วันที่ 7 ตุลาคม 2568 เนื่องในวันออกพรรษาและวัดมหาปวารณา เว๊ปไซต์ข่าว “Thebuddh” ชววอ่านหนังสือ “สุดทางจงกรม” สมาธิเบื้องต้นสำหรับการลงมือปฏิบัติ (สติปัฏฐาน ๔ )เรียบเรียงโดย พระราชกิจจาภรณ์ (เทอด ญาณวชิโร,วงศ์ชะอุ่ม) “ญาณวชิระ” ระหว่าง พ.ศ. ๒๕๖๑- ๒๕๖๒ โดยผู้เขียนคือ “เจ้าคุณเทอด” กล่าวไว้ในคำนำหนังสือว่า ผู้เขียนใช้เวลาเรียบเรียงขณะถูกคุมขังอยู่ในเรือนจำ ระหว่าง พ.ศ. ๒๕๖๑-๒๕๖๒ เป็นผลมาจากความผันผวนของเหตุบ้านการเมืองและการคณะสงฆ์ไทยในห้วงขณะนั้น รวมระยะเวลาที่ถูกคุมขัง ๔๕๐ วัน
พร้อมกับเผยรายละเอียดต่อว่า สุดทางจงกรม เป็นหนังสือเกี่ยวกับการปฏิบัติสมาธิในเบื้องต้น โดยอาศัยหลักสติปัฏฐาน ๔ เป็นแนวทาง เป็นภาคต่อจากเล่ม “สมาธิเบื้องต้นสำหรับชาวบ้าน ภาค ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับสมาธิ” ที่ได้พิมพ์ไปแล้ว เมื่อปี พ.ศ. ๒๕๕๒

เนื้อหาในหนังสือเป็นการหยิบเอาข้อคิดจากการปฏิบัติมารวบรวมไว้ เพื่อเป็นแนวทางสำหรับผู้เริ่มสนใจในทางปฏิบัติเหมือนการทำแผนที่สภาวะอารมณ์ที่เกิดขึ้นขณะปฏิบัติสมาธิ แล้วทำเครื่องหมายตรงจุดที่สำคัญเป็นสัญลักษณ์เอาไว้ ผู้เขียนใช้เวลาเรียบเรียงขณะถูกคุมขังอยู่ในเรือนจำ ระหว่าง พ.ศ. ๒๕๖๑-๒๕๖๒ เป็นผลมาจากความผันผวนของเหตุบ้านการเมืองและการคณะสงฆ์ไทยในห้วงขณะนั้น รวมระยะเวลาที่ถูกคุมขัง ๔๕๐ วัน
ช่วงเวลานั้น เหมือนกำลังลอยคออยู่กลางทะเลลึก ทั้งยังต้องเผชิญกับคลื่นมหาสมุทรของพายุร้ายที่ถาโถมเข้ามาไม่หยุดหย่อน ท่ามกลางค่ำคืนที่มืดมิดไม่เห็นฝั่ง
“ความหวัง คือ แสงสว่างเดียวที่ยังหลงเหลืออยู่ แม้มองไม่เห็นฝั่งก็จะไปให้ถึงฝั่ง”
ในระหว่างนั้น ได้ใช้สมาธิภาวนาเป็นเครื่องดำรงอยู่ เพื่อเตรียมจิตให้พร้อมในการเผชิญหน้ากับความทุกข์เข็ญใด ๆ บรรดามี ซึ่งกำลังรออยู่ข้างหน้า หลังออกจากการนั่งสมาธิในแต่ละวัน ได้บันทึกสภาวะจิตขณะนั้น ๆ เอาไว้ แล้วนำมาเรียบเรียงเป็นหนังสือ ชุด สมาธิเบื้องต้นสำหรับชาวบ้าน จนเสร็จสิ้นบริบูรณ์ อันเป็นการพลิกวิกฤติให้กลับเป็นโอกาสได้สานงานต่อ
