เหรียญเสมา ๘ รอบ หลวงปู่ทิม วัดละหารไร่ ค่านิยม ๘,๐๐๐,๐๐๐๐ บาท “ที่สุดแห่งพุธคุณยันต์ ๕ ครอบจักรวาล”

เหรียญเสมา ๘ รอบ หลวงปู่ทิม วัดละหารไร่ ค่านิยม ๘,๐๐๐,๐๐๐๐ บาท “ที่สุดแห่งพุธคุณยันต์ ๕ ครอบจักรวาล” ในรังของ “ตั้มแปดริ้ว” เจ้าของฉายา “เจ้ากรมพระหลวงปู่ทิม”

พระครูภาวนาภารัติ หรือที่รู้จักกันในนามว่า หลวงปู่ทิม อิสริโก ท่านเป็นอดีตเจ้าอาวาสวัดละหารไร่เป็นยอดพระคณาจารย์ที่มีพลังจิตแก่กล้ารูปหนึ่งของภาคตะวันออกหลวงปู่ทิม เป็นคนถือสันโดษ ถือสมถะ ไม่ยึดติดทรัพย์สินใดๆ ท่านฉันอาหารเพียงมื้อเดียวและไม่ฉันเนื้อสัตว์ ท่านสามารถตัดกิเลสออกไปทั้งปวง

คาถาอาราธนาพระเครื่อง หลวงปู่ทิม อิสริโก “ตั้ง นะโม ๓ จบ” แล้วระลึกถึงหลวงปู่ทิม แล้วว่า “อิติสุคะโต อะระหังพุทโธ นะโมพุทธายะ สุนะโมโล (หัวใจขุนแผน) มะอะอุ ทุกข์ขัง อนิจจัง อนัตตา พุทโธ พุทโธ”ว่า ๓ จบ หมายเหตุ ถ้าไม่ใช่ พระขุนแผน ผงพรายกุมาร ก็ให้ตัดตรง สุนะโมโล ออก แล้วตั้งจิตอธิษฐาน หลวงปู่ทิมท่านว่าเป็นคาถาที่ดีและก็สั้น

พุทธคุณของคาถาบทนี้ก็สูงมาก แต่ก็ขึ้นอยู่ที่คนปฏิบัติ ขอให้ระลึกนึกถึงคุณพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ครูบาอาจารย์ และหลวงปู่ทิม เป็นที่ตั้ง มั่นสร้างกุศลผลบุญ คงส่งเสริมให้เจริญรุ่งเรือง ประสบความสำเร็จในทุกๆ ด้าน

หลวงปู่ทิมได้สร้างและปลุกเสกวัตถุมงคลไว้หลายรุ่น หลายพิมพ์ แต่พระเครื่องของหลวงปู่ทิมที่ได้รับความนิยมมากที่สุด ได้แก่ พระขุนแผนผงพรายกุมาร พระชุดชินบัญชร เหรียญเจริญพร รวมไปถึงวัตถุมงคลรุ่น ๘ รอบ เป็นต้นเหรียญเสมา ๘ รอบหลวงปู่ทิม ด้านหลังของเหรียญที่เรียกว่า ยันต์ ๕ ขึ้นชื่อว่า

“ยันต์ ๕ พุธคุณ ครอบจักรวาล” ประกอบด้วย ๑.คาถาหัวใจ อิติปิโส ยันต์มงคล ๙ บางครั้งก็เรียก ยันต์หัวใจอิติปิโส รวมทั้ง นวหรคุณ คือ คุณเก้าประการ ของพระพุทธเจ้า จากบทพุทธคุณนั้นเอง หรือที่เรียกกันตามตำราว่า อิติปิโส เก้าห้อง นับตั้งแต่ห้องที่ว่า “อะ สัง วิ สุ โล ปุ สะ ภุ พะ” โดยแต่ละตัวมีความหมายดังนี้

อะ ย่อมาจาก อะระหัง หมายถึง เป็นผู้ดับเพลิงทุกข์ เพลิงกิเลสโดยสิ้นเชิง บทนี้ใช้ด้านกันไฟทั้งปวง

สัง ย่อมาจาก สัมมาสัมพุทโธ หมายถึง เป็นผู้ตรัสรู้ชอบได้ด้วยตัวพระองค์เอง บทนี้ใช้เป็นตบะเดชะเสริมสร้างสง่าราศี

วิ ย่อมาจาก วิชาจะระณะสัมปันโน หมายถึง เป็นผู้พร้อมด้วยวิชาและจรณะ บทนี้ใช้ด้านโภคทรัพย์โชคลาภ

