“สาระมัดดาตัง” ขอกล่าวคำว่าสวัสดีเป็นภาษาอินโดนีเซีย ด้วยในขณะที่ท่านอ่านคอลัมนิสต์อยู่นี้ “เปรียญสิบ” เดินทางร่วมงานกิจกรรมงานวิสาขบูชาประเทศอินโดนีเซีย ซึ่งปีนี้จัดตรงกับวันที่ 16 พฤษภาคมตามคำเชิญของสมาคมชาวพุทธชื่อ “WALUBI” ซึ่งเป็นสมาคมที่ใหญ่ที่สุดของชาวพุทธในประเทศอินโดนีเซีย แม้แต่พระสงฆ์ไทยที่มาเผยแผ่พระพุทธศาสนาที่นี่ก็สังกัดสมาคมชาวพุทธนี้
พระพุทธศาสนาในอินโดนีเซียกว่าจะตั้งมั่นได้อย่างมั่นคงอยู่ในประเทศที่มีประชากรมุสลิมมากที่สุดในโลกนี้ได้ผ่านการต่อสู้และดิ้นรนมานานานัปประการ อย่างน้อยประชาชนชาวไทยต้องจดจำชื่อไว้ท่านหนึ่งซึ่งเป็นชาวจีนเชื้อสายอินโดนีเซียชื่อ “พระชินะรักขิตะ” คนผู้นี้บวชพระมาจากประเทศพม่า และเป็นสหายธรรมของ “พระพิมลธรรม” หรือ “หลวงพ่ออาจ อาสภเถระ” ซึ่งทั้งคู่รู้จักกันตอนที่หลวงพ่ออาจไปประเทศพม่า แต่การติดต่อไปมาหาสู่ระหว่างคนทั้งสองไม่มีผู้บันทึกเอาไว้
“พระชินะรักขิตะ” นี้นอกจากมีความสนิทชิดเชื้อกับหลวงพ่ออาจแล้ว ยังเป็นสหายธรรมของ “สมเด็จพระสังฆราชเจ้า กรมหลวงพระวชิรญาณสังวร” ตอนที่พระองค์ทรงครองสมณศักดิ์ “พระศาสนโสภณ” ด้วย จึงไม่แปลกใจว่าทำไมคณะสงฆ์ธรรมยุติกนิกายสายวัดบวรนิเวศจึงมีวัดอยู่หลายวัดในประเทศอินโดนีเซีย ตามหลักฐานพระชินะรักขิตะขอพระธรรมทูตมาเผยแผ่พุทธศาสนาจากพระศาสนโสภณเมื่อปี 2511 ปีต่อมาพระองค์ส่งพระธรรมทูตไทยมา 4 รูป คือ ธรรมยุต 2 รูปจากวัดบวรนิเวศและวัดพระศรีมหาธาตุบางเขน มหานิกาย 2 รูปจาก วัดยานนาวาและวัดระฆังโฆสิตาราม แต่ตอนหลัง “มหานิกาย” ถอย จึงเหลือแต่คณะธรรมยุต
“เจษฎา บัวบาล” จากมหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ทำวิทยานิพนธ์ชื่อ “การฟื้นฟูพระพุทธศาสนาเถรวาทในอินโดนีเซีย” ระบุว่า เมื่อปี 2557 ประเทศอินโดนีเซียมีชาวพุทธทั้งสิ้นประมาณ 1,703,300 คน จากประชากรทั้งสิ้น 270,000,000 คน มีวัดและศาสนาสถานของชาวพุทธทุกนิกายทั้งสิ้น 3,432 แห่ง แต่หากแยกย่อยออกไปเฉพาะวัดมีทั้งสิ้นประมาณ 150 วัด เป็นของมหายาน 100 วัดนอกนั้นเป็นของฝ่ายเถรวาท