เนื่องจากมีข้อจำกัดหลายอย่าง จึงทำให้การจดบันทึกและการเรียบเรียงหนังสือเป็นไปด้วยความยากลำบาก ต้องใช้วิธีจดบันทึกใส่ใบคำถามเกี่ยวกับปัญหาในทางคดีที่ทนายสอบถามเข้ามาบ้าง จดบันทึกใส่กระดาษสำนวนคดีบ้าง จดบันทึกใส่กระดาษใบนำส่งอาหารที่ญาติโยมส่งเข้ามาถวายบ้าง ตามแต่จะนึกอะไรขึ้นมาได้ และหยิบฉวยสิ่งใดทัน
ภาษาจึงดูกระท่อนกระแท่น กระโดดไปกระโดดมา ตามสภาวการณ์ที่เป็นไปในขณะนั้น
เมื่อนำมาเรียบเรียงเพื่อจัดพิมพ์เป็นหนังสือได้ปรับปรุงถ้อยคำและขยายความให้ชัดขึ้น แต่ก็พยายามคงสำนวนดั้งเดิมตามที่จดบันทึกเอาไว้ เพื่อรักษาร่องรอยความจริงแห่งธรรมที่เกิดขึ้นในภาวะขณะนั้น

หลายปีมาแล้ว ขณะเริ่มเข้ามาสนองงานพระอุปัชฌาย์ ผู้เขียนมีหน้าที่เป็นพระพี่เลี้ยงดูแลพระนวกะของสำนักวัดสระเกศ (ตั้งแต่ พ.ศ. ๒๕๔๐ ) ต้องนำอ่านบทแห่งพระบาลีซ้อมคำขานนาคให้คล่องปาก ต้องโกนผมให้นาค ต้องนำประทักษิณเวียนรอบพระอุโบสถ ต้องนำวันทาสีมาและนำเข้าสู่มณฑลแห่งการอุปสมบทท่ามกลางหมู่สงฆ์จนสำเร็จเป็นพระภิกษุนวกะ ต้องนำพินทุ นำอธิษฐานจีวรบาตรบริขารเครื่องใช้สำหรับพระภิกษุ ต้องนำออกบิณฑบาตเช้าแรก ฉันภัตตาหารมื้อแรก และนำลงโบสถ์ทำวัตรสวดมนต์ตามกิจสงฆ์
หลังทำวัตรค่ำช่วงสามทุ่ม เจ้าประคุณสมเด็จพระพุฒาจารย์ (เกี่ยว อุปเสโณ) จะนำพระภิกษุสามเณรในสำนัก ตลอดจนญาติโยมที่มาร่วมทำวัตรสวดมนต์ นั่งสมาธิเจริญภาวนาเป็นประจำทุกคืน สิ่งหนึ่งที่ได้พบเห็นในการทำหน้าที่พระพี่เลี้ยง ซึ่งต้องอยู่ใกล้ชิดกับพระนวกะตั้งแต่วันอุปสมบทจนถึงวันลาสิกขา คือ พระนวกะจะให้ความสนใจกับการนั่งสมาธิเป็นพิเศษ
ในช่วงเวลานั้นสังคมไทยได้เกิดประเด็นปัญหาเกี่ยวกับวิธีปฏิบัติสมาธิซึ่งมีความเห็นไม่ตรงกันหลายประการ โดยพุ่งเป้าไปที่การสอนสมาธิไม่ตรงตามคำสอนของพระพุทธเจ้า
ต่อมา เจ้าประคุณสมเด็จฯ ได้ออกประกาศให้มีการจัดตั้งสำนักปฏิบัติธรรมประจำจังหวัดขึ้นทุกจังหวัดทั่วประเทศ ให้มีการจัดทำหลักสูตรสมาธิโดยยึดตามหลักสติปัฏฐาน ๔ ผู้ที่เป็นเจ้าสำนักปฏิบัติธรรม สามารถถูกเสนอชื่อเข้าสอบความรู้เป็นพระอุปัชฌาย์ได้เป็นกรณีพิเศษ จะได้ดูแล อบรม ตักเตือน สั่งสอนสัทธิวิหาริกในสำนักของตนได้โดยตรง จากเดิมผู้ที่จะเป็นพระอุปัชฌาย์ต้องมีตำแหน่งทางการปกครองตั้งแต่เจ้าคณะตำบลขึ้นไป