สุ ย่อมาจาก สุคะโต หมายถึงเป็นผู้ดำเนินไปได้ด้วยดี บทนี้ใช้ในด้านการเดินทาง ทั้งทางบก น้ำ อากาศ

โล ย่อมาจาก โลกะวิทู หมายถึง เป็นผู้รู้โลกอย่างแจ่มแจ้ง บทนี้ใช้ภาวะนาเมื่อเข้าป่าหรือที่มืด

ปุ ย่อมาจาก อนุตตโร ปุริสะทัมมะสารถี หมายถึง เป็นผู้ฝึกบุรุษผู้ควรฝึกได้ อย่างไม่มีใครยิ่งกว่า บทนี้ใช้ทางมหาอำนาจ ตวาดผี

สะ ย่อมาจาก สัตถาเทวะมนุษานัง หมายถึง เป็นครูของเทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย บทนี้ใช้ทางเมตามหานิยม สมณะ ขุนนางเอ็นดู

พุ ย่อมาจาก พุทโธ หมายถึง ผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน บทนี้ใช้ภาวนาอารมณ์ ทำให้ไม่ตกต่ำอับจน

ภะ ย่อมาจาก ภะคะวา ติ หมายถึง เป็นผู้จำเริญ จำแนกธรรม สั่งสอนสัตว์ดังนี้ บทนี้ใช้ในทางป้องกันภยันอันตรายอันจะกระทำแก่เรา ไม่ว่าจะเป็นมนุษย์ อมนุษย์ อสุรกาย สัตว์เดรัจฉาน ป้องกันการประทุษร้ายเหล่านั้นได้ทั้งสิ้นแล

อุปเท่ห์การใช้ยันต์บทนี้ในการนิมนต์พระหรือวัตถุมงคลขึ้นคอ ให้เริ่มต้นด้วยการถภาวนา นะโม ๓ จบ แล้วตามด้วย “อะ สัง วิ สุ โล ปุ สะ ภุ พะ”

อย่างไรก็ตามแม้ว่า นวหรคุณ คือ คุณเก้าประการ ของพระพุทธเจ้า แต่พุทธคุณทั้งหมดนั้น โดยย่อมี ๒ คือ ๑.พระปัญญาคุณ พระคุณคือพระปัญญา และ ๒.พระกรุณาคุณ พระคุณคือพระมหากรุณา

นอกจากนี้แล้วตามที่นิยมกล่าวกันในประเทศไทย ย่อเป็น ๓ คือ ๑.พระปัญญาคุณ พระคุณคือพระปัญญา ๒.พระวิสุทธิคุณ พระคุณคือความบริสุทธิ์ และ ๓.พระกรุณาคุณ พระคุณคือพระมหากรุณา

๒. คาถา พระเจ้า ๕ พระองค์ ที่ว่า นะ โม พุท ธา ยะ ส่วนที่มาของพระคาถาพระเจ้า ๕ พระองค์ และระหว่างเขียนตัวย่อนามพระพุทธเจ้าแต่ละพระองค์บริกรรมดังนี้

นะ เป็นพระนามย่อของพระพุทธเจ้ากุกกุสันโธ องค์แรกในภัทรกัปนี้ เขียนแทน ธาตุน้ำ ซึ่งเรียกว่า อาโปธาตุ มีกำลังเท่ากับ ๑๒ ในการเขียนยันต์ตัวนี้จะเรียกสูตร หรือบริกรรมว่า “นะ กาโรโหติสัมพโว พระกุกกุสันโธ จงมาบังเกิดเป็นตัว นะ”

โม เป็นพระนามย่อของพระพุทธเจ้าโคนาคม องค์ต่อมาใช้เขียนแทนธาตุดิน ซึ่งเรียกว่า ปฐวีธาตุ มีกำลังเท่ากับ ๒๑ ในการเขียนยันต์ตัวนี้จะเรียกสูตร หรือบริกรรมว่า “โม กาโรโหติสัมพโว พระโคนาคม จงมาบังเกิดเป็นตัว โม”

พุท เป็นพระนามย่อของพระพุทธเจ้ากัสสปะ องค์ถัดมา ใช้เขียนแทนธาตุไฟ ซึ่งเรียกว่า เดโชธาตุ มีกำลังเท่ากับ ๖ ในการเขียนยันต์ตัวนี้จะเรียกสูตร หรือบริกรรมว่า
“พุท กาโรโหติสัมพโร กัสสปะเถระ จงมาบังเกิดเป็นตัวพุท”

