รู้ไว้ใช่ว่า..นิตยภัตพิเศษในรัชกาลก่อน : สองวัดสองจังหวัด มีวัดสองวัดในประเทศไทยที่พิเศษสุด ๆ ที่พระมหากษัตริย์ไทย ทรงพระราชทานนิตยภัตให้เป็นกรณีพิเศษ วัดสองวัดประวัติความเป็นมาอย่างไร ทำไมจึงพระราชทานนิตยภัตให้เป็นกรณีพิเศษ น่าสนใจเป็นอย่างไรยิ่ง 1. วัดชนะสงคราม วัดชนะสงครามราชวรมหาวิหาร เป็นวัดโบราณสร้างในสมัยอยุธยา ไม่ปรากฏหลักฐานการสร้าง เดิมเรียกว่าวัดกลางนา ต่อมายกสถานะเป็นพระอารามหลวงชั้นโท ชนิดราชวรมหาวิหาร เมื่อพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราชเสด็จขึ้นครองราชสมบัติเป็นปฐมบรมกษัตริย์แห่งราชวงศ์จักรี มีพระราชประสงค์ที่จะสร้างสิ่งก่อสร้างขึ้นให้คล้ายคลึงกับกรุงศรีอยุธยามากที่สุด วัดที่ตั้งอยู่ใกล้พระบรมมหาราชวังได้ทรงปฏิสังขรณ์ใหม่ ตลอดจนเปลี่ยนชื่อวัดให้เหมาะสม โปรดเกล้าฯ ให้เปลี่ยนชื่อวัดกลางนาเป็นวัดตองปุ และให้เป็นวัดพระสงฆ์ฝ่ายรามัญ เช่นเดียวกับวัดตองปุที่กรุงศรีอยุธยา เพื่อเทิดเกียรติทหารชาวรามัญในกองทัพสมเด็จพระบวรราชเจ้ามหาสุรสิงหนาท ซึ่งเป็นกำลังสำคัญในการต่อสู้กับพม่าในสงครามเก้าทัพ เมื่อ พ.ศ. 2328 สงครามที่ท่าดินแดงและสามสบ เมื่อ พ.ศ. 2329 และสงครามที่นครลำปางป่าซาง เมื่อ พ.ศ. 2330 สมเด็จพระบวรราชเจ้ามหาสุรสิงหนาทได้ทรงบูรณปฏิสังขรณ์วัดตองปุแล้วถวายเป็นพระอารามหลวงโปรดเกล้าฯ พระราชทานนามใหม่ว่า วัดชนะสงคราม เพื่อเป็นอนุสรณ์ที่สมเด็จพระบวรราชเจ้ามหาสุรสิงหนาท ทรงมีชัยชนะต่อพม่าในการรบทั้ง 3 ครั้ง วัดชนะสงครามได้รับการบูรณปฏิสังขรณ์มาโดยตลอด โดยเฉพาะอย่างยิ่งในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ซึ่งได้ทรงเริ่มดำเนินการก่อสร้างที่บรรจุพระอัฐิเจ้านายฝ่ายกรมพระราชวังบวรสถานมงคลที่เฉลียงพระอุโบสถด้านหลังตามพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว สมเด็จพระศรีพัชรินทราบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวงทรงพระราชอุทิศพระราชทรัพย์ให้พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระนเรศรวรฤทธิ์ดำเนินการ แต่การก่อสร้างมาแล้วเสร็จในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวซึ่งพระราชทานพระราชทรัพย์ให้ราชบัณฑิตยสภาก่อสร้าง ขณะนั้น สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาดำรงราชานุภาพเป็นนายกราชบัณฑิตยสภาและสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ากรมพระยานริศรานุวัดติวงศ์ ทรงก่อสร้างจนเสร็จสิ้น ได้มีพิธีอัญเชิญพระอัฐิจากพระราชวังบวรสถานมงคลไปประดิษฐานใน พ.