“พระครูธีรญาณวิเทศ” เจ้าอาวาสวัดพุทธบาหลี ประเทศอินโดนีเซีย ซึ่งเป็นพระภิกษุจากวัดพระธรรมกายที่มาอยู่ประเทศอินโดนีเซียมาเกือบ 15 ปีแล้ว ท่านเล่าว่า วัดไทยส่วนใหญ่ที่นี้เป็นวัดคณะสงฆ์ธรรมยุติกนิกาย ส่วนของฝ่ายมหานิกายก็จะมีเพียงแต่วัดและศูนย์ปฎิบัติธรรมของวัดพระธรรมกาย 10 แห่งทั่วประเทศ คนมุสลิมและศาสนาอื่น ๆ ในประเทศอินโดนีเซียเป็นมิตรกับชาวพุทธมาก อย่างวันที่ 16 นี้เราจัดงานวิสาขบูชาที่ “บุโรพุทโธ” จะมีคนมุสลิม คนคริสต์ คนฮินดูมาร่วมด้วย สำหรับปีนี้จัดยิ่งใหญ่กว่าทุกปีเพราะตอนเช้ามีรถขบวนบุปผชาติ มีขบวนแห่งานวิสาขบูชาจากวัดเบนดุตถึงบุโรพุทโธ ซึ่งต้องเดินประมาณ 5 กิโลเมตร หลังจากนั้นจากมีพระภิกษุและสมาคมต่าง ๆ ร่วมกันเจริญพระพุทธมนต์ ณ บริเวณเจดีย์บุโรพุทโธ ภาคกลางคืนก็จะมีการนั่งสมาธิ ลอยโคมเพื่อถวายเป็นพุทธบูชา ที่นี้จะทำร่วมกันทั้งมหายาน มหานิกาย ธรรมยุต เป็น “สังฆสามัคคี”
ตอนที่คณะเราถึง “สนามบินย๊อกยากาต้า” ซึ่งเป็นสนามบินนานาชาติมีน้อง ๆ จิตอาสาตัวแทนจากพุทธสมาคม “MALUBI” รอคอยต้อนรับและอำนวยความสะดวกจัดหาที่นั่งและบริการน้ำดื่ม ซึ่งพวกเธอบอกว่าเดินทางมาจากกรุงจากาต้าเพื่อร่วมงานวิสาขบูชานี้โดยเฉพาะ
การจัดงานวิสาขบูชาปีนี้หลายประเทศจัดอย่างยิ่งใหญ่ ไม่ว่าจะเป็นกัมพูชา ไต้หวัน เวียดนาม อินโดนีเซีย ส่วนไทยจัดไปแล้วระหว่างวันที่ 11-13 ที่ผ่านมานี้
พุทธศาสนาในประเทศอินโดนีเซียแม้จะเป็นประเทศมุสลิมแต่เฟื่องฟูและก้าวหน้าเป็นอย่างมาก เพราะคนที่นี้ชอบปฎิบัติธรรม นั่งสมาธิ ตามหลักพุทธศาสนา และประเทศอินโดนีเซียเคยผ่านการต่อสู้มาอันยาวนาน แม้จะเป็นประเทศที่มีประชากรเป็นมุสลิมมากที่สุดในโลก แต่ก็ไม่ได้ระบุศาสนาใดไว้เป็นศาสนาประจำชาติ หลังปี 2541 มานี้ให้เสรีภาพค่อนข้างมากในการเลือกปฎิบัติตามหลักศาสนา และตามกำหนดการวันนี้ประธานาธิบดีของเขาแม้จะเป็นคนมุสลิมก็จะเดินทางมาเป็นประธานงานวิสาขบูชาด้วยตนเอง..
เดินทางมาร่วมงานวิสาขบูชาต่างประเทศแบบนี้แล้ว ย้อนกลับไปดูประเทศไทยใจมันหดหู่อย่างไรไม่รู้!!
คอลัมน์ : ริ้วผ้าเหลือง
โดย….“เปรียญสิบ” : [email protected]
Leave a Reply