พระธรรมรัตนาภรณ์ย้ำพระอุปัชฌาย์และเจ้าอาวาสต้องปฏิบัติเป็นบรรทัดฐานเดียวกัน ตามกฎหมายบ้านเมือง กฎมหาเถรสมาคม และพระธรรมวินัย ขณะที่พระราชธรรมวาทีแนะต้องรู้จักแยกแยะวิเคราะห์ผู้คนเพื่อให้การแนะนำเผยแผ่ธรรมะนั้นเกิดประโยชน์ต่อผู้รับมากที่สุด
เมื่อวันพุธที่ 22 กรกฎาคม พ.ศ. 2563 ที่ผ่านมา ที่ห้องประชุมโถงช้าง วัดพระธรรมกาย จังหวัดปทุมธานี พระธรรมรัตนาภรณ์ เจ้าคณะจังหวัดปทุมธานี บรรยายพิเศษแก่คณะพระสังฆาธิการ ในที่ประชุมตามมติมหาเถรสมาคม ครั้งที่ 32/2539 มติที่ 414/2539 ในเขตปกครองคณะสงฆ์จังหวัดปทุมธานี ภาค 1 จำนวน 400 รูป ถึงความสำคัญของบทบาท หน้าที่พระอุปัชฌาย์ต่อพระพุทธศาสนา มีใจความสำคัญว่า พระอุปัชฌาย์ต้องทำหน้าที่เป็นประธานในการบรรพชาอุปสมบทให้เป็นไปตามกฎระเบียบด้วยดี ตลอดทั้งผู้มีหน้าที่เกี่ยวข้องในการรับคนเข้ามาบวช เช่น เจ้าอาวาสต้องทำหน้าที่ช่วยพระอุปัชฌาย์ให้ทุกขั้นตอนของการบวชเป็นไปด้วยความเรียบร้อย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การคัดกรองผู้เข้ามาบวชว่ามีคุณสมบัติถูกต้องครบถ้วนตามกฎหมายและพระธรรมวินัยกำหนดไว้หรือไม่ ซึ่งพระอุปัชฌาย์ หรือเจ้าอาวาส ต้องทำหน้าที่ในการ “พบ และ สอบสวน” ผู้มาขอบวชด้วยตัวเอง เพื่อตรวจสอบคุณสมบัติของผู้บวชว่าเป็นผู้มีความประพฤติดี ไม่ใช่ผู้มีลักษณะต้องห้าม เช่น เป็นผู้มีความคิดเห็นผิดๆ มีพฤติกรรมที่ก่อให้เกิดความเสียหาย เป็นผู้มีความผิดหรือหลบหนีอาญาแผ่นดิน หลบหนีราชการ เป็นผู้ต้องหาในคดีต่างๆ เป็นผู้ถูกจำคุกในฐานเป็นผู้ร้ายสำคัญ เป็นผู้ต้องอาบัติปาราชิก เป็นผู้ทุพพลภาพ หรือผู้มีโรคติดต่อร้ายแรง เป็นต้น
ทั้งนี้ ความสำคัญของการคัดกรองผู้เข้ามาบวช เพื่อให้เกิดประโยชน์ต่อความสงบสุขของหมู่สงฆ์ และความมั่งคงของพระพุทธศาสนา อันจะนำไปสู่ประโยชน์ของสังคมส่วนรวมหากพระอุปัชฌาย์ หรือเจ้าอาวาส ไม่ปฏิบัติหน้าที่อย่างเคร่งครัดตามกฎระเบียบของการบรรพชาอุปสมบท อนุญาตให้ผู้ไม่มีคุณสมบัติเข้ามาบวช อาจเป็นเหตุแห่งความความเสียหายต่อคณะสงฆ์ ต่อพระพุทธศาสนา และสังคมส่วนรวมได้ เหมือนอย่างเช่นที่เห็นปรากฏเป็นข่าวในปัจจุบัน
“พระอุปัชฌาย์และเจ้าอาวาสต้องปฏิบัติหน้าที่ให้สอดคล้องเป็นบรรทัดฐานเดียวกัน ด้วยการปฏิบัติตามกฎหมายแผ่นดิน กฎของมหาเถรสมาคม และพระธรรมวินัย ก็จะสามารถช่วยป้องกันความเสียหายที่อาจจะเกิดขึ้นต่อส่วนรวมได้” พระธรรมรัตนาภรณ์กล่าว
ด้านพระราชธรรมวาที ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดประยุรวงศาวาส ได้บรรยายและให้โอวาทแก่คณะพระสังฆาธิการถึงการปฏิบัติหน้าที่ของพระภิกษุสงฆ์ ความโดยย่อว่า งานพระพุทธศาสนาเป็นงานทำดีเพื่อดี ทำดีโดยสุจริตใจ เป็นงานทำดีเพื่อส่วนรวม พระภิกษุสงฆ์ คือ ผู้มีหน้าที่พิทักษ์ความถูกต้องเป็นธรรม มีหน้าที่แนะและนำ ให้ความรู้ความเข้าใจแก่ประชาชน และปฏิบัติตนให้เป็นแบบอย่างที่ดี การทำงานพระศาสนาเป็นงานที่ต้องทำด้วยความเสียสละและศรัทธา ในการทำงานต้องรู้จักแยกแยะวิเคราะห์ผู้คนเพื่อให้การแนะนำเผยแผ่ธรรมะนั้นเกิดประโยชน์ต่อผู้รับมากที่สุด
Leave a Reply