วันพุธที่ 9 เมษายน 2568 เวลา 11.00 น. ที่ ห้องประชุม 302 ตึกบัญชาการ 1 ชั้น 3 ทำเนียบรัฐบาล. นายชูศักดิ์ ศิรินิล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี พร้อมด้วย ดร.นิยม เวชกามา ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายวัฒนา เตียงกูล ที่ปรึกษารัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี คณะกรรมการ อนุกรรมการ และนายอินทพร จั่นเอี่ยม ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุมคณะกรรมการแก้ไขปัญหากรณีวัดและที่พักสงฆ์มีสถานที่ตั้งอยู่ในที่ดินของรัฐ
การประชุมการแก้ปัญหากรณีวัดและที่พักสงฆ์มีสถานที่ตั้งอยู่ในเขตที่ดินของรัฐครั้งที่ 2 นี้ สืบเนื่องจาก น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้มีคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 23 ธันวาคม 2567 แต่งตั้งคณะกรรมการการแก้ไขปัญหากรณีวัดและที่พักสงฆ์มีสถานที่ตั้งอยู่ในเขตที่ดินของรัฐทุกประเภท ทั้งที่ดิน สปก.ราชพัสดุ กรมป่าไม้ กรมอุทยาน ที่ดินสาธารณะประโยชน์ ที่ดินเขตทหาร กรมทะเลและชายฝั่งเป็นต้น ไม่สามารถออกเอกสารสิทธิและโฉนดได้ ทำให้มีวัดและที่พักสงฆ์ทั่วประเทศประมาณ 11,000 แห่ง ขออนุญาตใช้ที่ดินรัฐ เป็นไปด้วยความล้าช้าและยุ่งยาก เกิดข้อพิพาทปัญหาที่ดินทับซ้อนระหว่างวัดกับหน่วยงานรัฐ ผนวกจำนวนวัดจำนวนมากมีอุโบสถแล้ว แต่ไม่สามารถขอพระราชวิสุงคามสีมาได้ เนื่องจากไม่มีโฉนดและเอกสารสิทธิ 
นายวัฒนา เตียงกูล ที่ปรึกษารัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานอนุกรรมการพิจารณาศึกษาวัดและที่พักสงฆ์ที่ยังมิได้รับอนุญาตให้ใช้ที่ดินของรัฐ กล่าวโดยสรุปว่า ปัญหาที่ดินรัฐจากการศึกษาข้อกฎหมายแล้ว การขออนุญาตใช้ดินสาธารณะประโยชน์หรือ นสล.ภายใต้การดูแลของกระทรวงมหาดไทย ทำไม่ได้ เนื่องจากกฎหมายไม่เปิดช่องให้นำที่ดินประเภทนี้มาตั้งวัดหรือที่พักสงฆ์ได้ จึงขอให้ที่ประชุมร่วมกับหาทางออก
ด้าน นายสุริยน พัชรครุกานนท์ รองผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ กล่าวว่า ปัจจุบันคณะกรรมการที่ดินแห่งชาติ กำลังเสนอกฎหมายให้กับวัดทั่วประเทศมีทางออกในการพิสูจน์สิทธิให้เป็นมติของคณะรัฐมนตรี ซึ่งตอนนี้เรื่องอยู่ที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี หากกฎหมายนี้ออกมา วัดจะได้ประโยชน์จากตรงนี้ประมาณ 500 กว่าวัด สามารถไปออกโฉนดได้เลย เนื่องจากสำนักงานนโยบายที่ดิน ไปสำรวจมาเรียบร้อยและให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อวัดกันเรียบร้อยหมดแล้ว
” คณะกรรมการชุดนี้นายกรัฐมนตรีตั้งขึ้นมาเพื่อให้แก้ปัญหาเรื่องที่ดินวัดและที่พักสงฆ์ อย่างเช่น กรณี ที่ดิน นสล. หรือที่ดินสาธารณะประโยชน์ แก้ปัญหาไม่ยาก มีช่องทางอยู่ วัดที่ตั้งอยู่ในดินที่ นสล.มีจำนวนมากที่ไม่สามารถออกโฉนดหรือขออนุญาตใช้พื้นที่ได้ อย่าง สปก. เขามีกฎหมายตัวหนึ่ง สามารถเพิกถอนที่ดิน นสล.ที่เป็นชุมชนหมู่บ้าน ประชาชนเข้าไปอยู่เป็นจำนวนมากแล้ว ให้เป็นที่ดิน สปก.แล้ว ให้ สปก.อนุญาตให้วัดหรือที่พักสงฆ์ ขออนุญาตใช้พื้นที่ได้ ตรงนี้ประชาชนที่อยู่มาก่อนก็ได้ประโยชน์ มิใช่ประโยชน์ตกอยู่กับวัดหรือที่พักสงฆ์อย่างเดียว..”
ส่วน ดร.นิยม เวชกามา ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวเสริมว่า เห็นด้วยกับข้อเสนอของสำนักงานที่ดินแห่งชาติ “ตอนนี้พระสงฆ์และวัด 11,000 หมื่นกว่าแห่งทั่วประเทศเดือดร้อน คณะกรรมการชุดนี้ต้องแก้ปัญหา เจอทางตันแล้วจะถอยไม่ได้ แม้กระทั้งวัดที่ตั้งอยู่ในเขตทหาร การขออนุญาตให้ยากเช่นกัน มันต้องทำได้ เมื่อนายกรัฐมนตรีท่านมีความจริงใจตั้งคณะกรรมการชุดนี้ขึ้นมา มีอาจารย์ชูศักดิ์ ศิรินิล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ที่มีความตั้งใจจะสะสางเรื่องนี้ จึงฝากให้ทุกคนร่วมกันหาทางออก ทางออกไม่ว่าจะเป็น มติ ครม.หรือพระราชกฤษฎีกา หากมันจำเป็นต้องใช้ก็ต้องทำได้..”
นายชูศักดิ์ ศิรินิล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ประธานที่ประชุมหลังจากซักถามข้อมูลจากฝ่ายเลขานุการและเปิดโอกาสให้คณะกรรมการ รวมทั้งตัวแทนหน่วยงานภาครัฐต่าง ๆ แสดงความคิดเห็นแล้ว ได้สรุปประเด็นเพื่อให้ที่ประชุมร่วมกันหาทางออก 3 ประเด็น คือ หนึ่ง ให้รวมรวบวัดและที่พักสงฆ์ที่ตั้งอยู่ในเขตที่ดินของรัฐทุกประเภทให้เป็นปัจจุบัน สอง สรุปปัญหาวัดและที่พักสงฆ์ติดขัดอะไร และสาม หาทางออกว่าจะต้องทำอย่างไรบ้าง เพื่อช่วยเหลือวัดและที่พักสงฆ์ให้มีโฉนดและเอกสารสิทธิทั้ง 11,000 กว่าแห่งทั่วประเทศ
Leave a Reply