วันนี้เป็นวันแรกของการประสาทปริญญาสำหรับมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย หรือ มจร ที่ถือว่าเป็นมหาวิทยาลัยสงฆ์อันดับ 2 ของโลก ซึ่งกิจกรรมได้เริ่มมาตั้งแต่วันที่ 8 แล้ว แต่การมอบปริญญาจริง ๆ เริ่มวันนี้และพรุ่งนี้ ภายใต้การป้องกันการแพร่ระบาดของโควิด -19 อย่างเข้มข้นทั้งผู้เข้ารับ และผู้ให้บริการอันหมายถึงผู้บริหาร เจ้าหน้าที่ พนักงานของมหาวิทยาลัยจะต้องมีคุณสมบัติอย่างน้อย 2 ประการคือ หนึ่ง ต้องได้รับการฉีดวัคซีนแล้วอย่างน้อย 2 เข็ม สอง ต้องมีผลการตรวจ ATK ก่อนเข้างานไม่ต่ำกว่า 72 ชั่วโมง นอกจากนั้นก็มีมาตรการการป้องกันโดยทั่วไปภายในงาน ทั้งการวัดอุณภูมิก่อนเข้างาน,จะต้องมีการสวมใส่แมสตลอดเวลา,ไม่ให้ตั้งวงรับประทานอาหารร่วมกัน,ต้องเว้นระยะห่าง งานประสาทปริญญาปีนี้ ไม่มีซุ้มนิทรรศการ ซุ้มถ่ายรูปของบรรดาวิทยาลัยเขต,สถาบันสมทบหรือแม้กระทั้งซุ้มของนิสิตนานาชาติที่ปกติมีมากกว่า 20 ซุ้ม การละเล่นต่าง ๆ งดเว้นหมด แม้กระทั้งร้านที่ระลึกภายในมหาวิทยาลัยก็เช่นเดียวกัน
มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย หรือ มจร เป็นสถาบันการศึกษาระดับอุดมศึกษาของคณะสงฆ์ฝ่ายมหานิกาย สถาปนาโดย พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว องค์รัชกาลที่ 5 ณ วัดมหาธาตุยุวราชรังสฤษฎิ์ กรุงเทพมหานคร เพื่อเป็นสถานศึกษาพระไตรปิฎกและวิชาชั้นสูง สำหรับพระภิกษุและคฤหัสถ์ เมื่อปีพุทธศักราช 2430 เป็นต้นมา และมาในปี พุทธศักราช 2540 รัฐสภาได้ตราพระราชบัญญัติมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัยให้เป็น “สถาบันการศึกษามีสถานะเป็นมหาวิทยาลัยของรัฐ”
ปัจจุบันมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัยได้จัดการศึกษาและบริการวิชาการด้านพระพุทธศาสนาระดับปริญญาเอก16 สาขา ปริญญาโท 19 สาขา และระดับปริญญาตรีมี 4 คณะ คือ คณะพุทธศาสตร์,คณะครุศาสตร์,คณะมนุษยศาสตร์และคณะสังคมศาสตร์มี 26 สาขาวิชา รวมทั้งมีการเปิดสอนระดับมัธยมศึกษาด้วย อีก 2 แห่ง
มีวิทยาลัยเขต วิทยาลัยสงฆ์ รวมทั้งห้องเรียนอีกประมาณ 40 แห่ง แม้แต่ในต่างประเทศอันเป็นสถาบันสมทบก็มีอีก 5 แห่ง คือ วิทยาลัยพุทธศาสนาดองกุก ซอนบอบ ประเทศเกาหลีใต้,มหาวิทยาลัยพุทธศาสนา ซิน จู๋ ไทเป ,วิทยาลัยพุทธพระพุทธศาสนานานาชาติ ประเทศศรีลังกา,วิทยาลัยพุทธศาสตร์สิงคโปร์ ประเทศสิงคโปร์และวิทยาลัยพุทธศาสนาธรรมเกท ประเทศฮังการี
ส่วนภายในประเทศมี 1 แห่ง คือ มหาปัญญาวิทยาลัย วัดถาวรวราราม แห่งคณะสงฆ์อนัมมนิกาย จังหวัดสงขลา
มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย มีนิสิตที่สำเร็จการศึกษามาแล้วจำนวน 66 รุ่น แยกเป็นระดับปริญญาตรี 60,563 รูป/คน ปริญญาโท 9,253 รูป/คนและปริญญาเอก 2,145 รูป/คน รวมทั้งสิ้น 71,961 รูป /คน เป็นมหาวิทยาลัยของประเทศไทยแห่งเดียวที่แก้ความเหลื่อมล้ำของสังคมไทยได้อย่างมีประสิทธิภาพ และมีประสิทธิผล เป็นมหาวิทยาลัยที่ได้สร้างโอกาสทางการศึกษา ให้แก่ผู้ที่ไม่มีโอกาสก้าวสู่มหาวิทยาลัยทั่วไป รวมทั้งลูกที่ถูกทอดทิ้ง กำพร้า อนาถา ชาวเขา ก็สามารถเข้ามาศึกษาสถาบันระดับอุดมศึกษาแห่งนี้ได้ มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย ได้ผลิตบุคลากรไม่เฉพาะเพื่อสนองงานคณะสงฆ์เท่านั้น แม้แต่ในฝ่ายบ้านเมืองก็มี “ศิษย์เก่า” สถาบันการศึกษาแห่งนี้ไม่ใช่น้อย
ในปี 2564 มีนิสิตทั้งสิ้นประมาณ 20,361 รูป/คน โดยเป็นนิสิตต่างประเทศ 1,195 รูปคน จาก 20 กว่าประเทศ มีผู้บริหาร คณาจารย์ เจ้าหน้าที่มากกว่า 3,000 รูป/คน สำหรับการประสาทปริญญาระหว่างวันที่ 11-12 ธันวาคมนี้ มีระดับปริญญาเอก 320 รูป/คน ระดับปริญญาโท 669 รูป/คน และระดับปริญญาตรี 2,742 รูป/คน รวมทั้งสิ้น 3,731 รูป/คน
“เจ้าคุณโชว์” พระสุธีวีรบัณฑิต บอกว่าทีมงานว่า หลายปีมานี้มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัยก้าวหน้าแบบก้าวกระโดด เดิมการประสาทปริญญา จะจัดกันภายในพระอุโบสถวัดมหาธาตุยุวราชรังสฤษฎ์มีนิสิตประมาณ 200 -300 รูปเท่านั้น ยุคสมัยนั้นไม่มีฆราวาสมาเรียน แต่ผู้หลักผู้ใหญ่ทั้งฝ่ายคณะสงฆ์และฝ่ายบ้านเมืองให้ความสำคัญมาก อย่าง สมเด็จพระสังฆราชเจ้า กรมหลวงชินวราลงกรณหรือ “สมเด็จวาสน์” พระองค์จะเสด็จมาทุกปี โดยเฉพาะวันสถาปนามหาจุฬา ฯ พระองค์จดไว้เลยว่า วันนี้คือเป็นวันสถาปนามหาจุฬา งดศาสนกิจรับกิจนิมนต์ทุกประเภท เพราะต้องมางานนี้ แม้แต่ สมเด็จพระสังฆราชเจ้า กรมหลวงวชิรญาณสังวร หรือ “สมเด็จเจริญ” วัดบวรนิเวศ งานประสาทปริญญาพระองค์เสด็จมาทุกปี แม้อายุมากแล้วก็ยังเสด็จมา ตอนหลังมหาจุฬา ฯไปจัดงานที่พุทธมณฑล พระองค์ก็เสด็จมาทุกปี แม้ตอนหลังพระองค์ทรงชราภาพแล้ว ก็ยังเสด็จมาประสาทปริญญาให้กับพระนิสิตเรา “ปัจจุบันไม่เหมือนแต่ก่อน หว่างพระนิสิตกับประมุขสงฆ์เราห่างกันมากขึ้น 2-3 ปีมานี้พระองค์ไม่เสด็จมาเลย ตรงนี้หากมองในแง่จิตวิทยา ความสร้างความสัมพันธ์ซึ่งกันและกันไม่ส่งผลดีเท่าไร แต่ปีนี้กับปีที่แล้วพอเข้าใจได้ เนื่องจากมีการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด -19..”
