เมื่อวันศุกร์ที่ ๑ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๖๒ ที่วัดพิชัยญาติการามวรวิหาร กรุงเทพมหานคร สมเด็จพระพุทธชินวงศ์ กรรมการมหาเถรสมาคร เจ้าอาวาสวัดพิชัยญาติการามวรวิหาร เป็นประธานเปิดการประชุมสัมมนาประชาพิจารณ์การจัดทำและพัฒนาหลักสูตรการศึกษาบาลีพระไตรปิฎก สาขาวิชาบาลีพุทธศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย(มจร) วิทยาเขตบาฬีศึกษาพุทธโฆส นครปฐม ที่ดำเนินการโดย มจร วิทยาเขตบาฬีศึกษาพุทธโฆส นครปฐม ภายใต้ชื่อ “บาลีปริยัติก้าวหน้า พระพุทธศาสนามั่นคง เสริมส่งวิปัสสนาสู่สากล”
ทั้งนี้พระเทพสุวรรณเมธี รองเจ้าคณะกรุงเทพมหานคร ในฐานะผู้ช่วยอธิการบดีฝ่ายวิชาการ มจร วิทยาเขตบาฬีศึกษาพุทธโฆส นครปฐม กล่าวว่า ในแผนพัฒนาวิทยาเขตฯ ฉบับที่ ๑๒ พ.ศ. ๒๕๖๐ – ๒๕๖๔ วิทยาเขตบาฬีศึกษาพุทธโฆส นครปฐม ได้กำหนดปรัชญาของวิทยาเขตไว้ว่า “บาลีปริยัติก้าวหน้า พระพุทธศาสนามั่นคง เสริมส่งวิปัสสนาสู่สากล” โดยในแผนพัฒนาดังกล่าวนั้น ได้กำหนดกิจกรรมโครงการด้านการจัดทำและพัฒนาหลักสูตรเพื่อให้เป็นไปตามปรัชญาของแผนพัฒนา เช่น หลักสูตรสาขาวิชาบาลีพุทธศาสตร์ หลักสูตรสาขาวิชาบาลีเปรียญธรรม หลักสูตรสาขาวิชานวังคสัตถุศาสตร์ และหลักสูตรสาขาวิชาวิปัสสนาภาวนา ครบทุกระดับชั้นตั้งแต่ระดับประกาศนียบัตรจนถึงปริญญาเอก”
รองศาสตราจารย์ ดร.เวทย์ บรรณกรกุล ซึ่งเคยทำหน้าที่เป็นเลขานุการผู้อำนวยการสถาบันบาฬีศึกษาพุทธโฆสยุคก่อตั้งเริ่มแรก ได้กล่าวถึงความเป็นมาของ มจร วิทยาเขตบาฬีศึกษาพุทธโฆส นครปฐม ว่า “เจ้าประคุณสมเด็จพระพุทธชินวงศ์ ได้ก่อตั้งสถาบันบาฬีศึกษาพุทธโฆส โดยมีปณิธานสำคัญคือการศึกษาบาลีพระไตรปิฎกตามแบบวงศ์ปริยัติ ตั้งแต่ปี พ.ศ. ๒๕๓๐ ต่อมามหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัยได้รับเข้าเป็นหน่วยงานระดับสถาบันสังกัดสำนักงานอธิการบดี เมื่อปี พ.ศ. ๒๕๓๕ และได้รับการยกสถานภาพขึ้นเป็นวิทยาเขตบาฬีศึกษาพุทธโฆส นครปฐม เมื่อปี พ.ศ. ๒๕๓๗ โดยเป็นวิทยาเขตแรกที่ดำเนินการจัดทำและพัฒนาหลักสูตรเฉพาะด้านสาขาวิชาบาลีพุทธศาสตร์ โดยสภามหาวิทยาลัยอนุมัติให้จัดการศึกษาได้ตั้งแต่ปี พ.ศ. ๒๕๓๗ มีผู้สำเร็จการศึกษาแล้วจำนวน ๒๐ รุ่น จำนวน ๑๓๗ รูป นอกจากนั้น วิทยาเขตบาฬีศึกษาพุทธโฆส นครปฐม ยังได้จัดทำพัฒนาหลักสูตรสาขาวิชาบาลีพุทธศาสตร์ในระดับปริญญาเอก เปิดการเรียนการสอนแบบ ๑.๒ เพื่อผลิตบุคลากรที่มีพื้นฐานความรู้ด้านการวิจัย ให้มีความรู้และวุฒิเพียงพอต่อการจัดการศึกษาของวิทยาเขตบาฬีศึกษาพุทธโฆส นครปฐม ด้านภาษาบาลีและพุทธศาสนา”
