โดย..บุญเลิศ ช้างใหญ่
การเลือกตั้งส.ส.ครั้งใหม่ในเดือนมีนาคมนี้ มีกติกาใหม่ที่ทำให้การวิเคราะห์และการ
พยากรณ์ผลการเลือกตั้งยากขึ้น
ไม่เหมือนเดิมที่รัฐธรรมนูญกำหนดให้การเลือกตั้งมี 2 แบบ คือแบบเขตเลือกตั้งกับระบบบัญชีรายชื่อหรือที่เรียกกันว่า ปาร์ตี้ลิสต์
บัตรเลือกตั้งมี 2 ใบ กาได้ 2 เบอร์ คือ เบอร์เลือกส.ส.เขตกับเบอร์เลือกส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์
เบอร์ผู้สมัครส.ส.เขตกับปาร์ตี้ลิสต์ แต่ละพรรคใช้เบอร์เดียวกันทั้งประเทศ
แต่ครั้งใหม่นี้ ให้ใช้บัตรเดียว กาเบอร์เดียว คือเบอร์ผู้สมัครส.ส.เขต คะแนนจะถูกนำไปคำนวณเพื่อแบ่งสัดส่วนให้กับผู้สมัครบัญชีรายชื่อ เรียกว่า “จัดสรรปันส่วนผสม”
ผู้สมัครในแต่ละเขตทั้ง 350 เขต จะได้เบอร์แตกต่างกันไป แม้จะสังกัดพรรคเดียวกัน อยู่ในจังหวัดเดียวกันก็ตาม
กฏหมายประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งส.ส. 2561 บัญญัติไว้ให้ผู้สมัครที่มาถึงสถานที่เปิดรับสมัครก่อน 08.00 น. แล้วตกลงเรื่องเบอร์กันไม่ได้ ให้กกต.จัดให้มีการจับสลาก
ประชาชนจึงต้องจำให้ได้ว่า ในเขตตัวเอง ใครเป็นผู้สมัครที่อยากจะเลือก อยู่พรรค ไหนและที่สำคัญ เบอร์อะไร
1 เบอร์ที่กาไปนั้นไม่สูญเปล่า ทั้งผู้ได้เป็นส.ส.เขตซึ่งได้คะแนนสูงสุดในเขต รวมทั้งผู้สมัครที่สอบตก ได้คะแนนอันดับ 2 อันดับ 3 ลดหลั่นกันลงมา ในเขตนั้น ๆ คะแนนจะถูกนำมาคำ นวณเพื่อหาจำนวนส.ส.บัญชีรายชื่อให้กับพรรค
บัตรใบเดียว เลือกได้ 1 เบอร์ จึงมีคุณค่าอย่างยิ่ง
นักการเมืองและพรรคการเมืองที่ส่งผู้สมัครในเขตเลือกตั้งนั้นรู้ดีว่า 1 คะแนน มีความหมายต่อการได้เป็นส.ส. แม้จะสอบตกในแบบเขตเลือกตั้ง แต่คะแนนรวมกันทั้งประเทศ ก็สามารถบันดาลให้บัญชีรายชื่อต้นๆได้เข้าป้ายเป็นส.ส.
ในส่วนของประชาชนผู้มีสิทธิประมาณ 51 ล้านคนก็ต้องตระหนักว่า 1 เสียงนั้น มีส่วนชี้ชะตาประเทศและชีวิตความเป็นอยู่ของตนเอง
การหา(ซื้อ)เสียงด้วยวิธีการที่แยบยล บริหารจัดการอย่างเป็นระบบ วางแผนที่ดี ดำเนินการอย่างมีประสิทธิภาพเพื่อให้ได้ 1 เสียงของผู้ใช้สิทธิฯจำนวนมากเท่าที่จะเป็นไปได้ รวมแล้วก็จะทำให้พรรคมีที่นั่งในสภา และมีโอกาสร่วมกับพรรคอื่นเป็นรัฐบาลผสม
การที่ผู้สมัครแต่ละเขต ทั้ง 350 เขตได้เบอร์กระจัดกระจาย แตกต่างกันไป การออก แบบด้วยกฏหมายประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งส.ส. ทำให้การเลือกระบบพรรคถูกลดความหมายลง
กระนั้นก็เชื่อว่า พรรคขนาดใหญ่ พรรคขนาดกลางที่ก่อตั้งมาหลายปี รวมทั้งพรรคจัดตั้งใหม่ที่จะรณรงค์ให้ประชาชนเลือกผู้สมัครสังกัดพรรคของตน โดยขอให้จำเบอร์ผู้สมัครในเขตเลือกตั้งให้ได้ขึ้นใจ
แต่เนื่องจากการเลือกตั้งครั้งนี้มีความสำคัญ ประชาชนคงจะสดับตรับฟังข่าวสารการรณรงค์เลือกตั้งที่ผู้สมัครและพรรคการเมืองป่าวประกาศ สิ่งที่เป็นภาระยุ่งยากและอาจเกิดความสับ สนต่อประชาชนก็อาจคลี่คลายได้ เพราะประชาชนจะขวนขวาย จดจำเบอร์ผู้สมัครในเขตของตัวเองให้ได้แม่นยำ
คณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.)ในฐานะผู้จัดการเลือกตั้งก็ต้องรณรงค์อย่างเต็มที่ สร้างบรรยากาศการเลือกตั้งให้คึกคักและสนับ ส่งเสริมให้พรรคการเมืองได้หาเสียงในทุกช่องทาง เช่น การเปิดปราศรัย การจัดดีเบตผู้นำพรรค การใช้สื่อโซเชียล มีเดีย ฯลฯ
บัตรใบเดียว และเบอร์ผู้สมัครกระจายจะวัดคุณภาพของประชาชนโดยดูจากเสียงสะท้อนจากหลายๆฝ่ายและผลคะแนนที่ประกาศหลังวันลงคะแนน
Leave a Reply