วันที่ 20 เมษายน 2568 ช่วงเทศกาลสงกรานต์มีข่าวการจับกุมตัวนายนพรัตน์ เบญจวัฒนานนท์ อดีตผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ(พศ.) ที่ประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 11 เมษายน 2568 และมาเป็นข่าวในฝั่งไทยราววันที่ 13 เมษายน 2568
คดีนี้กลายเป็นจุดเริ่มต้นของคดีเงินทอนวัด ที่ลากเอาพระผู้ใหญ่หลายรูปต้องกลายเป็นผู้ต้องหาไปด้วย บางคดีสิ้นสุดแล้ว และ อีกหลายคดียังค้างคารอการส่งตัวนายนพรัตน์กลับมาดำเนินคดีที่เมืองไทย
ที่หลายคนตกใจ คือ ไม่คิดว่าจะมีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นในวงการพุทธศาสนาบ้านเรา คนทำไม่กลัวบาปกรรมบ้างหรือ
ทั้งนี้งบที่ภาครัฐจัดสรรให้ตามวัดต่าง ๆ ผ่านสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาตินั้น มีหลากหลาย ทั้งเงินบูรณะวัด เงินส่งเสริมการศึกษาพระเณร วัดใหญ่ วัดเล็ก เงินสนับสนุนก็แตกต่างกัน จากคดีความที่เกิดขึ้นเงินเหล่านี้จะมีการทำข้อตกลงระหว่างตัวแทนของสำนักพุทธฯ กับทางวัด เซ็นรับเงินจำนวนหนึ่ง โอนคืนไปยังทีมงานของสำนักพุทธฯ จำนวนหนึ่ง วัดรับจริง ๆ ถือว่าน้อยมาก
เมื่อเรื่องแดงออกมาจึงมีการตรวจสอบกันอย่างเป็นทางการ พร้อมกับแจ้งข้อกล่าวหาและดำเนินคดีกับผู้กระทำผิดในสำนักงานพระพุทธศาสนา ต้นทางของการกระทำผิดในครั้งนี้ คือ นายนพรัตน์ เบญจวัฒนานนท์ พร้อมลูกทีมระดับตั้งแต่ยังเป็นรอง ผอ.อย่างนายพนมศรศิลป์ จนขึ้นมา ผอ.ต่อในภายหลัง และยังมีนางประนอม คงพิกุล รอง ผอ.และทีมงาน
ที่ถูกจับกุมตัวไปแล้วมีนายพนม ศรศิลป์ และส่วนนางประนอม คงพิกุล หลบหนี ส่วนนายนพรัตน์เดินทางออกไปต่างประเทศตั้งแต่ก่อนปี 2560 และได้ไปอยู่ที่สหรัฐจนถูกจับกุมตัวได้เมื่อ 11 เมษายน 2568
ป.ป.ช.แจ้งสหรัฐจับ“นพรัตน์”
13 เมษายน 2568 ที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.) นายสาโรจน์ พึงรำพรรณ เลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช. ในฐานะโฆษกสำนักงาน ป.ป.ช. เปิดเผยถึงกรณีที่ปรากฎข่าวว่า เมื่อวันที่ 11 เมษายน 2568 ทางการสหรัฐอเมริกา ได้จับกุมตัวนายนพรัตน์ เบญจวัฒนานันท์ อดีตผู้อำนวยการ (พศ.) ผู้ถูกกล่าวหาที่คณะกรรมการ ป.ป.ช. ชี้มูลความผิดกรณีทุจริตเงินอุดหนุนบูรณปฏิสังขรณ์วัดและการพัฒนาวัด หรือ “คดีเงินทอนวัด” ณ รัฐเท็กซัส ประเทศสหรัฐอเมริกานั้น
