากมีเสียงกันเขา ไม่เหมือนศาสนาอิสลาม เขาเต็มที่ในสิทธิที่เขาพึงควรจะได้..มันมี “องค์กร” ที่พร้อมจะบวกกับ “เจ้าหน้าที่รัฐ” ตลอดเวลา หากเขาเสียสิทธิอันพึงได้หรือรัฐเลือกปฎับัติ ไม่เป็นไปตามกฎหมายรัฐธรรมนูญ

เรื่องนี้ผู้เขียน..ยุให้พระสงฆ์และชาวพุทธต้องออกมาเรียกร้อง..อย่ายอม  พระภิกษุไปมีความสุขอะไรกับ “เงินทอง” ไปมีความสุขอะไรกับคนมากราบไหว้ เข้ามาหาเป็นจำนวนมาก..อยู่ดีกินดี

ในขณะที่ผลประโยชน์ “ส่วนรวม” อันเป็น “หัวใจ” สำคัญของความเป็นพระภิกษุที่บำเพ็ญตนเพื่อ “หลุดพ้น” แล้ว ยังต้อง จาริกไปเพื่อประโยชน์สำหรับคนหมู่มากด้วย

และเรื่องแบบนี้ไม่ใช่การ “คุกคาม”อะไร มันแค่ พระภิกษุสงฆ์และชาวพุทธ “นิ่งเฉย” ราชการเขารู้ว่า “คณะสงฆ์” บ้านเรา..อย่างไรก็ได้!!

หรือพูดให้แทงบีบ “หัวใจ” พระสงฆ์หน่อยก็คือถูกเลี้ยง.จนเชื่อง

“ผู้เขียน” เคยถามผู้อำนวยการสนามบินท่านหนึ่ง เล่าว่า สำหรับบริษัทท่าอากาศยานหรือ “AOT” บริหารสนามบินนานาชาติ เช่น สนามบินสุวรรณภูมิ สนามบินดอนเมือง สนามบินหาดใหญ่ สนามบินเชียงใหม่ เป็นต้น สนามบินนอกนั้นบริหารโดย “กรมท่าอากาศยาน” กระทรวงคมนาคม

“ผู้เขียน” ถามต่อว่าแล้วทำไมทุกสนามบินต้องมี “ห้องละหมาด” คำตอบชัดคือมี “กฎหมายบังคับ” ผู้อำนวยการสนามบินท่านนี้เล่าต่อว่า ยุคหนึ่งสมัย “สุรินทร์ พิศสุวรรณ” เป็นรัฐมนตรี เดินทางมาปฎิบัติราชการแล้วไม่มี “ห้องละหมาด” ให้ท่าน ๆ ประสงค์อยากให้มี ซึ่งต่อมาทุกสนามบิน เวลาสร้างในแบบการก่อสร้างต้องมี “ห้องละหมาด” ส่วนห้องรับรองพระภิกษุสามเณร “กฎหมาย” ไม่บังคับ

ผู้เขียน..ฟังมาแบบนี้

Leave a Reply