เจอคนคุ้นเคย: หวนรำลึกถึงวีรกรรม “เจ้าคุณ”

เมื่อวานนี้ไปได้รับคำเชิญจากสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติให้ไปรับโล่เกียรติคุณในนามเว๊ปไซต์ข่าว “เดอะบุ๊ด :thebuddh.com” คนชวนบอกต่อด้วยว่าขอให้ไปรับฟังการสัมมนานานาศาสนาในประเทศไทยด้วย เพื่อเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระบรมราชชนนีพันปีหลวง โดยมี สำนักกำกับพระธรรมทูตไปต่างประเทศ สำนักงานพุทธศาสนาแห่งชาติ ร่วมจัดงาน แต่แม่งาน คนทำงานจริงคือ “วิทยาลัยพระธรรมทูต” มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เพราะถาม “เจ้าคุณวีรพล” บอกว่า “เจ้าคุณไสว” พร้อมทีมงาน คือ แม่งาน เตรียมงานมาหลายวัน ส่วนวัดโพธิ์และสำนักงานกำกับพระธรรมทูตเป็นแค่ผู้อำนวยความสะดวก และมีสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติเป็น “เจ้าของเงิน” ในการจัดงาน

หากจะว่าไปแล้วเว๊ปไซต์ข่าว thebuddh” ริเริ่มทำ “ผู้เขียน” ตกงานก็ไม่ได้คิดอะไรมาก ปรึกษาหารือกับ “ดร.สำราญ สมพงษ์” นักข่าวอาวุโสรุ่นลายครามที่โลดแล่นอยู่ใน “สนามพระ” มานานกว่าผู้เขียนด้วยซ้ำไป ผู้เขียนเป็นนักข่าวสายทีวี ดร.สำราญ สมพงษ์ เป็นนักข่าวสายหนังสือพิมพ์ หลังเปิดเว็บไซต์เราสองคนทำข่าวประเภท “ตามใจฉัน” มีข่าวก็ลง ไม่มีก็ไม่ต้องไปดิ้นหา ไม่เคยขอสปอนเซอร์จากใคร และก็ “เป็นจริง” ไม่มีใครมาสนับสนุน แม้กระทั้ง “พระคุณเจ้า” หลายรูปที่ขอความอนุเคราะห์ส่งข่าวมา หรือให้ไปทำข่าว เราสองคนก็ไม่เคยไปเรียกร้องอะไร หากคิดว่าเป็นประโยชน์ก็ลงให้ เพราะเราพูดคุยกันมาตั้งแต่ต้นแล้วว่า ทำตอบแทนคุณของ พระพุทธเจ้า ตอบแทนคุณพระศาสนาและผ้าเหลือง!! ประเภทจะให้ออกจาก “กุฎิ” เพื่อไป “บิณฑบาต”ไม่ไป แต่ใครจะ “ถวาย” ก็ไม่ขัด แล้วแต่ศรัทธา

ในฐานะผู้ร่วมก่อตั้งเว๊ปไซต์ มีความดีใจหรือปลื้มใจธรรมดาที่ “สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ” เห็นคุณค่าและความสำคัญของเว๊ปไซต์ข่าว thebuddh” มอบโล่เกียรติคุณให้ต้องขอขอบคุณมา ณ โอกาสนี้

การฟังสัมมนาแม้หัวข้อการสัมมนาจะใช้ชื่อ “ศาสนาและสันติภาพของโลก” แต่ความจริงแล้วเป้าหมายสัมผัสได้ ก็คือเน้นไปที่ นานาศาสนาในประเทศไทยภายใต้ร่มพระบรมโพธิสมภาร นั่นเอง คือ ศาสนาในประเทศไทยที่รัฐบาลรับรองมี 5 ศาสนาหลัก คือ ศาสนาพุทธ ศาสนาอิสลาม ศาสนาคริสต์ ศาสนาพราหมณ์-ฮินดู และศาสนาซิกข์ อยู่ร่วมกันอย่างไรท่ามกลางความหลากหลายโดยมี “สถาบันพระมหากษัตริย์” เป็นผู้อุปถัมภ์สำคัญ

ตามปกติ “ผู้เขียน” ไม่ค่อยได้ออกสังคมงานแบบนี้ เพราะตอนหลัง ๆ อายุมากขึ้น เริ่มเบื่อหน่ายกับสังคมที่พลุกพล่านและยุ่งเหยิง เมื่อวานนี้ไปพบปะกับคนคุ้นเคยตั้งแต่สมัยเรียน มจร สมัยทำงานช่อง 11  เจอหน้าตาคนหลากหลาย เริ่มคุยถึงความหลังกันบ้าง ถามทุกข์สุกดิบกันบ้าง วันนี้อย่างน้อย 2 คนที่อยากพูดถึงเพราะมีเรื่องให้พูดถึง คือ “พี่มานพ และ ผอ.บอม”