ธา เป็นพระนามย่อของพระพุทธเจ้าพระสมณโคดม (พระพุทธเจ้าองค์ปัจจุบัน) ใช้เขียนแทน ธาตุลม ซึ่งเรียกว่า วาโยธาตุ มีกำลังเท่ากับ ๗ ในการเขียนยันต์ตัวนี้จะเรียกสูตร หรือบริกรรมว่า “ธากาโรโหติสัมพโว พระสมณโคดม (บางครั้งใช้พระศรีศากยะมุณี ในอดีตจะใช้ว่า พระศิริศากยมุณี) จงมาบังเกิดเป็นตัว ธา”

ยะ เป็นพระนามย่อของพระพุทธเจ้าพระศรีอริยเมตไตรย (พระพุทธเจ้าองค์ถัดไป หลัง พ.ศ.๕๐๐๐) ใช้เขียนแทน อากาศธาตุ มีกำลังเท่ากับ ๑ ในการเขียนยันต์ตัวนี้จะเรียกสูตร หรือ บริกรรมว่า “ยะ กาโรโหติสัมพโว พระศรีอริยเมตไตรย (บางครั้งใช้ พระศรีอริยะเมตเตยโย) จงมาบังเกิดเป็นตัว ยะ”

เมื่อรวมกำลังธาตุทั้ง ๕ ก็จะเป็นคุณพระพุทธเจ้า ๕๖ การลงอักขระเลขยันต์นี้ เท่าที่มีการบันทึกจำกันได้

ในสมัยพระร่วงเจ้า ที่ขอมดำดินมาเพื่อจะทำร้ายพระร่วง ขณะนั้นพระร่วงกำลังกวาดลานวัดอยู่ ขอมดำดินก็โผล่ขึ้นมาถามหาพระร่วง พระร่วงเจ้าก็เลยใช้วาจาสิทธิ์สาปพวกขอมจนกลายเป็นหิน เป็นเวลาร่วมพันปี เพิ่งจะมีการทำพิธีปลดปล่อยวิญญาณของขอมให้ไปเกิดใหม่

พระคาถาพระเจ้า ๕ พระองค์ เป็นพระคาถาที่สำคัญอย่างมาก คาถาพระเจ้า ๕ พระองค์ ซึ่งเป็นที่นิยม สวดกันมากที่สุด คือ พระคาถาพระเจ้า ๕ พระองค์ ของหลวงพ่อโสธร จ.ฉะเชิงเทรา โดยให้เริ่มต้นด้วย

การตั้งนะโม ๓ จบ โดยให้ว่าคาถาดังนี้

“นะ ทรงฟ้า
โม ทรงดิน
พุทธ ทรงสินธุ์
ธา ทรงสมุทร
ยะ ทรงอากาศ
พุทธังแคล้วคลาด
ธัมมังแคล้วคลาด
สังฆังแคล้วคลาด ศัตรูภัยพาล วินาศสันติ”

นะ กาโร กุกกุสันโธ สิโรมัชเฌ

โม กาโร โกนาคะมะโน นานาจิตเต

พุทธ กาโร กัสสะโป พุทโธ จะ ทะเวเนเต
ธา

กาโร ศรีศากะยะมุนี โคตะโม ยะกันเน
ยะ กาโร อะริยะ เมตตรัยโย ชิวหาทีเต ปัญจะพุทธา นะมามิหัง

ทั้งนี้มีคติความเชื่อสืบต่อกันว่า “ผู้ใดที่ท่องหรือบริกรรมพระคาถาบทนี้ ก่อนนอน ก่อนออกเดินทางจากบ้าน หรือเข้าในที่คับขัน เผชิญหน้ากับศัตรู ด้วยจิตอันสงบและมั่นคงแล้ว จะมีพุทธคุณคุ้มครองครอบจักรวาล หรืออาจกล่าวอีกนัยหนึ่ง คือ มีพุทธคุณครบทุกด้าน เช่น เมตตามหานิยม แคล้วคลาด ป้องกันภัย มหาเสน่ห์ มหาอุด รวมทั้งไล่ภูตผี และใช้กันเสนียดจัญไรได้อีก ป้องกันภัยอันตรายได้สารพัด วิเศษนักแล ”

และ ๔. คาถาหัวใจธาตุ ๔ ที่ว่า “นะ มะ พะ ทะ” มาจาก “น้ำ ดิน ไฟ ลม” ซึ่งเป็นหัวใจของธาตุสิ่งมีชีวิต หากขาดตัวใดตัวหนึ่งชีวิตจะอยู่ไม่ได้