ศ. 2470 พระปริตรามัญ โบราณประเพณีเก่าแก่ของไทยประการหนึ่ง ที่มีความสำคัญ และมีความหมายยิ่ง ต่อองค์พระมหากษัตริย์โดยตรง หากแต่ไม่ค่อยได้มีผู้ใดรู้จักเท่าใดนัก เนื่องจากเป็นพิธีที่ปฏิบัติกัน เฉพาะในหอศาสตราคม พระบรมมหาราชวัง และเป็นพิธีที่จัดทำขึ้นเฉพาะส่วนพระองค์เท่านั้น พิธีนี้มีความหมายอย่างยิ่งต่อพระราชกิจวัตรประจำวัน เนื่องจากเป็นพิธีที่สวดเพื่อทำน้ำพระพุทธมนต์ทูลเกล้าฯ ถวาย ส่วนหนึ่งสำหรับจัดเป็นน้ำสรงพระพักตร์ และน้ำโสรจสรง อีกส่วนหนึ่ง เพื่อประพรมพระที่นั่งองค์สำคัญ ในเขตพระราชฐานชั้นใน นอกจากนี้ พิธีดังกล่าว ยังมีลักษณะพิเศษอีกประการหนึ่งคือ จะนิมนต์เฉพาะพระสงฆ์มอญเข้ามาสวดบทสวดพระปริตรมอญเท่านั้น ความสำคัญของพิธีสวดพระปริตรรามัญ เพื่อทำน้ำพระพุทธมนต์ ในพระบรมมหาราชวังนั้น ปรากฏตามพระบรมราชาธิบาย ในพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวว่า “ในพระราชนิเวศน์เวียงวัง ของพระเจ้าแผ่นดินสยาม ตามแบบแผนบุรพประเพณีสืบมา พระสงฆ์รามัญ ได้สวดพระปริตรตามแบบอย่างข้างรามัญ ถวายน้ำพระพุทธมนต์และน้ำสรงพระองค์ ในพระบาทสมเด็จพระเจ้าแผ่นดิน และเป็นน้ำสำหรับสรงพระพักตร์ ประพรมเป็นทักษิณาวัฏรอบขอบ ในจังหวัดพระราชมหามณเฑียรนี้ทุกวัน เป็นการพระราชพิธีมีสำหรับบรมราชตระกูลสืบมาแต่โบราณ พระสงฆ์อื่น ๆ แม้นมีฐานันดรยศปรากฏด้วยเกียรติคุณ คือ เรียนรู้พระคัมภีร์ที่เป็นพระราชาคณะเปรียญ หรือที่เป็นอาจารย์บอกภาวนาวิธี หรือพระสงฆ์ที่รู้ประกอบวิทยามนต์ดล เป็นที่นับถือของคนเป็นอันมากก็ดี ก็ไม่มีราชบัญญัติ ที่จะได้รับวาระผลัดเปลี่ยนมาสวดพระปริตรถวายน้ำพระพุทธมนต์เลย เหตุอันนี้ได้ทรงพระราชดำริว่า ชะรอยจะมีเหตุวิเศษอย่างหนึ่งแต่โบราณรัชกาล เป็นมหัศจรรย์อยู่อย่างไรแน่แท้ เพราะว่าปกติธรรมดาคนชาวภาษาใด ประเทศใด ก็ย่อมนับถือพระสงฆ์และแพทย์หมอต่าง ๆ ตามประเทศ ตามภาษาของตัว ในการสวดและการบุญต่าง ๆ แลการปริตรรักษาตนรักษาไข้ แต่การซึ่งมีนิยมเฉพาะให้พระสงฆ์รามัญพวกเดียว ประจำสวดปริตรอย่างรามัญ ในพระราชวังนี้ จะมีความยืนยันมา ในพระราชพงศาวดาร หรือจดหมายเหตุการต่อมาเป็นแน่นอนก็ไม่มี ” อนึ่ง เมื่อมีการเสด็จพระราชดำเนินประทับแรมราตรี ณ ตำบลใดเป็นทางไกล คือเสด็จไปการสงคราม หรือแทรกโพนช้างในแผ่นดินก่อน ๆ พระสงฆ์รามัญสวดพระปริตรนี้ ก็ต้องตามเสด็จพระราชดำเนินด้วยทุกครั้ง เมื่อครั้งแผ่นดินพระบาทสมเด็จพระนารายณ์มหาราชเจ้า เสด็จไปประทับอยู่กรุงลพบุรี 8 เดือน ในฤดูแล้งทุกปี ก็ได้อาราธนาพระสงฆ์รามัญวัดตองปุให้ตามเสด็จขึ้นไปตั้งอารามชื่อวัดตองปุ อยู่สวดพระปริตรถวายพระพุทธมนต์ทุกวัน อารามนั้นก็มีปรากฏจนทุกวันนี้ แลน้ำพระพุทธมนต์พระปริตรนี้ ย่อมเป็นที่เห็นว่ามีอำนาจป้องกันอุปัทวันตรายต่าง ๆ ได้จริง ในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ซึ่งได้ดำรงสิริ รัตนราไชยสวริยาธิปัตย์ เถลิงถวัลยราช ณ กรุงเทพมหานคร อมรรัตนโกสินทร์มหินทราอยุธยานี้ ก็ได้ทรงถือน้ำพระพุทธมนต์ประปริตรที่พระสงฆ์รามัญสวดถวายนั้น เป็นน้ำสรงพระพักตร์และน้ำสรงมาทุกพระองค์ สมเด็จกรมพระยาดำรงราชานุภาพได้นิพนธ์อธิบายเพิ่มเติม ถึงราชประเพณีดังกล่าวในหนังสือ “ตำนานพระปริต” โดยแสดงให้เห็นว่า แม้ปกติจะมีการแต่งตั้งตำแหน่งพระครูปริตไทย 4 รูป และพระครูปริตมอญ 4 รูป สำหรับสวดทำน้ำพระพุทธมนต์ในงานพระราชพิธีโดยทั่วไปแล้วนั้น แต่สำหรับพิธีสวดทำน้ำพระพุทธมนต์ที่หอศาสตราคม ในพระบรมมหาราชวังนั้นมีเฉพาะพระครูปริตมอญเท่านั้นเข้ามาสวดทุกวัน ดังความว่า “แต่การสวดพระปริตทำน้ำพระพุทธมนตร์ ถือเป็นการสำคัญในราชประเพณีอย่างหนึ่ง มีตำแหน่งพระครูพระปริตไทย 4 รูป พระครูพระปริตมอญ 4 รูป สำหรับสวดทำน้ำพระพุทธมนตร์ ในบรรดางานพระราชพิธีซึ่งมีสรงมุรธาภิเษก พระราชาคณะไทยรูป 1 มอญรูป 1 กับพระครูพระปริต 8 รูปนั้นสวดทำน้ำพระพุทธมนตร์สำหรับสรงมุรธาภิเษกทุกงาน และโดยปกติพระครูพระปริตมอญต้องเข้ามาสวดทำน้ำพระพุทธมนตร์ที่หอศาสตราคม ทุกวัน น้ำมนตร์พระปริตนั้น ส่วนหนึ่งแบ่งส่งไปสำหรับเป็นน้ำสรงพระพักตร์และโสรจสรง อีกส่วนหนึ่งในบาตร 2 ใบให้สังฆการีถือตามพระครูพระปริต 2 รูป เข้าไปเดินประพรมด้วยกำหญ้าคาที่ในพระราชวังเวลาบ่าย 14 นาฬิกา ทุกวันเป็นนิตย์มาแต่โบราณ ” เมื่อมีการสวดพระปริตรเป็นพิธีหลวง จึงได้ทรงแต่งตั้งพระครูพระปริตรประจำพระราชวัง สำหรับการสวดพระปริตร และสวดพระพุทธมนต์สำหรับทำน้ำมนต์ และสำหรับเสกทรายโดยเฉพาะ โดยมีพระสงฆ์ฝ่ายรามัญ 4 รูป ซึ่งแต่เดิมจำพรรษาอยู่ตามวัดต่าง ๆ ที่สังกัดอยู่ในคณะรามัญนิกาย เช่น วัดบวรมงคล วัดราชคฤห์ วัดชนะสงคราม เป็นต้น ต่อมาภายหลังได้เปลี่ยนแปลง เป็นพระสงฆ์มอญจากวัดชนะสงครามเพียงอารามเดียว ทั้งนี้สาเหตุอาจเนื่องมาจากการจัดเวรหมุนเวียนพระแต่ละแห่งเกิดความไม่ สะดวก หรือเป็นเพราะหลังสงครามโลกครั้งที่สอง มีพระที่สวดพระปริตรรามัญหลบภัยสงครามไปอยู่ตามวัดในต่างจังหวัด จะเหลืออยู่ก็แต่ที่วัดชนะสงคราม จึงได้สวดวัดเดียวนับแต่นั้นมา ปัจจุบัน พระสงฆ์มอญมีจำนวนลดน้อยลงโดยลำดับ เช่นเดียวกับพระสงฆ์ไทย สืบเนื่องจากสาเหตุหลายประการ แม้แต่ในวัดชนะสงคราม