ศาสนาเป็นเครื่องมือของการเมืองมาโดยตลอดเพราะศาสนาถูกนำไปใช้ในการโฆษณาชวนเชื่อของการเมืองมาตลอดประวัติศาสตร์มาแสนนาน โดยเฉพาะในเรื่องสงครามดังคำกล่าวของ นายพลคาร์ล ฟ็อน เคลาเซอวิทซ์ นักทฤษฎีทหารผู้ยิ่งใหญ่ที่ว่า “สงครามเป็นเพียงผลต่อเนื่องของการเมือง ที่ทำโดยวิธีการอื่น” ดังนั้นสงครามรัสเซีย-ยูเครนที่โหดร้ายดำเนินอยู่ขณะนี้จึงไม่ใช่ข้อยกเว้นเพราะมันมีรากฐานส่วนหนึ่งที่มาจากศาสนาจริง ๆ แต่เนื่องจากเรื่องคริสตจักรออร์ทอดอกซ์ หรือคริสตจักรไบแซนไทน์ อันเป็นคริสตจักรที่ใหญ่เป็นอันดับสอง ในโลกนั้นคนไทยไม่ค่อยรู้จักกันนัก คริสตจักรนี้ปฏิบัติตามหลักการทางเทววิทยาที่มีการเปลี่ยน แปลงน้อยมากมาตั้งแต่สมัยศาสนาคริสต์ยุคแรก (คล้ายกับพุทธเถรวาท) ศาสนจักรนี้เชื่อว่าคริสตจักร ออร์ทอดอกซ์เป็นคริสตจักรแท้จริงเพียงหนึ่งเดียวที่ก่อตั้งโดยพระผู้เป็นเจ้า โดยสืบเนื่องมาจากศิษย์ของพระเยซูคริสต์ 5 คน คือ

1) คริสตจักรแห่งกรุงคอนสแตนติโนเปิล (กรุงอิสตันบูลปัจจุบัน) ก่อตั้งโดยนักบุญแอนดรูว์

2) คริสตจักรแห่งอเล็กซานเดรีย (อยู่ในอียิปต์ปัจจุบัน) ก่อตั้งโดยนักบุญมาระโก (มาร์ค)

3) คริสตจักรแห่งอันติออก (อยู่ที่ซีเรียปัจจุบัน) ก่อตั้งโดยนักบุญเปาโล (พอล)

4) คริสตจักรแห่งกรุงเยรูซาเล็ม ก่อตั้งโดยนักบุญเปโตร (ปีเตอร์) และนักบุญยากอบ (จาคอบ)

 5) คริสตจักรแห่งโรม ก่อตั้งโดยนักบุญเปโตรและนักบุญเปาโล

ศาสนจักรออร์ทอดอกซ์ในปัจจุบันนี้ก็มีคริสตจักรต่าง ๆ ทั่วโลกที่ปกครองตนเองที่เป็นอิสระของแต่ละประเทศประกอบด้วย 14 ผู้นำคริสตจักร ของแต่ละคริสตจักรทั่วโลกที่ปกครองตนเองที่เป็นอิสระ โดยอัครบิดรของศาสนจักรออร์ทอดอกซ์แต่ละประเทศนั้น สามารถตัดสินใจที่จะกระทำการในพิธีกรรมต่าง ๆ ได้ แต่จะไม่สามารถที่จะเปลี่ยนหลักคำสอนของนิกายออร์ทอดอกซ์ทั้งสิ้นที่มีมาแต่ดั้งเดิม เนื่องด้วยแต่ละประมุขของนิกายออร์ทอดอกซ์ของแต่ละประเทศนั้นอยู่ในวัตถุ ประสงค์เดียวกัน คือ รักษาหลักคำสอนของนิกาย ออร์ทอดอกซ์ ซึ่งต้องปฏิบัติตามเหมือนกันอย่างเคร่งครัด (ประเทศไทยเราก็มีคริสตจักรออร์ทอดอกซ์ตั้งแต่ พ.ศ.2542 เป็นต้นมา ปัจจุบันมี โบสถ์ 10 แห่ง และมีเซมินารี หรือวิทยาลัยศาสนศาสตร์คริสเตียนออร์ทอดอกซ์ 1 แห่ง) แต่ทุกศาสนจักรออร์ทอดอกซ์ก็ยังคงต้องยอมรับนับถือเชื่อฟังผู้นำหนึ่งเดียวใน 5 คริสตจักรดั้งเดิมนี้อยู่ ซึ่งเดิมผู้นำศาสนจักรออร์ทอดอกซ์อยู่ที่กรุงโรมแต่ต่อมาเมื่อกรุงโรมใกล้จะแตกให้กับพวกเยอรมันก็มีการย้ายตำแหน่งผู้นำคริสตจักรแห่งโรมจากกรุงโรมมาที่คริสตจักรแห่งกรุงคอนสแตนติโนเปิล อย่างเป็นทางการ ครั้นต่อมากรุงคอนสแตนติโนเปิลก็แตกให้กับพวกเติร์ก ทางประเทศรัสเซียก็เลยอ้างเอาเองเลยว่ารัสเซียคือโรมแห่งที่ 3 และตำแหน่งผู้นำสูงสุดทางคริสตจักรออร์ทอดอกซ์ นั้นก็ย้ายจากคริสตจักรแห่งกรุงคอนสแตนติโนเปิล มาสู่เขตอัครบิดรแห่งมอสโกและรัสเซียทั้งปวงซึ่งมิได้เป็น 1 ใน 5 คริสตจักรที่ได้รับการสถาปนาขึ้นเป็นผู้นำศาสนจักรออร์ทอดอกซ์ของโลกมาหลายร้อยปีตลอดช่วงจักรวรรดิรัสเซียแต่มาตกต่ำลงสมัยสหภาพโซเวียตที่คอมมิวนิสต์ครองเมืองเพราะคอมมิวนิสต์ถือว่าศาสนาเป็นยาเสพติด พยายามส่งเสริมให้ประชาชนเลิกนับถือศาสนาแต่ก็มิได้ขจัดศาสนาออกไปเสียเลยจนกระทั่งสหภาพโซเวียตล่มสลาย คริสตจักรออร์ทอดอกซ์จึงกลับมาเฟื่องฟูอีกในประเทศรัสเซียปัจจุบันนี้

