มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย หรือ “มจร” เป็นมหาวิทยาลัยสงฆ์แห่งคณะสงฆ์ไทยที่ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 5 ได้ทรงสถาปนาขึ้น ณ วัดมหาธาตุยุวราชรังสฤษฎิ์ กรุงเทพมหานคร เพื่อเป็นสถานศึกษาพระไตรปิฎกและวิชาชั้นสูง สำหรับพระภิกษุสามเณรและคฤหัสถ์ เมื่อปีพุทธศักราช 2430 ปัจจุบัน พระบาทสเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 10 ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม พระราชทานพระมหากรุณาธิคุณภัตตาหารเพล ถวายพระภิกษุผู้บริหาร คณาจารย์เจ้าหน้าที่ และพระนิสิตเป็นประจำทุกทุกวัน ตั้งแต่ยุคประเทศไทยเกิดวิกฤติการณ์โควิด ซึ่งหากนำเป็นเงินพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว องค์รัชกาลที่ 10 ทรงบำเพ็ญทานบริจาคมาแล้วประมาณ 20 ล้านบาท

วานนี้ “เจ้าคุณประสาร” พระเทพวัชรสารบัณฑิต “คีย์แมน” สำคัญงานประสาทปริญญา นำทีมปฎิบัติการทำความสะอาด “มจร” ซึ่งเป็นธรรมเนียมปฎิบัติที่ชาว มจร ทำมาแล้วหลายปี เข้าทำนองวัฒนธรรมประเพณีไทยที่ว่า “กวาดบ้านต้อนรับแขกบ้านแขกเมือง”
การกวาดบ้าน เพื่อการต้อนรับ “แขกบ้านแขกเมือง” มันสื่อสัญลักษณ์ว่า เป็นการให้ความสำคัญเพื่อต้อนรับผู้มาเยือนอย่างเป็นทางการและอบอุ่น อย่าง เช่น งานประสาทปริญญาของ “มจร” นอกจากมีผู้สำเร็จการศึกษาที่ พระพรหมวัชรธีราจารย์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย ดร.สุรพล สุยะพรหม รองอธิการบดีฝ่ายกิจการทั่วไป บอกตรงกันว่า หากไม่มี “บัณฑิตจบใหม่” งานประสาทปริญญาก็เกิดขึ้นขึ้นไม่ได้ งานประสาทปริญญาคืองานเพื่อ บัณฑิต จบใหม่ เป็นงานที่ชาว “มจร” ต้องให้ความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง ทุกอย่างที่ผู้บริหารทำ ทุกอย่างที่ลงทุนจัดกิจกรรมก็เพื่อ..บัณฑิตจบใหม่

“เจ้าคุณประสาร” เผยว่า ตอนนี้ทุกฝ่ายพร้อม 100 เปอร์เซ็นต์แล้ว ซึ่งปีนี้สมเด็จพระสังฆราช ทรงมีพระบัญชาให้ สมเด็จพระมหาธีราจารย์ เจ้าคณะใหญ่หนเหนือ และ สมเด็จพระพุฒาจารย์ เจ้าคณะใหญ่หนตะวันออก เป็นผู้แทนพระองค์มาประทานปริญญาบัตร เจ้าภาพโรงทานปีนี้มี 44 คณะ โดยเฉพาะเจ้าภาพตลอดงานมี 3 ราย คือ มูลนิธิร่วมกตัญญู,ดร.แม่ชีทศพร วชิระบำเพ็ญ และคณะมูลนิธิโพธิวัณณา นำโดย ดร.แม่ชีณัฐญาวรรณ เปรมสกุล ทั้ง 3 คณะนี้ถือว่าเป็นหลักที่มาร่วมออกโรงทานทำครัวเป็นประจำทุกปี นอกจากนั้นก็มีคณะลูกศิษย์ของหลวงพ่อยศวัจน์ จิตฺตปาโล อีกหลายท่านมาร่วม
“สำหรับปีนี้ได้รับพระมหากรุณาคุณจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระองค์ทรงพระราชทานผ้าไตรจำนวน 190 ไตร เพื่อถวายแด่ ประธานสงฆ์ พระสงฆ์เจริญชัยมงคลคาถา คณะผู้บริหาร และพระเถรานุเถระที่ได้รับปริญญาดุษฎีกิตติมศักดิ์ด้วย..”
สำหรับ บรรยากาศทั่วไปงานประสาทปริญญา “มจร” ตอนนี้เริ่มคึกคักเป็นอย่างยิ่งแล้ว “คณะทำงาน” ตามวิทยาเขตต่าง ๆ ทยอยเดินทางมาร่วมเป็นคณะทำงานกับ มจร ส่วนกลางกันแล้ว ซุ้มประตูด้านหน้าติดตั้งเด่นสง่าเพื่อสื่อถึงคนสัญจรไปมาว่า มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัยเริ่มเข้าสู่งานประสาทปริญญาประจำปีแล้ว
ป้ายประชาสัมพันธ์ขนาดใหญ่ติดตั้งเรียบร้อย ตามถนนมีการติดธงริ้วดูสวยงาม สถานที่จอดรถทั้ง 8 จุดมีการปรับพื้นที่ ขีดเส้นเป็นที่เรียบร้อย ภายในอาคารเรียนรวมมีการติดป้ายเพื่อเป็น “ห้องพัก” ให้กับวิทยาเขตต่าง ๆ
เต็นท์โรงงาน ร้านจำหน่ายอาหาร สังฆภัณฑ์ รวมทั้งซุ้มของวิทยาเขตและซุ้มนิสิตนานาชาติที่เป็น “สีสัน” ของ “มจร” ส่วนใหญ่ติดตั้งเสร็จเกือบเรียบร้อยหมดแล้ว