“เจ้าคุณโชว์” หรือ พระสุธีวีรบัณฑิต ในฐานะผู้อำนวยการสำนักส่งเสริมพระพุทธศาสนาและบริการสังคม ที่จะต้องดูแลเรื่องอาหารและการจัดงานต่าง ๆ ภายในบริเวนมหาวิทยาลัย พระคุณเจ้าได้พาลงไปเดินดูเต็นท์อาหารต่าง ๆ ทั้งของมูลนิธิร่วมกตัญญู ที่เปิดเป็นโรงทานมาร่วมงานประสาทปริญญากับ มจร ทุกปี เต็นท์ของแม่ชีทศพร วชิระบำเพ็ญ หรือภายใต้อาคารหอฉันช่วงที่ท่านพาเดินชมกำลังลงมือทาสี เป็นสถานที่จัดเป็นโรงทานของ มูลนิธิโพธิวัณณาของ แม่ชี ณัฐญาวรรณ เปรมสกุล ซึ่งบุคคลเหล่านี้เป็นหน่วยงานสนับสนุนให้กับมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัยทุกปี
“เจ้าคุณโชว์” บอกว่าทีมงานว่า ปีนี้ผู้บริหารและสาธารณสุขจังหวัด มีการปรึกษาหารือกันแล้วสรุปไม่ให้ร้านค้าจำหน่ายของที่ระลึกต่าง ๆ เข้ามาขาย โรงทานก็กำจัดไว้แค่ 3 เจ้าใหญ่ ๆเท่านั้น คือ ป้องกันเต็มที่ แม้แต่ซุ้มถ่ายรูปก็จัดไว้พอเป็นพิธี พอเป็นสัญลักษณ์ไว้เพียง 5 ซุ้มของแต่ละคณะเท่านั้น ซึ่ง เจ้าคุณโชว์ มองว่า เป็นสิ่งที่ดี เนื่องจากหลายปีมานี้การจัดงานประสาทปริญญาของมหาวิทยาลัยสงฆ์ ขาดความเป็นอัตลักษณ์ของความเป็นพระเกินไป ไปเลียนแบบมหาวิทยาลัยข้างนอกจนเลยขอบเขต ซึ่งคนข้างนอกดูเข้ามาแล้ว ไม่เหมาะสม
“ความเป็นอัตลักษณ์ของมหาวิทยาลัยสงฆ์มันต้องมี เราไปจัดงานเลียนแบบอย่างข้างนอกมากจนเกินขอบเขต ร้านบางร้านจำหน่ายของที่ระลึก ทำดอกไม้ ตุ๊กตารูปพระ รูปบัณฑิตจนเลยความงามไป มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัยจะต้องคงอัตลักษณ์ของความเป็นมหาวิทยาลัยสงฆ์ไว้ให้ได้ เช่น สมเด็จพระสังฆราช ต้องเสด็จมา,สอง การห่มผ้า ของเราจะต้องเป็นระเบียบเรียบร้อย และสาม บรรดาร้านค้าจำหน่ายของที่ระลึกต้องให้มีความเหมาะสมกับความเป็นมหาวิทยาลัยสงฆ์ ดังนี้เป็นต้น..”
วันนี้เป็นวันแรกของงานประสาทปริญญาของมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย ตั้งแต่เวลา 13.00 น. เป็นต้น โดยมี สมเด็จพระมหาธีราจารย์ เจ้าอาวาสวัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม เป็นประธานมอบให้กับนิสิตระดับปริญญาตรีทั่วประเทศ 1พันกว่ารูป/คน ภายใต้การป้องกันการแพร่ระบาดของโควิด -19 อย่างเคร่งครัด
Leave a Reply