ท่านผู้อ่านเชื่อไหมครับว่า ประธานาธิบดีปูตินเพิ่งเข้ารับพิธีศีลล้างบาป หรือพิธีบัพติศมา ซึ่งเป็นพิธีศักดิ์สิทธิ์ในศาสนาคริสต์ทำขึ้นเพื่อรับ “ผู้ที่เพิ่งศรัทธาในคริสตศาสนา” เข้าเป็นสมาชิกใหม่ของคริสตจักรเมื่ออายุ 55 ปี เพราะแต่เดิมปูตินเป็นสมาชิกพรรคคอมมิวนิสต์ ซึ่งการไม่นับถือศาสนาเป็นคุณสมบัติสำคัญของสมาชิกพรรคคอมมิวนิสต์โดยทั่วไปนั่นเอง และอัครบิดรแห่งกรุงมอสโกกับปูตินก็มีความสนิทสนมกันมากและอัครบิดรแห่งกรุงมอสโกประจบประแจงปูตินถึงขนาดประกาศว่า “สมัยของปูตินคือสมัยแห่งปาฏิหาริย์ของพระผู้เป็นเจ้า”

อีทีนี้ เมื่อปูตินส่งทหารไปบุกยึดดินแดนของยูเครนไปเมื่อ 7 ปีที่แล้วนั้น ทำให้คริสตจักรออร์ทอดอกซ์ของยูเครนหันไปสวามิภักดิ์คริสตจักรแห่งกรุงคอนสแตนติโนเปิลแทนที่จากเดิมเป็นอัครบิดรแห่งมอสโกซึ่งทำให้ทางคริสตจักรออร์ทอดอกซ์ของรัสเซียเสียหน้ามากและการบุกยูเครนของรัสเซียในปัจจุบันนี้ก็ได้รับการสนับสนุนจากศาสนจักรออร์ทอดอกซ์ของรัสเซียอย่างเต็มที่

เมื่อวันอาทิตย์ที่ 24 เมษายนที่เพิ่งผ่านมานี้เป็นวันฉลองอีสเตอร์เทศกาลสำคัญของชาวคริสต์แห่งคริสตจักรออร์ทอดอกซ์ (ซึ่งช้ากว่าอีสเตอร์ของคริสตจักรอื่นๆ เพราะใช้ปฏิทินคนละอย่าง) เป็นเทศกาลเฉลิมฉลองการฟื้นคืนพระชนม์ของพระเยซู ตามประวัติศาสตร์ของคริสเตียน พระเยซูถูกตรึงไม้กางเขนในวันศุกร์ หรือที่รู้จักกันในภาษาอังกฤษว่า “Good Friday” จากการตายในวันศุกร์ ต่อมา 3 วัน พระเยซูก็ได้ฟื้นคืนชีพในวันอาทิตย์ คือวันอีสเตอร์นั่นเองซึ่งทั้งปูตินและ ประธานาธิบดีเซเลนสกี ต่างก็เข้าร่วมพิธีฉลองวันอีสเตอร์ด้วยกันทั้งคู่ที่กรุงมอสโกและที่กรุงเคียฟตามลำดับ

ครับ! ศาสนาเป็นเครื่องมือของการเมืองมาโดยตลอด

 

ที่มา : โกวิท วงศ์สุรวัฒน์  มติชนออนไลน์