ซึ่งเป็นพระอารามหลวงที่พระสงฆ์มอญ มีบทบาทโดยตรงกับราชประเพณีสำคัญดังกล่าว ก็กำลังประสบสภาพการณ์เช่นเดียวกัน… ส่วนอีกวัดคือที่ได้รับพระราชทานนิตยภัตพิเศษ คือ 2. วัดจุฑาทิศธรรมสภารามวรวิหาร ตั้งอยู่ส่วนหัวและเชิงเขาของเกาะสีชัง ( เขาคยาศิระ) บริเวณที่เทียบเรือเทววงค์ ตำบล ท่าเทววงษ์ อำเภอ เกาะสีชัง ชลบุรี เป็นพระอารามหลวงชั้นตรี หลังจากมีถนนอัษฎางค์แล้ว ชาวบ้านได้ย้ายบ้านเรือไปตั้งอยู่บริเวณปลายแหลมทางเหนือของเกาะทำให้ชาวบ้านอยู่ไกลจากวัดเกาะสีชัง พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชการที่ ๕ จึงโปรดเกล้าฯให้สถาปนาอารามขึ้นเพื่อเฉลิมพระเกีนรติสมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าจุฑาธุชธราดิรกและ เพื่อชาวบ้านจะได้ทำบุญตักบาตรสะดวก พระราชทานนามว่า” วัดจุฑาทิศธรรมสภาราม” เมื่อวันที่ ๙ กรกฎาคม ๒๔๓๕ ปัจจุบันมีฐานะเป็นพระอารามหลวงชั้นตรี ประเภท วรมหาวิหาร มีพระอุโบสถ หอระฆัง พระพุทธบาทจำลอง และพระประธานปางมารวัชัย ที่งดงาม ประวัติวัวัดจุฑาทิศธรรมสภารามสภารามวรวิหาร อยู่เหนือท่าภานุรังษี เป็นพระอารามหลวง เดิมวัดนี้ พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 โปรดให้เจ้าพระยาทิพากรวงศ์มหาโกษาธิบดี (ขำ บุนนาค) สร้างขึ้นที่แหลม ซึ่งเป็นที่ตั้งสถานีวิทยุโทรเลขเดียวนี้ ครั้นเมื่อพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 เสด็จมาประทับที่แถบนั้น วัดนี้จึงขยับไปตั้งอยู่ ณ วัดอัษฎางคนิมิตรบัดนี้ แต่ก็ไม่สะดวกอีก เพราะเป็นในเขตพระราชฐาน จึงโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ย้ายมาตั้ง ณ ท่าภานุรังษี พร้อมทั้งมีหน้าที่ดูแลรักษารอยพระพุทธบาทบนไหล่เขาคะยาสิระด้วย วัดนี้เดิมไม่มีอุโบสถเป็นหลักฐาน เมื่อปี พ.ศ. 2477 มีพระบรมราชานุญาตให้พระครูสุทธิรัตน์ วัดกลางจังหวัดสมุทรปราการ ไปเป็นเจ้าอาวาส พระครูสุทธิรัตน์ได้พยายามสถาปนาอุโบสถขึ้นจนสำเร็จ พระประธานในพระอุโบสถเป็นพระแบบสุขโขทัย หน้าตักกว้าง 97 เซนติเมตร สูงสุดยอด 1.25 เมตร ********************** ข้อมูลวิกิพีเดีย. จำนวนผู้ชม : 855 Leave a ReplyFacebook Comments More Articles By the same author พลิกวิกฤติโควิด-19! พระธรรมทูตสายต่างประเทศใช้สื่อออนไลน์แผ่ธรรม อุทัย มณี มี.ค. 01, 2020 วันที่ 29 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2563 ตามที่สมเด็จพระมหาธีราจารย์ กรรมการมหาเถรสมาคม… กมธ.ศาสนาฯสภาฯลุยแก้ปัญหาที่พักสงฆ์จังหวัดชุมพรต่อ อุทัย มณี ม.