“อาคารมวก 48 พรรษา” ถือว่าเป็น “จุดไฮไลท์” ทีมติดตั้งประดับไฟดำเนินการมาแล้ว 3-4 วัน ยามค่ำคืนสว่างไสวทั่วมหาวิทยาลัย ยามเย็นยามค่ำนิสิตนานาชาติ และผู้เดินทางมาร่วมรับปริญญาล่วงหน้าเริ่มเดินชมบรรยากาศถ่ายรูปกัน โดยเฉพาะ “บัวกลางน้ำ” ขนาดใหญ่ที่มี ตัวอักษร “มจร-MCU” โดดเด่นอยู่กลางน้ำ ยามค่ำคืนมีไฟสปอร์ตไลน์ส่องอยู่ด้านหลัง ผนวกกับ “จอ LED” ขนาดใหญ่ริมสระหน้าอาคาร “มวก.48 พรรษา” กลายเป็นจุด “เช็คอิน” บรรยากาศเหมือน “งานวัด” ผสมกับความทันสมัยสอดรับกับโลกยุคใหม่
ขณะด้านหน้าอาคาร “มวก.48 พรรษา” มีการตบแต่งประดับซุ้มประตู ธงสัญลักษณ์ ดอกไม้ และที่สำคัญ ตรงซุ้มประตูด้านในก่อนเข้าห้องประชุมใหญ่จะมี “ลายพระหัตถ์” ขององค์รัชกาลที่ 5 ที่ว่า “พระที่นั่งอมรพิมานมณี วันที่ 22 กันยายน รศ.115 ถึงหม่อมเจ้าประภากรที่นี่จะสร้างขึ้นสำหรับส่วนมหานิกาย จะใช้ชื่อว่า มหาจุฬาลงกรณ์ราชวิทยาไลย แต่ในเวลานี้ จะไม่มีใครเรียกด้วยยาวเกินไปฤาเกรงใจก็ให้เรียกสั้น ๆว่า ราชวิทยาไลย..”
พระพรหมบัณฑิต มักสอนชาว “มจร” อยู่เนือง ๆ ว่า..ดื่มน้ำจากบ่อ..อย่าลืมคนขุดบ่อ

และที่สำคัญเนื่องจากงานประสาทปริญญาปีนี้ยังอยู่ในห้วงเวลาของการแสดงความอาลัย ผู้บริหาร มจร จึงมีจุดแสดงความอาลัยพระบรมฉายาลักษณ์ “สมเด็จพระพันปีหลวง” อย่างสมพระเกียรติด้วย..
สำหรับ “มจร” หรือ มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เป็นมหาวิทยาลัยสงฆ์สังกัดฝ่าย “มหานิกาย” ที่เคยได้รับการจัดอันดับจากองค์กรต่างประเทศให้อยู่ในอันดับที่ 29 จาก 123 มหาวิทยาลัยทั่วประเทศไทย
ปัจจุบันมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย มี “พระพรหมวชิราธิบดี” ดำรงตำแหน่ง นายกสภามหาวิทยาลัย “พระพรหมบัณฑิต” ดำรงตำแหน่ง อุปนายกสภามหาวิทยาลัย และมี “พระพรหมวัชรธีราจารย์” ดำรงตำแหน่งอธิการบดี
จัดการศึกษาแบ่งออกเป็น 5 คณะ ประกอบด้วย บัณฑิตวิทยาลัย คณะพุทธศาสตร์ ครุศาสตร์ มนุษยศาสตร์ และคณะสังคมศาสตร์ มีจำนวนทั้งหมด 293 หลักสูตร โดยจำแนกเป็น ปริญญาตรี 170 หลักสูตร ประกาศนียบัตรบัณฑิต 2 หลักสูตร ปริญญาโท 78 หลักสูตร ปริญญาเอก 43 หลักสูตร
มีอาจารย์ทั้งหมด 1,351 รูป/คน จำแนกเป็นปริญญาโท 493 รูป/คน ปริญญาเอก 805 รูป/คน และมีตำแหน่งทางวิชาการ จำนวน 473 รูป/คน จำแนกเป็นผู้ช่วยศาสตราจารย์ 348 รูป/คน รองศาสตราจารย์ 117 รูป/คน และศาสตราจารย์ 7 รูป/คน ผลิตผลงานวิชาการตีพิมพ์เผยแพร่ 1,276 เรื่อง มีนิสิตทั้งสิ้น 19,704 รูป/คน จำแนกเป็น ปริญญาตรี 14,246 รูป/คน ปริญญาโท 3,427 รูป/คน ปริญญาเอก 2,031 รูป/คน (ข้อมูลปี 2567)
ในปี 2568 มีนิสิตนานาชาติจำนวน 2,333รูป/คน จาก 27 ประเทศ ประเทศที่มาเรียน “มจร” 4 อันดับเรียงจากมากไปหาน้อย คือ เมียนมา จำนวน 1,514 รูป/คน,ลาว 237 รูป/คน,เวียดนาม 167 รูป/คนและจีน มี 154 รูปคน




Leave a Reply