“พี่มานพ” หรือ มานพ จิรกาญจน์ไพศาล  เป็นหัวหน้ากลุ่มผลิตรายการศาสนา  สนิทมักคุ้นกับพระหลายรูป หลายวัด หลายนิกาย หากพระคุณเจ้าต้องการติดต่อผลิตรายการในช่อง 11 ต้องติดต่อพี่มานพ เท่านั้น นอกนั้น “คุยไม่ค่อยรู้เรื่อง”  และที่สำคัญ “เกรง” ที่จะคุยกับพระในการใช้..ภาษา

ผู้เขียนกับพี่มานพคุ้นเคยมากันยาวนานเนื่องจากเป็นคน “จังหวัดกาญจนบุรี” เหมือนกัน เจอกันก็จะถามแต่เรื่อง “เกษตร” เรื่องทำสวน ทำไร่ เพราะพี่มานพมีที่ดินนับร้อยไร่แถวหนองบัว ตำบลลาดหญ้า จังหวัดกาญจนบุรี

มีเรื่องเล่า ยุคที่บ้านเมืองวุ่นวายมี “ม๊อบ” ชุมนุม ผู้เขียนในฐานะ “โปรดิวเซอร์” มีหน้าที่เชิญแขกผลิตรายการสดตั้งแต่ 06.00 -22.00 น. วันหนึ่งได้รับ “โจทย์” จาก “วอร์รูม” ว่าให้เชิญ “พระภิกษุ” มาพูดเรื่องความปรองดอง รู้รักสามัคคี ตอนนั้นคิดออกว่า จะเชิญรูปใดมาออกรายการ  แต่ไม่รู้จะ “ติดต่อท่าน” ได้อย่างไร

จึงบอกพี่มานพ และ “พี่อ้อน”  หรือ พรอัปสร นิลจินดา ปัจจุบันเป็นประชาสัมพันธ์จังหวัดปทุมธานี ทราบว่าทั้ง 2 คนนี้คุ้นเคยกับ “เจ้าคุณ” รูปดังกล่าวเป็นอย่างดี จึงขอช่วยนิมนต์ท่านมาออกรายการสด

“เจ้าคุณ” รูปดังกล่าวท่านรับปากโดยการประสานของ “พี่มานพ” และ “พี่อ้อน”  เมื่อท่านมาถึงสถานีช่อง 11 ผู้เขียนก็ไปกราบและสนทนาถึงประเด็นตามโจทย์ที่ได้มาคือให้พูดเรื่อง “การรู้รักสามัคคีและความปรองดอง” ห้ามพูดเรื่องอื่นเด็ดขาด เพราะในสถานการณ์การเมืองแบบนั้นทั้งม๊อบ ทั้งเจ้าหน้าที่ และประชาชน ตกอยู่ในสถานการณ์ “เครียด”  จึงต้องให้พระมาโปรดระงับ “สติอารมณ์” 

“เจ้าคุณ” รับปากพร้อมทั้งพูดว่า “มหาอาตมารู้ดี ว่าต้องพูดอย่างไร ไม่ต้องเป็นห่วง”

เราในฐานะโปรดิวเซอร์ก็สบายใจ อุ่นใจ เพราะ “เจ้าคุณ” ที่ว่านี้ ท่านเป็นนักเทศน์ฝีปากกล้า มีชื่อเสียง คำไหนคำนั้น หลังคุยกับเจ้าคุณรีบร้อยจึงไปคุยหัวข้อสนทนา และแนวคำถามกับ “พิธีกร” ผู้ดำเนินรายการว่าต้องถามอย่างไร ห้ามถามอะไรบ้าง และแนวทางหรือกรอบประเด็นวันนี้มุ่งเน้นอะไร

ก่อนเข้ารายการ ผอ.สถานีเดินเข้ามาถามผู้เขียน ว่า บอกพระแล้วใช่ไหมว่า ต้องพูดเรื่องอะไร  จึงแจ้งไปว่า บอกแล้วครับ พร้อมกับยืนยันว่า มีพี่อ้อน ร่วมพูดคุยประเด็นกับท่านแล้วเช่นกัน

หลังจากพา “เจ้าคุณ” เข้ารายการสดได้ไม่ถึง 20 นาที  เอาแล้วเกิดเรื่อง “เจ้าคุณ” ดันไปพูดแนะนำว่ารัฐบาลต้องทำอย่างโน้น อย่างนี้  “ต้องเจรจา” ต้องเปิดเวทีพูดคุย  ซึ่งก็ถูกในหลักการแต่ในสถานการณ์เช่นนั้นอาจ “ไม่ถูกต้อง”

คำสั่งจาก “วอร์รูม” ให้ตัดกลางอากาศ ห้ามให้เจ้าคุณรูปนี้พูดต่อ และห้ามให้พิธีกรและเจ้าคุณรู้ว่า “ถูกตัดกลางอากาศ” ให้บันทึกไปจนจบ  ผู้เขียนจึงแจ้งไปห้องส่งชั้น 2  “ตัดด่วน” โดยที่พิธีกรและเจ้าคุณไม่รู้

