มจร ปลื้มรัฐบาลพม่าถวายสมณศักดิ์ “อัครมหาบัณฑิต” แด่สองผู้บริหาร

          วันนี้มีรายงานว่ารัฐบาลและคณะสงฆ์พม่าได้ประกาศรายชื่อพระภิกษุและบุคคลผู้สมควรถวายสมณศักดิ์ทั้งในประเทศและต่างประเทศ สำหรับประเทศไทย ปีนี้รัฐบาลพม่าได้มอบถวายจำนวน 2 รูป ประกอบด้วย พระเทพปวรเมธี รองอธิการบดีฝ่ายบริหาร มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัยและ พระโสภณวชิราภรณ์ รองอธิบดีฝ่ายต่างประเทศ มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย โดยทั้งสูงรูปได้รับสมณศักดิ์ที่อัครมหาบัณฑิต” ซึ่งเป็นสมณศักดิ์ชั้นสูงของคณะสงฆ์พม่า โดยจะทำการถวาย ในวันอาทิตย์ที่ 8 มีนาคม 2563 นี้ ณ ประเทศเมียนมา

         พระพรหมบัณฑิต กรรมการมหาเถรสมาคม /รก.เจ้าคณะใหญ่หนกลาง พระภิกษุไทยที่เคยรับการถวายสมณศักดิ์ระดับ “อัครมหาบัณฑิต” ได้กล่าวเกี่ยวกับสมณศักดิ์ของคณะสงฆ์พม่าว่า

     “ สำหรับสมณศักดิ์ของพม่ากับของไทยนั้นมีส่วนที่เหมือนกันคือมีจุดเริ่มมาจากประเทศศรีลังกา โดยสมณศักดิ์ พม่าในปัจจุบันอาจแบ่งได้เป็น 2 กลุ่ม กลุ่มแรกแบ่งได้เป็น ชั้นต้น ชั้นกลาง และชั้นสูง ในกลุ่มนี้จัดได้หลัก ๆ ด้วยกัน 3 สาย คือ สายวิชาการ สายเผยแผ่ และสายกรรมฐาน ในแต่ละสายแบ่งออกเป็น 3 ชั้น ดังนี้

        1.  สายวิชาการ เรียกว่า คัณธะวาจะกะ แปลว่า ผู้สอนพระคัมภีร์หรือตำรา สมณศักดิ์นี้มอบทั้งแก่พระสงฆ์และแม่ชีและฆราวาสทั่วไป

            ชั้นต้น เรียกว่า มูละคัณธะวาจะกะ

            ชั้นกลาง เรียกว่า มหาคัณธะวาจะกะ

            ชั้นสูง เรียกว่า อัครมหาคัณธะวาจะกะ

       2.  สายเผยแผ่ เรียกว่า สัทธัมมโชติกะ แปลว่า ผู้ประกาศพระสัจธรรม สมณศักดิ์นี้มอบทั้งแก่พระสงฆ์และแม่ชีและฆราวาสทั่วไป

            ชั้นต้น เรียกว่า มูละสัทธัมมโชติกะ

            ชั้นกลาง เรียกว่า มหาสัทธัมมโชติกะ

            ชั้นสูง เรียกว่า อัคคมหาสัทธัมมโชติกะธะชะ

     3. สายกรรมฐาน เรียกว่า กัมมัฏฐานาจริยะ แปลว่า อาจารย์สอนกรรมฐาน สมณศักดิ์นี้มอบแก่พระสงฆ์เท่านั้น

          ชั้นต้น เรียกว่า มูละกัมมัฏฐานาจริยะ

          ชั้นกลาง เรียกว่า มหากัมมัฏฐานาจริยะ

         ชั้นสูง เรียกว่า อัคคมหากัมมัฏฐานาจริยะ

กลุ่มที่ 2 เป็นสมณศักดิ์ชั้นสูงที่สุดจริงๆ ที่มีมาจากเดิมจนถึงปัจจุบัน จะมีอยู่ด้วยกัน 3 ชั้น

        1.ชั้นต้น    เรียกว่า    ตรีปิฏกธร แปลว่า ผู้ทรงจำพระไตรปิฏก ( ผู้ที่สามารถท่องพระไตรปิฏกได้ทั้ง 3 ปิฏก )

        2.ชั้นกลาง เรียกว่า อัครมหาบัณฑิต พระเถระที่จะได้สมณศักดิ์ชั้นนี้ต้องมีอายุอย่างน้อย 60 ปี

        3.ชั้นสูงสุด เรียกว่า อถิธชมหารัฐคุรุ แปลว่า บรมครูแห่งแผ่นดินผู้ซึ่งชูธงแห่งพระศาสนา ผู้ที่จะได้รับสมณศักดิ์ชั้นนี้จะเป็น พระสังฆราช หรือ สมเด็จพระราชาคณะผู้ใหญ่เท่านั้นที่จะได้ และจะต้องมีอายุอย่างน้อย 80 ปี

       ดังนั้น เมื่อสรุปดูแล้วสมณศักดิ์ของพม่าไม่ค่อยเกี่ยวกับการปกครอง ซึ่งต่างจากสมณศักดิ์ของไทย ที่มีเงื่อนไขว่า ใครจะได้สมณศักดิ์ก็จะต้องเป็น พระสังฆาธิการ ระดับผู้ช่วยเจ้าอาวาสขึ้นไป โดยคณะสงฆ์พม่ายกอำนาจการปกครองคณะสงฆ์ให้กับ องค์กรสูงสุดของคณะสงฆ์ในพม่าที่เรียกว่า สังฆมหานายกสมาคม ซึ่งก็คือ มหาเถรสมาคมของพม่า ในสมาคมนี้มีกรรมการทั้งหมด 47 รูป..”

       สำหรับสมณศักดิ์ชั้นสูงสุดของรัฐบาลพม่า “อภิธชมหารัฐคุรุ” ได้ถวายให้กับสมเด็จพระสังฆราชของไทย 2   องค์ คือ หนึ่ง  สมเด็จพระสังฆราชเจ้า  กรมหลวงวชิรญาณวงศ์ และสอง สมเด็จพระสังฆราชเจ้า กรมหลวงวชิรญาณสังวร สำหรับสมณศักดิ์ในชั้นอื่นๆรัฐบาลพม่าได้ถวายให้อีกหลายรูป เช่น สมเด็จพระพุทธชินวงศ์ อดีต เจ้าคณะใหญ่หนกลาง วัดพิชัยญาติการาม ได้ชั้น “อัคคมหาปัณฑิต” สมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์  เจ้าอาวาสวัดปากน้ำฯ พิจารณาถวายสมณศักดิ์ “อัคคมหาสัทธัมมโชติกะธะชะ” เป็นต้น

*************************

Leave a Reply