ด้านพระเทพปริยัติมุนี รองเจ้าคณะภาค ๑ ผู้ช่วยอธิการบดีฝ่ายบริหาร ได้กล่าวว่า “ในการจัดงานประชุมสัมมนาประชาพิจารณ์หลักสูตรสาขาวิชาบาลีพุทธศาสตร์และวิปัสสนาภาวนาครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์สำคัญดังนี้ ๑.เพื่อเป็นการน้อมถวายอาจริยบูชาพระมหาเถระผู้ริเริ่มก่อตั้งสถาบันเพื่อการศึกษาบาลีพระไตรปิฎก ที่เจริญอายุวัฒนมงคลครบ ๗๘ ปี ๒.เพื่อจัดทำปรับปรุงและพัฒนาหลักสูตรสาขาวิชาบาลีพุทธศาสตร์และวิปัสสนาภาวนาให้ครบครอบคลุมทุกระดับการศึกษา สนองปรัชญาและปณิธานของพระมหาเถระผู้ก่อตั้งวิทยาเขตว่า “บาลีปริยัติก้าวหน้า พระพุทธศาสนามั่นคง เสริมส่งวิปัสสนาสู่สากล”
ในการจัดประชุมประชาพิจารณ์หลักสูตรครั้งนี้ได้รับความร่วมมือจากผู้ทรงคุณวุฒิ ผู้เชี่ยวชาญภาษาบาลีและพระพุทธศาสนาได้บรรยายอภิปราย เช่น พระราชปริยัติกวี, ศ.ดร. อธิการบดี มจร ได้บรรยายวิเคราะห์ปรัชญาแผนพัฒนาวิทยาเขต “บาลีปริยัติก้าวหน้า พระพุทธศาสนามั่นคง เสริมส่งวิปัสสนาสู่สากล” โดยระบุว่า ปัจจุบันนี้ภาษาบาลีได้รับความสนใจจากฆราวาสเข้ามาศึกษาเป็นจำนวนมาก รวมถึงในต่างประเทศก็ให้ความสนใจเช่นกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งมหาวิทยาลัยที่มีการเรียนการสอนเกี่ยวกับพระพุทธศาสนาก็จะมีการเรียนการสอนภาษาบาลีด้วย
พระราชปริยัติมุนี,รศ.ดร. คณบดีคณะพุทธศาสตร์ มจร ศ.พิเศษ ดร.รท.บรรจบ บรรณรุจิ อาจารย์พิเศษคณะพุทธศาสตร์ มจร ศ.ดร.วัชระ งามจิตเจริญ อดีตนาคหลวง อาจารย์ภาควิชาปรัชญา คณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และ ศ.ดร.อุทิส ศิริวรรณ อดีตนาคหลวง นักวิชาการอิสระ ได้เสนอมุมมองนักวิชาการบาลีพระพุทธศาสนา เพื่อการจัดทำพัฒนาหลักสูตรใหม่ โดยได้เสนอว่า ควรจะมีการนำเทคโนโลยีเข้ามาบริหารจัดการข้อมูลเกี่ยวกับภาษาบาลีและหลักธรรมพระพุทธศาสนาที่บรรจุไว้ในคัมภีร์แต่ละชั้นเป็นจำนวนมาก
ขณะที่นักวิชาการบางท่านแม้ไม่สามารถเดินทางเข้าร่วมงานนี้ได้ แต่ส่งสาส์นทัศนะความคิดเห็นเพื่อความสมบูรณ์ของการพัฒนาหลักสูตรการศึกษาบาลีอย่างรอบด้าน เช่น ศ.ดร.สมภาร พรมทา นักวิชาการด้านปรัชญา เป็นต้น มีคณาจารย์ นิสิต เจ้าสำนักเรียนและผู้แทนสำนักเรียนเข้าร่วมงาน กว่า ๓๐๐ รูป/คน
นอกจากการจัดประชุมสัมมนาการจัดทำหลักสูตรการศึกษาบาลีดังกล่าวแล้ว พบว่า ช่วงพิธีเปิดปฐมนิเทศ ภาคเช้ามีการจัดให้นิสิตผู้ทรงจำกัจจายนสูตรครบ ๖๗๓ สูตร จำนวน ๓ รูป ได้สวดสาธยายกัจจายนสูตรปากเปล่า และเจ้าประคุณสมเด็จพระพุทธชินวงศ์ ได้มอบทุนการศึกษาแก่นิสิตทั้ง ๓ รูป โดยมีพระศรีสุทธิเวที ถวายทุนอุปถัมภ์ ซึ่งปรากฏการณ์สาธยายปากเปล่าดังกล่าวนี้ สร้างความปิติยินดีให้กับพระราชปริยัติกวี ศ.ดร. อธิการบดี มจร โดยได้ปวารณาขอเป็นเจ้าภาพถวายทุนให้นิสิตผู้ทรงจำสูตรได้รูปต่อไป
Leave a Reply