ค. 29, 2023 เมื่อวันอาทิตย์ที่ 29 มกราคม 2566 คณะกรรมาธิการการศาสนาศิลปะและวัฒนธรรม… ในหลวงโปรดเกล้าฯสมณศักดิ์เจ้าคณะภาค 1 เป็น “พระธรรมวชิรเมธี” อุทัย มณี ก.ค. 31, 2021 วันที่ 31 ก.ค. 64 พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ… พระกากัน อโสโก (มาลิค) ขอเลื่อนสึกออกไปยังไม่มีกำหนด อุทัย มณี ก.พ. 20, 2022 วันอาทิตย์ที่ 20 กุมภาพันธ์ 2565 เพจวัดธาตุทอง พระอารามหลวง ได้โพสต์แจ้งว่า… “วัดพระธรรมกาย” จัดพิธีต้อนรับพระภิกษุสามเณรผู้สอบได้ประโยค ป.ธ. 3 จำนวน 72 รูป และ ประโยค 1-2 จำนวน 173 รูป อุทัย มณี พ.ค. 24, 2025 วันที่ 24 พ.ค 2568 วานนี้ ณ วัดใหญ่ชัยมงคล อำเภอพระนครศรีอยุธยา… กมธ.ศาสนาฯสภาฯลงพื้นที่แก้ปัญหาที่พักสงฆ์ โคกปราสาทโคราชถูกร้องสร้างในเขตโบราณสถาน อุทัย มณี ม.ค. 10, 2023 เมื่อวันจันทร์ที่ 9 มกราคม 2566 คณะกรรมาธิการการศาสนาศิลปะและวัฒนธรรม… บุกรวบ ‘นพรัตน์’ อดีต ผอ.พศ. กลางโรงพยาบาลในรัฐเท็กซัส หลังหลบหนีคดีทุจริตเงินทอนวัด ไปนาน 8 ปี อุทัย มณี เม.ย. 13, 2025 วันที่ 13 เมษายน 2568 มีรายงานว่า นายนพรัตน์ เบญจวัฒนานนท์ อดีตผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ… เจ้าคุณประสาร รับรางวัลราชมงคล อุทัย มณี ก.ย. 15, 2023 วันนี้ (15 ก.ย.66 ) พระราชวัชรสารบัณฑิต หรือ เจ้าคุณประสาร รองอธิการบดีฝ่ายวางแผนและพัฒนา… แนะ 5 ข้อน่ารู้ไว้ป้องกันก่อนไฟไหม้บ้าน “วันที่เกือบไม่เหลืออะไร” อุทัย มณี พ.ย. 29, 2019 แนะ 5 ข้อน่ารู้ไว้ป้องกันก่อนไฟไหม้บ้าน "วันที่เกือบไม่เหลืออะไร"… Related Articles From the same category “สมเด็จพระมหาวีรวงศ์” ประกอบพิธีประดิษฐานพระพุทธอังคีรสจำลอง ณ สถานปฏิบัติธรรมสมเด็จพระสังฆราช จ.ปทุมธานี วันที่ 15 ก.ค. 66 ที่สถานปฏิบัติธรรมสมเด็จพระสังฆราช (อมฺพรมหาเถร)… เตือนภัย !! หน้ามหาจุฬา ฯ เกิดอุบัติเหตุบ่อย ไร้คนแก้ เมื่อช่วงบ่ายวันนี้ (8 ธันวาคม 63) เกิดเหตุรถชนระหว่างรถกระบะสองคันและรถแท็กซี่สีส้ม… “ม.สงฆ์ มจร”เปิดอบรมหลักสูตร ทูตสันติภาพรุ่นแรกของไทย วันที่ 4 มกราคม พ.ศ.2563 พระปราโมทย์ วาทโกวิโท,ดร. อาจารย์ประจำหลักสูตรสันติศึกษา… รู้ไว้ใช่ว่า… การอนุรักษ์คัมภีร์ใบลานล้านนา…การจัดเก็บด้วยระบบดิจิทัล โดยการมีส่วนร่วมของชุมชน คัมภีร์ใบลาน เป็นมรดกทางวัฒนธรรมมีลักษณะเป็นลายลักษณ์อักษรที่บรรพชนไทยสร้างสรรค์ขึ้น… ร่วมบันทึกประวัติศาสตร์ : ไทย-รามัญภักดี 1,510 ชีวิ ปทุมธานี ถวายพระพรชัย วันที่ 12 กรกฏาคม 2566 วานนี้ ณ วัดโบสถ์ (หลวงปู่เทียน) ต.บ้านกลาง…
Leave a Reply