ถอดบทเรียน “วิสาขบูชาโลก” ประเทศเวียดนามหวังเห็นอะไร!!

ก่อนเดินทางล่วงหน้าไปประชุมเตรียมพิธีเฉลิมฉลองวันวิสาขบูชาโลกที่เมืองโฮจิมินห์ ประเทศเวียดนาม ตามบัญชาของหลวงพ่อพระพรหมบัณฑิต ได้แจ้งเณรชายในฐานะช่างกล่องมือโปรที่ได้ยินแบบงุนงงว่า ให้นำโดรน ติดตัวไปด้วย

เช้าตรู่ในวันสองของการจัดงานได้เดินทางออกจากที่พัก เมื่อถึงมหาวิทยาลัยได้ขออนุญาตบินโดรน แต่เจ้าหน้าที่แจ้งว่า ด้วยมาตรการความปลอดภัยอนุญาตให้บินโดรนได้แค่ 30 นาทีเท่านั้น เราจึงได้มีโอกาสมองเห็นมหาวิทยาลัยแบบเต็มตาที่เณรชายได้ช่วยตัดต่อ พร้อมทั้งส่งมอบทั้งคลิป และข้อความชื่นชมเป็นของขวัญคืนกลับไปให้มหาวิทยาลัยสงฆ์เวียดนามด้วย

1.ภาพฝันวันวิสาขบูชาโลกที่เมืองไทย กลายเป็นจริงได้ในที่สุด

ท่านติช นัท ตือ และท่านติช นัท เถียน พระรุ่นใหม่ แถว 2 ซึ่งเป็นคีย์แมนในการจัดงานครั้งนี้ บอกต่อหน้าหลวงพ่อพระพรหมบัณฑิตด้วยแววตาที่เป็นประกายว่า มหาวิทยาลัยพระพุทธศาสนา เวียดนามมาถึงวันนี้ได้ก็เพระมหาจุฬาฯ ทุกครั้งที่เดินไปร่วมพิธีเฉลิมฉลองวิสาขบูชาโลกที่มหาจุฬาฯ คือทุกครั้งที่ได้หอบความฝันมาเป็นการบ้านสำหรับการพัฒนามหาวิทยาลัยพระพุทธศาสนาเวียดนาม โดยการดึงพลังของรัฐบาล คณะสงฆ์ และชาวพุทธเวียดนามมาร่วมกันขับเคลื่อน จนภาพฝันที่เคยมีกลายเป็นจริงในที่สุด

2.พิธีเฉลิมฉลองวันวิสาขบูชาโลก คือวันเปิดตัวมหาวิทยาลัยอย่างเป็นทางการ
การจัดพิธีเฉลิมฉลองวันวิสาขบูชาโลก คือ วิถีไซด์โค้งเตะลูกบอลลอยโด่งเข้าประตูชัย โดยที่คณะสงฆ์ รัฐบาล และชาวพุทธเวียดนาม ได้พากันเนรมิตพิธีเฉลิมฉลองยิ่งใหญ่อลังการ ชวนให้ชาวพุทธทั่วโลกเพลิดเพลินและเต็มอิ่มกับกิจกรรมต่างๆ ที่ผ่านการจัดทำหีบห่อ หรือ Packeging อย่างเล่อค่าพรีเมี่ยมสวยสดงดงาม แต่ความจริงทั้งหมดของการจัดงานคือการเปิดมหาวิทยาลัยพระพุทธศาสนาเวียดนามอย่างเป็นทางการ หรือ Grand Official Opening Cerrmony ผู้ที่ยืนยิ้มอยู่หลังฉากคืออธิการบดี ผู้บริหาร คณาจารย์ และนิสิต ซึ่งนับจากนี้ อะไรที่ว่ายากก็จะง่ายดายมากยิ่งขึ้น เพราะฤดูกาลเก็บเกี่ยวได้เดินทางมาถึงเป็นเรียบร้อยแล้ว

3:ปฏิญญาโฮจิมินห์ เปิดตัวศูนย์กลางการศึกษาพระพุทธศาสนาและศูนย์กลางการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม

การจัดพิธีเฉลิมฉลองวันวิสาขบูชาโลก 3 ครั้งแรกที่เมืองฮานอย เราไม่เคยได้ยินคำว่าศูนย์กลางในปฏิญญาฮานอย หรือมินดิ่ง แต่การจัดครั้งที่ 4 ในปี 2568 กลายเป็นครั้งแรกที่คณะสงฆ์และรัฐบาลเวียดนามหาญกล้าลุกขึ้นมาเขียนข้อความในเชิงวิสัยทัศน์บอกคนทั้งโลกว่า เราจะเป็นศูนย์กลางการศึกษาพระพุทธศาสนา และศูนย์กลางการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมนำเอา Solf Power มาเสนอขายให้แก่คนทั้งโลกได้สัมผัสเรียนรู้ผ่านวิถีพุทธและวัฒนธรรมเวียดนามที่สะท้อนความยั่งยืนในการพัฒนาชุมชน สังคม และประเทศชาติ

หลวงพ่อพระพรหมบัณฑิตเพียรพยายามที่สร้างและรักษาสมาคมสภาสากลวันวิสาขบูชาโลก หรือ International Council for the Day of Vesak: ICDV ไว้กับประเทศไทยตั้งแต่ปี 2548 ก็มุ่งให้สิ่งนี้เป็น Platform หรือ Springbord ให้พระพุทธศาสนาไทย รวมถึงมหาวิทยาลัยสงฆ์ไทยได้ใช้วันวิสาขบูชาโลกที่ได้รับการยอมรับจากสหประชาชาติเป็นวิถีไซด์โค้งให้ประชาคมโลกได้รู้จักและมาจับมือกันทำงานภายใต้พันธกิจของสหประชาชาติ ทั้ง SDGs และ IDGs

คำถามที่สำคัญก็คือ การสร้างให้ผู้คนได้ยอมรับและเห็นคุณค่านับว่ายากยิ่งแล้ว แต่การที่จะรักษาและนำไปพัฒนาต่อยอดให้เกิดประโยชน์สูงสุดแก่พระพุทธศาวนาไทยและมหาวิทยาลัยพุทธไทยบนเวทีโลกนั้นก็ว่ามิใช่เรื่องที่จะทำได้ง่ายดาย เพราะคณะสงฆ์หรือรัฐบาลประเทศต่างๆ ก็มองเห็นโอกาสที่จะใช้ประโยชน์จากเวทีนี้เช่นเดียวกัน โดยเฉพาะสิ่งที่เราได้เห็นจากเวียดนามในปีนี้ และประเทศจีนในปี 2567

ถ้าเรามองแบบ Passive ก็อาจจะทำให้เราบอกกับตัวเองว่า ไม่ต้องคิดอะไรมาก ใครอยากจะอะไรก็ทำไป หรือใครทำก็ดีทั้งนั้นแหละ เราไม่จำเป็นต้องไปแข็งอะไรกับใคร เพราะอยู่แบบนี้ก็ดีอยู่แล้ว แต่ถ้ามองแบบ Proactive เราก็จะเห็นโอกาสและจุดแข็งที่มีอยู่แล้วในมือของเรา ประธานสมาคมสภาสากลวิสาขบูชาโลกก็ดี สำนักงานใหญ่ของสมาคมก็ดี ศูนย์ประชุมสหประชาชาติในพื้นที่เอเซียแปซิปิกก็ดี ล้วนตั้งอยู่ประเทศไทยทั้งสิ้น

คำถามคือเราจะใช้โอกาสหรือจุดแข็งจากสิ่งเหล่านี้ได้อย่างไร การตอบคำถามได้ชัด้จนผ่านการคิดและลงมือทำคือคำตอบของความอยู่ของสถานการณ์พระพุทธศาสนาในสังคมไทยบนเวทีระดับชาติ และระดับโลก

 

 

เขียนโดย พระเมธีวัชรบัณฑิต ผอ.วิทยาลัยพุทธศาสตร์นานาชาติ มจร 

Leave a Reply