อีกทั้ง เจ้าประคุณสมเด็จฯ ยังผลักดันให้พระภิกษุชาวต่างชาติทำหน้าที่พระอุปัชฌาย์สามารถบรรพชาอุปสมบทกุลบุตรชาวต่างชาติได้เช่นเดียวกับพระสงฆ์ไทย เพื่อให้พระพุทธศาสนาหยั่งรากลึกลงในชนชาตินั้น ๆ โดยมีพระสุเมโธภิกษุ ปัจจุบัน ดำรงสมณศักดิ์ ที่ พระพรหมวชิรญาณ (โรเบิร์ต สุเมโธ) ลูกศิษย์หลวงพ่อชา วัดหนองป่าพง เป็นพระอุปัชฌาย์ชาวต่างชาติรูปแรก และเจ้าประคุณสมเด็จฯ เป็นผู้ลงนามในหนังสือรับรองความเป็นพระอุปัชฌาย์ด้วยตัวท่านเอง
การประกาศจัดตั้งสำนักปฏิบัติธรรมประจำจังหวัดขึ้นทุกจังหวัดทั่วประเทศ โดยยึดตามหลักสติปัฏฐาน ๔ ก็เป็นส่วนหนึ่งของการแก้ปัญหาดังกล่าวข้างต้นด้วย
อาศัยเหตุที่ในเวลานั้น ผู้เขียนเกี่ยวข้องใกล้ชิดอยู่กับพระนวกะของสำนักวัดสระเกศ ต้องคอยตอบคำถามคลี่คลายข้อสงสัยทางพระพุทธศาสนาให้กับพระนวกะอยู่เสมอ ซึ่งก็หนีไม่พ้นหัวข้อเกี่ยวกับการนั่งสมาธิดังกล่าวนี้ด้วย จึงตั้งใจเขียนหนังสือเกี่ยวกับสมาธิ เพื่อเป็นความรู้เบื้องต้นสำหรับพระนวกะที่สนใจในทางปฏิบัติ โดยแบ่งหนังสือออกเป็น ๓ ภาค เพื่อให้ง่ายต่อการทำความเข้าใจ ดังนี้
๑. สมาธิเบื้องต้นสำหรับชาวบ้าน ภาค ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับสมาธิ
๒. สมาธิเบื้องต้นสำหรับการลงมือปฏิบัติ ภาค ปฏิบัติ (มหาสติปัฏฐานสูตร)
๓. สมาธิเบื้องต้นสำหรับตรวจสอบผลของสมาธิ ภาค ตรวจสอบผลของการปฏิบัติ (สามัญผลสูตร)
เนื้อหาของหนังสือได้นำเอาความรู้จากครูบาอาจารย์และสภาวะที่เกิดจากการปฏิบัติมาเรียบเรียงออกเป็นตัวหนังสือ ให้ใกล้เคียงกับสภาวะอารมณ์ที่เกิดขึ้นขณะปฏิบัติให้มากที่สุด เท่าที่ภาษาตัวหนังสือจะสามารถถ่ายทอดออกมาได้ โดยได้นำเอามหาสติปัฏฐานสูตรซึ่งเป็นพระสูตรว่าด้วยวิธีปฏิบัติสมาธิ และสามัญญผลสูตรซึ่งเป็นพระสูตรว่าด้วยผลของความเป็นสมณะมาวางไว้เป็นหลักด้วย พระนวกะจะได้มีหลักในการตรวจสอบด้วยตัวเองว่า ส่วนไหนเป็นขั้นตอนการลงมือปฏิบัติ ส่วนไหนเป็นสภาวะที่เกิดขึ้นขณะปฏิบัติ และส่วนไหนเป็นคำอธิบายเพื่อให้เกิดความรู้เกี่ยวกับสภาวะ


Leave a Reply