ผอ.สถานีช่อง 11 วิ่งเข้ามาหาพร้อมหน้าตาตื่น  “ชี้หน้า” ผู้เขียนบอกว่า “มหาเห็นไหม ฉันบอกเธอแล้วว่า อย่าเชิญพระมาให้พูดแบบนี้ นี่เห็นไหมรัฐมนตรีโทรมาด่าฉันแล้ว” พร้อมกับโชว์โทรศัพท์ให้ดู

เราก็บอกว่า พี่มานพกับพี่อ้อนช่วยนิมนต์มา ก่อนออกอากาศก็คุยกับพระแล้ว พี่อ้อนก็อยู่ครับ!

หลังจากจบรายการ ส่งเจ้าคุณเสร็จ ท่านออกไปได้สักพัก “เจ้าคุณ” โทรกลับมาถามว่า “มหาเธอตัดรายการกลางอากาศหรือ” ผู้เขียนถามกลับว่า “ท่านเจ้าคุณรู้ได้อย่างไร” ท่านตอบว่า “ลูกศิษย์ที่ชมรายการโทรมาบอก” ก็เลยอธิบายกับท่านให้ฟังถึงเหตุจำเป็นต้อง “ตัดกลางอากาศ”

เรื่องนี้ตอนหลังเจอหน้าพี่มานพและพี่อ้อน ก็ได้แต่พูดคุยและขำ ๆ กันไปถึงวีรกรรมของ “ท่านเจ้าคุณ” และการทำแบบนี้ ถึงแม้เราไม่อยากทำ แต่เมื่อสถานการณ์พาไปจำเป็น “ต้องทำ” 

ส่วน “ผอ.บอม” หรือ  คนึงกิจ พรหมนุชานนท์  ปัจจุบันเป็นผู้อำนวยการกองส่งเสริมงานเผยแผ่พระพุทธศาสนา “คุ้นเคย” กันมานานตั้งแต่ “ผอ.บอม” อยู่ กรมทรัพยากรน้ำบาล ตอนหลังตาม อธิบดีปราณีต ร้อยบาง จากกรมน้ำบาดาลไปเป็นอธิบดีกรมทรัพยากรธรณี เวลาเชิญอธิบดีมาออกรายการ “ผอ.บอม” ในฐานะเลขาส่วนตัว หน้าห้องก็ติดตามมาทุกครั้ง หลังอธิบดีปราณีต เกษียณ “ผอ.บอม” ย้ายไปอยู่สำนักงานพระพุทธศาสนาและเป็นทำหน้าที่เช่นเดิมคือ เป็นเลขาส่วนตัวและติดตามผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติยุค “พ.ต.ท.พงศ์พร พราหมณ์เสน่ห์” เรามักคุยกับพบกันบ้างใน “บางโอกาส”

เมื่อวานเจอ“ผอ.บอม”เราพูดคุยเรื่องวงการคณะสงฆ์และการทำงานทั่วไป ปัจจุบันหน่วยงานที่ ผอ.บอม รับผิดชอบถือว่าเป็น “กลไก” สำคัญของสำนักงานพระพุทธศาสนาที่เกี่ยวข้องกับการส่งเสริมบทบาทให้กับคณะสงฆ์ในการเผยแผ่พระพุทธศาสนาและการสร้างสัมพันธ์ที่ดีระหว่างศาสนาดังงานที่ผู้เขียนไปร่วมนี้

ที่เล่ามาทั้งหมดนี่คือ “เกร็ดประวัติการทำงาน” และ “เพื่อนพ้องน้องพี่” ในวงการเครือข่ายที่เคยทำงานร่วมกันมา

หากมีโอกาสจะเล่าเรื่องประเด็นสัมมนาที่มีตัวแทน 5 ศาสนามาพูดคุย มีหลายคำพูด มีหลายเรื่องที่เราไม่รู้ก็ได้รู้ ซึ่งถือว่าเป็นนิมิตหมายที่ดีที่ได้ไปร่วมรับฟังคนต่างศาสนามาพูดคุยกันแบบนี้!! เพราะเท่าที่ฟังทุกศาสนาล้วนต้องการสันติภาพหรือความสงบสุข และมีผู้นำหลายศาสนาหลายท่านเริ่มเป็นห่วงแล้วว่า คนปัจจุบันเริ่มไม่เอาศาสนาหรือไม่สนใจหลักศาสนาที่เพิ่มจำนวนมากขึ้นทุกปี  เด็กยุคใหม่บางคนบางกลุ่มประกาศตัวว่า “ไม่มีศาสนา” ก็มี ซ้ำไม่ให้ค่าต่อความ “กตัญญูกตเวที” ตรงนี้ อันตรายไม่เฉพาะต่อพ่อแม่ผู้ปกครองหรือประเทศชาติเท่านั้น..ต่อโลกใบนี้ด้วย!!

Leave a Reply