“อดีตพระพรหมสิทธิ” เปิดตัวสาธารณะครั้งแรก!! ต้อนรับคณะสงฆ์มหายานจากสิงคโปร์

 วันที่ 6 กันยายน 2565  วานนี้ พระธงชัย สุขญาโณ  อดีตพระพรหมสิทธิ  อดีตกรรมการมหาเถรสมาคม วัดสระเกศ ราชวรมหาวิหาร ได้เปิดตัวครั้งแรกหลังจากพ้นจากเสวยวิบากกรรมอยู่นานปีภายในเรือนจำ และประกันตัวออกมาสู้คดี ถวายการต้อนรับพระอาจารย์จีนราชธรรมานุสิฐ (ฝ่าจ้าว)วัดเจดีย์ทอง (Golden Pagoda Temple) ประเทศสิงคโปร์ พระอาจารย์จีนวิเทศศาสนานุวัตร (หมิงยี่) เจ้าอาวาสวัดฟูไฮ่ฉาน ประเทศสิงคโปร์ พร้อมด้วยคณะสงฆ์ศิษยานุศิษย์ ทั้งภิกษุและภิกษุณี เดินทางมาปฏิบัติศาสนกิจที่ประเทศไทย และได้บำเพ็ญกุศลอุทิศถวายเจ้าประคุณสมเด็จพระพุฒาจารย์ (เกี่ยว อุปเสณมหาเถระ)อดีตประธานคณะผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราช อดีตเจ้าอาวาสวัดสระเกศ ราชวรมหาวิหารโดยมีคณะสงฆ์วัดสระเกศ ราชวรมหาวิหาร พร้อมด้วยอุบาสกอุบาสิกา พุทธศาสนิกชนถวายการต้อนรับ

พระธรรมาจารย์ฝ่าจ้าว มีความผูกพันเคารพนับถือ ในท่านเจ้าประคุณสมเด็จพระพุฒาจารย์ (เกี่ยว อุปเสณมหาเถระ) ดุจเป็นอุปัชฌาย์อาจารย์มีการเดินทางไปมาหาสู่กันอย่างใกล้ชิด เป็นเวลากว่า ๔๐ ปี แม้เจ้าประคุณสมเด็จฯ จะถึงมรณภาพไปแล้ว แต่ก็ยังรักษาปณิธานร่วมกันกับ พระธงชัย สุขญาโณ (อดีตพระพรหมสิทธิ)วัดสระเกศ ราชวรมหาวิหาร ต่างช่วยกันเจริญศาสนาสัมพันธ์เพื่อความแน่นแฟ้นแห่งพระพุทธศาสนา เถรวาท-มหายาน

พระธรรมาจารย์ฝ่าจ้าว ให้ความเคารพนับถือกับพระสงฆ์ไทย พระธรรมทูตไทยในสิงคโปร์ นอกจากนี้แล้วยังบำเพ็ญประโยชน์ ด้านการศึกษาโดยส่งเสริมเยาวชนในภาคเหนือของประเทศไทยให้มีโอกาส ได้รับการศึกษาและทุนการศึกษา ท่านยังได้รับพระราชทานสมณศักดิ์จาก พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ให้เป็นเจ้าคุณจีน ฝ่ายต่างประเทศที่ พระอาจารย์จีนราชธรรมานุสิฐ ท่านเองเป็นผู้บำเพ็ญธรรมมาโดยตลอดตามแนวทางบุรพาจารย์แล้ว และได้บำเพ็ญบารมีธรรมเพิ่มเติมโดยเข้านิโรธกรรม (เข้าวิเวก) เป็นเวลา ๓ ปีซึ่งเป็นธรรมเนียมการบำเพ็ญตามปฏิปทาอย่างสูง ตามแบบพุทธมหายาน

โดยเมื่อราว ๓๐ ปีก่อน ท่านเจ้าประคุณสมเด็จพระพุฒาจารย์ (เกี่ยว อุปเสณมหาเถระ) อดีตประธานคณะผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราช อดีตเจ้าอาวาสวัดสระเกศ ได้เคยเดินทางมาเป็นประธานสงฆ์ ในการเข้านิโรธกรรม(เข้าวิเวก) ปิดประตู ลงกลอน ใส่กุญแจ ประทับครั่ง และปิดป้ายเพื่อเข้าสู่ห้องที่ใช้ในการเข้านิโรธกรรม อยู่เป็นเวลา ๑ ปี มาแล้วในคราวนั้น

แม้ว่าเวลาจะผ่านมานานเพียงใด ไม่ว่าจะเป็นพุทธศาสนาเถรวาท มหายาน ต่างสืบทอด มีความสมัครสมานสามัคคี ปรองดอง ภายใต้ร่มเงาพุทธธรรมแห่งองค์พระศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้า เพื่อจรรโลงพระพุทธศาสนา และเพื่อสร้างสันติสุขแด่ชาวพุทธศาสนิกชนทั่วโลก

ในยุคสมัยที่อดีตพระพรหมสิทธิ   ดำรงตำแหน่งประธานสำนักงานกำกับดูแลพระธรรมทูตไปต่างประเทศ ได้เชื่อมสัมพันธ์กับคณะสงฆ์นานาชาติไว้เป็นจำนวนมาก หลากหลายนิกาย รวมทั้งมีการสร้างวัดและส่งพระธรรมทูตไปอยู่ต่างประเทศเป็นจำนวนมาก ถือว่าเป็นยุคทองของพระธรรมทูตไทยและยุคเฟื่องฟูของพระพุทธศาสนาไทยในสายตานานาชาติ

 

Leave a Reply