ตำรวจ บช.ก. นิมนต์พระ “มจร” กลับได้ หลังสอบสวนเสร็จ ด้านพระเผยเป็นคดีค้างเก่า หลงเชื่อทนายแจ้งว่าเรียบร้อยแล้ว

วันที่ 5 สิงหาคม 2568  หลังจากเช้าวันนี้ตำรวจสอบสวนกลาง พร้อมด้วยตำรวจทางหลวง จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ได้เข้าพบผู้บริหารมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เพื่อแสดงหมายจับพระภิกษุรูปหนึ่ง ซึ่งจำพรรษาอยู่ภายในหอพักมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย  ซึ่งต่อมาผู้บริหาร มจร ได้นำพระภิกษุดังกล่าวมอบให้ตำรวจไปสอบสวน

ล่าสุดพระภิกษุรูปดังกล่าว  หลังจากเจ้าหน้าที่ตำรวรสอบสวนเสร็จเรียบร้อยแล้ว ได้กลับมา เผยว่า ตอนนี้บวชได้ 7 พรรษา คดีดังกล่าวเกิดขึ้นมานานแล้วตั้งแต่เป็นฆราวาส ตอนนั้นทำอยู่ห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง ทางห้างมีนโยบายว่า พนักงานที่ทำงานมีอายุงานครบ 5 ปี สามารถกู้เงินซื้อบ้านได้ โดยทางห้างดังกล่าวได้ตกลงร่วมกับธนาคารของรัฐแห่งหนึ่ง กู้ได้แบบ 100 % ตนเองอาศัยอยู่กับแม่ซึ่งชรามากแล้ว จึงอยากมีบ้าน จึงตัดสินใจกู้และซื้อบ้าน ผ่านนายหน้าอสังหาริมทรัพย์คนหนึ่ง ในราคา 900,000 บาท ยังไม่รวมดอกเบี้ย สภาพบ้านเป็นบ้านมือสอง อยู่ติดริมน้ำ ตอนแรกไม่เป็นไร แต่เวลาหน้าฝนน้ำทะเลหนุนน้ำท่วมบ้านทุกปี

“ส่งเงินกู้อยู่ได้ประมาณ 4 ปี ตัดสินใจไม่ไหวแล้ว เพราะสภาพบ้านทรุดโทรมและน้ำท่วมทุกปี จึงปรึกษากับแม่ว่าขอย้ายออก จะไม่ส่งต่อแล้ว เพราะไม่เป็นบ้านตามที่ตกลงกันไว้  จึงไปปรึกษาทนาย ทนายบอกเดียวจัดการให้ไม่มีปัญหา เพราะสภาพบ้านไม่เป็นไปตามข้อตกลงที่ซื้อไว้ จึงให้ทนายจัดการ เรื่องนี้ก็เงียบหายไป ตอนหลังจึงบวช โดยที่ไม่รู้ว่ามีคดีความ เพราะนึกว่าจบแล้ว  จนเกิดเหตุการณ์ในวันนี้ จึงรู้ว่ามีคดีความ และความจริงเรื่องนี้ตอนไปทำพาสปอร์ตก็เคยให้การสอบสวนไปแล้วครั้งหนึ่ง ข้อมูลกระทรวงการต่างประเทศและตำรวจ คงไม่ลิงค์กัน ซึ่งวันนี้ได้มีการพูดคุยและประสานเรียบร้อยแล้ว ตำรวจท่านก็เข้าใจและปฎิบัติต่อพระภิกษุสงฆ์ด้วยความเคารพอ่อนน้อม ซึ่งก็ขอชื่นชมตำรวจสอบสวนกลางและตำรวจทางหลวง ผ่านสื่อตรงนี้ไว้ด้วย.”

Leave a Reply