กรณีดังกล่าวเป็นการดำเนินการตามคำร้องขอส่งผู้ร้ายข้ามแดนของทางการไทย ตามที่สำนักงาน ป.ป.ช. ได้มีการขอความอนุเคราะห์อัยการสูงสุด ในฐานะผู้ประสานงานกลาง ตามพระราชบัญญัติ ส่งผู้ร้ายข้ามแดน พ.ศ. 2551 เพื่อมีคำร้องไปยังประเทศสหรัฐอเมริกาให้ส่งผู้ร้ายข้ามแดน ราย นายนพรัตน์ เบญจวัฒนานันท์ ที่หลบหนีไปยังสหรัฐอเมริกา เพื่อนำตัวมาดำเนินคดีที่ประเทศไทย ซึ่งเป็นความร่วมมือระหว่างสำนักงาน ป.ป.ช. โดยสำนักกิจการและคดีทุจริตระหว่างประเทศ สำนักงานอัยการสูงสุด และผู้แทนกระทรวงยุติธรรมสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทย ได้มีการติดตามแบบใกล้ชิดและประสานงานอย่างต่อเนื่อง ในการดำเนินการตามขั้นตอนทางกฎหมาย เพื่อขอให้ทางการสหรัฐอเมริกาส่งตัวนายนพรัตน์กลับประเทศไทย
โดยในขั้นตอนต่อไปศาลของประเทศสหรัฐอเมริกาจะพิจารณาการส่งผู้ร้ายข้ามแดนรายนี้ให้ทางการไทยต่อไป
ลากไปถึงพระผู้ใหญ่
แหล่งข่าวกล่าวว่า คดีที่เกี่ยวข้องกับนายนพรัตน์นั้นมีหลายคดี แต่ถูกพักไว้เพราะต้องรอการส่งตัวกลับเมืองไทย มีพระระดับเจ้าอาวาสหรือกรรมการวัดเข้าไปเกี่ยวข้องหลายวัด ดังนั้นต้องรอดูว่าเจ้าอาวาสวัดใดจะถูกดำเนินคดีด้วย
เรื่องเงินทอนวัดยังขยายวงไปสู่ 3 วัดดัง ที่พระผู้ใหญ่ดำรงตำแหน่งกรรมการในมหาเถรสมาคม ประกอบด้วย พระพรหมดิลก เจ้าอาวาสวัดสามพระยา พระพรหมสิทธิ เจ้าอาวาสวัดสระเกศ และพระพรหมเมธี ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดสัมพันธวงศ์ ที่หลบหนีไปต่างประเทศ ส่วน 2 รูปแรกสู้คดีในเมืองไทย สุดท้ายศาลพิพากษาแล้วไม่มีความผิด
“ที่จริงแล้วน่าจะเรียกว่าเป็นข้อกล่าวหาใช้เงินผิดประเภทมากกว่า ซึ่งเจ้าอาวาสวัดสามพระยาและวัดสระเกศได้ต่อสู้คดี จนพ้นผิด ส่วนพระพรหมเมธี วัดสัมพันธวงศ์หลบหนีไปต่างประเทศ..”
จากข้อมูลของสำนักข่าวอิศรา ระบุว่า คณะกรรมการ ป.ป.ช. สรุปผลการไต่สวนข้อเท็จจริงปรากฏว่า ขณะที่นายนพรัตน์ เบญจวัฒนานันท์ ดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ระหว่างวันที่ 1 ตุลาคม 2553 – 30 กันยายน 2557 พบเงินฝากและทรัพย์สินต่างๆ ของนายนพรัตน์ เบญจวัฒนานันท์ และนางพัทธานันท์ เบญจวัฒนานันท์ (คู่สมรส) รวมทั้งบุคคลใกล้ชิด ได้แก่ นางธาริณี ดิตถ์วัชรไพศาล (อดีตคู่สมรส) บุตรหลาน และบุคคลอื่น โดยคณะกรรมการไต่สวนได้แจ้งข้อกล่าวหาให้บุคคลทั้ง 8 คน ชี้แจงที่มาของทรัพย์สินแล้ว แต่บุคคลดังกล่าวไม่สามารถพิสูจน์ที่มาของทรัพย์สินได้ ดังนี้
1. ทรัพย์สินที่อยู่ในชื่อของนายนพรัตน์ เบญจวัฒนานันท์ จำนวน 98,659,925.59 บาท ได้แก่ เงินฝาก จำนวน 13 บัญชี เป็นเงิน 71,974,350.59 บาท, เงินลงทุน จำนวน 4 รายการ เป็นเงิน 12,580,000 บาท และกรมธรรม์ประกันชีวิต จำนวน 12 กรมธรรม์ มูลค่า 14,105,575 บาท