ปกติแล้วเรามักจะคุ้นกับคำว่า “ดิน น้ำ ลม ไฟ” คาถาบทนี้จะลงทุกครั้งที่มีการเขียนรูปสิ่งมีชีวิต ทั้งนี้ระหว่างการวาดภาพสัตว์ คน เทวดา เทพ รวงทั้งสงฆ์ การเขียนยันต์คาถาหัวใจธาตุ ๔ จะเรียกสูตร หรือบริกรรมว่า นะ กาโรโหติสัมพโว จงมาบังเกิดเป็นตัว นะ

มะ กาโรโหติสัมพโว จงมาบังเกิดเป็นตัว มะ

พะ กาโรโหติสัมพโว จงมาบังเกิดเป็นตัว พะ

ทะ กาโรโหติสัมพโว จงมาบังเกิดเป็นตัว ทะ

อย่างไรก็ตาม ระหว่างการวาดภาพ สัตว์ คน เทวดา เทพ รวมทั้งสงฆ์ เพื่อให้รูปสมมุตินั้น เกิดมีชีวิตชีวาเพื่อความขลังตามอุปเท่ห์นั้นๆ ต้องบริกรรมคาถาอาการ ๓๒ ที่ว่า
“อัฏฐิ อิมัสสะมิง กาเย เกษา โลมา นะขา ทันตา ตะโจ มังสัง นะหารู อัฏฐิ อัฏฐิมิญชัง วักกัง หะทะยัง ยะกะนัง กิโลมะกัง ปิหะกัง บับผาสัง อันตัง อันตะคุณัง อุทะริยัง กะรีสัง ปิดตัง เสมหัง ปุพโพ โลหิตัง เสโท เมโท อัสสุ วะสา เขโฬ สิงฆานิกา ละสิกา มุตตัง มัตถะเก มัตถะลุงคัน คันติ”

นอกจากนี้ยังมี มี ตัว นะ อยู่ตรงกลาง

สำหรับภาพพระองค์ครู องค์นี้เป็น “เหรียญเสมา ๘ รอบ หลวงปู่ทิมเนื้อทองคำลงยาสีเดียว(แดง) พ. ศ. ๒๕๑๘ ถ้าเศรษฐกิจดีเหรียญนี้เปิดอยู่ ๘ ล้าน ในสภาวะเศรษฐกิจแบบนี้ เปิดอยู่ที่ ๕ ล้านบาท

ของตั้มแปดริ้ว นายกิตติ พจนานุภาพ นายกสมาคมจิตรางค์คนางค์อนุรักษ์พระเครื่องไทย ผู้สะสมพระเครื่องหลวงปู่ทิม วัดละหารไร่ ที่ขึ้นชื่อว่ามากที่สุด เจ้าของฉายา “เจ้ากรมพระหลวงปู่ทิม วัดละหารไร่” นายกฯ กิตติ บอกว่า พระเครื่องและวัตถุมงคลต่างๆ ของหลวงปู่ทิม แม้มีระยะเวลาการสร้างเพียง ๓๐ ปี เศษๆ แต่มีราคาค่าบูชากันในราคาหลักล้านก็ขึ้นไปแล้ว ไม่แต่เฉพาะพระกริ่งชินบัญชร,พระขุนแผนพรายกุมาร, เหรียญเจริญพรก็มีสนนราคาขึ้นไปสูงสุดๆ แต่พระเครื่องหลวงปู่ทิมมีราคาไล่ๆ ตามกันไปอย่างเหลือเชื่อจนถือได้ว่าพระเครื่องต่างๆ ของหลวงปู่ทิมมีสนนราคาแพงและหายากที่สุด

ในยุคนี้เป็นเรื่องยากที่จะหาพระแท้ๆ ของหลวงทิม สักองค์ ของเก๊มีทุกฝีมือ ที่เรียกว่าเก๊ฝีมือจัด คนที่เล่นพระที่ขึ้นชื่อว่าเซียน โดนมาแล้ว ด้วยเหตุนี้จึงอยากแนะนำว่า
“อย่าเล่นพระด้วยหู แต่จงเล่นพระด้วยตา ไม่รู้ต้องถามผู้รู้เพื่อให้รู้จริง ที่สำคัญ คือ อย่าเล่นพระด้วยความโลภ เพราะความโลภเราจะมองข้ามความจริงขององค์พระ สุดท้ายเราก็เสียเงินเพราะความโลภ”

สำหรับผู้ที่สนใจพระเครื่องสาย หลวงปู่ทิม อิสริโก และ สายอื่นๆ เข้าไปเยื่ยมชมข้อมูลได้ https://www.facebook.com/profile.php?id=100038282315603 หรือชมคลิปสัมภาษณ์ …ได้ที่
https://youtu.be/DVbyxNXx2c0

Leave a Reply