2. ทรัพย์สินที่อยู่ในชื่อของนางพัทธานันท์ เบญจวัฒนานันท์ (คู่สมรส) จำนวน 196,039,741.59 บาท ได้แก่ เงินฝาก จำนวน 22 บัญชี เป็นเงิน 122,921,190.40 บาท, เงินลงทุน จำนวน 3 รายการ เป็นเงิน 6,815,695.39 บาท, ที่ดินในจังหวัดจันทบุรี จำนวน 1 แปลง มูลค่า 760,000 บาท, ยานพาหนะ จำนวน 1 คัน มูลค่า 3,809,000 บาท และกรมธรรม์ประกันชีวิต จำนวน 10 กรมธรรม์ รวมมูลค่า 61,733,855.80 บาท
3. ทรัพย์สินที่อยู่ในชื่อของนางธาริณี ดิตถ์วัชรไพศาล (อดีตคู่สมรส) จำนวน 131,437,217.45 บาท ได้แก่ เงินฝาก จำนวน 56 บัญชี เป็นเงิน 105,151,313.88 บาท, เงินลงทุน จำนวน 25 รายการ เป็นเงิน 25,235,903.57 บาท และยานพาหนะ จำนวน 1 คัน มูลค่า 1,050,000 บาท
4. ทรัพย์สินที่อยู่ในชื่อของนายธนรัตน์ ดิตถ์วัชรไพศาล (บุตร) จำนวน 26,726,284.56 บาท ได้แก่ เงินฝาก จำนวน 10 บัญชี เป็นเงิน 20,843,037.56 บาท, ที่ดินและสิ่งปลูกสร้างในจังหวัดสมุทรปราการ 1 รายการ มูลค่า 1,800,000 บาท, ยานพาหนะ จำนวน 1 คัน มูลค่า 1,014,000 บาท และกรมธรรม์ประกันชีวิต 4 กรมธรรม์ รวมมูลค่า 3,069,247 บาท
5. ทรัพย์สินที่อยู่ในชื่อของนางสาวพิมพ์ภัสสร ดิตถ์วัชรไพศาล (บุตร) จำนวน 68,307,397.14 บาท ได้แก่ เงินฝาก จำนวน 31 บัญชี เป็นเงิน 50,597,774.14 บาท, เงินลงทุน จำนวน 19 รายการ เป็นเงิน 9,750,000 บาท, ที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง รวม 3 รายการ (ในกรุงเทพมหานคร 2 รายการ และจังหวัดสมุทรปราการ 1 รายการ) รวมมูลค่า 5,856,489 บาท และกรมธรรม์ประกันชีวิต 3 กรมธรรม์ รวมมูลค่า 2,103,134 บาท
6. ทรัพย์สินที่อยู่ในชื่อของนางสาววรัทยา พรหมมาศ (หลานของนายนพรัตน์ เบญจวัฒนานันท์) จำนวน 500,000 บาท ได้แก่ ห้องชุด จำนวน 1 ห้อง ในจังหวัดชลบุรี มูลค่า 500,000 บาท
7. ทรัพย์สินที่อยู่ในชื่อของนายปิยชาติ ศรีจันทร์ (บุคคลสนิทของนายนพรัตน์ เบญจวัฒนานันท์) จำนวน 4,500,000 บาท ได้แก่ ที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง 1 รายการ ในกรุงเทพมหานคร มูลค่า 4,500,000 บาท
8. ทรัพย์สินที่อยู่ในชื่อของนางสาวณัฎฐาภรณ์ ทุน (บุตรของนางพัทธานันท์ เบญจวัฒนานันท์) จำนวน 49,000,000 บาท ได้แก่ ที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง 1 รายการ ในกรุงเทพมหานคร มูลค่า 49,000,000 บาท
รวมมูลค่าทรัพย์สินที่ร่ำรวยผิดปกติทั้งสิ้นจำนวน 575,170,566.33 บาท
“แหล่งข่าว” คนหนึ่งระบุว่า ต้องจับตาดูว่าหากทางการสหรัฐอเมริกาส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดนกลับมายังประเทศไทยจริง จะส่งผลต่อรูปคดีเงินทอนวัดหรือไม่ โดยเฉพาะตอนนี้หลายคดียังค้างคาอยู่ ซึ่งมีผู้ถูกกล่าวหาทั้งพระภิกษุสงฆ์และเจ้าหน้าที่รัฐ..
ทีมา ..ผู้จัดการออนไลน์
Leave a Reply