ถอดคำอภิปราย “ดร.นิยม เวชกามา” ถาม “พลเอกประยุทธ์ ไม่ใส่ใจพระพุทธศาสนา??”

วันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2566   ผม นิยม เวชกามา สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จังหวัดสกลนคร เขต2 พรรคเพื่อไทย ท่านประธานครับผมต้องขอขอบพระคุณ ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร คุณหมอชลน่าน สีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ส.ส. พรรคเพื่อไทยทั้งหมด และส.ส.พรรคฝ่ายค้านที่นำเสนอญัตติอภิปรายทั่วไปเพื่อสอบถามข้อเท็จจริง ตามมาตรา152 แห่งรัฐธรรมนูญ ที่เปิดโอกาสให้ผมได้อภิปรายญัตติตรงนี้ เพราะมันเป็นเรื่องที่ผมต้องสอบถาม พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ในส่วนเกี่ยวข้องกับพระพุทธศาสนา ในส่วนเกี่ยวข้องกับสำนักพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ท่านประธานครับ กระผมต้องสอบถามนายกรัฐมนตรี ที่ชื่อ ประยุทธ์ จันทร์โอชา ว่าตั้งแต่ท่านประยุทธ์ จันทร์โอชา เข้ามาบริหารประเทศในฐานะที่เป็นนายกรัฐมนตรีที่กำกับดูแลสำนักพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ได้สร้างความชอกช้ำเจ็บใจ สร้างรอยแผลให้กับพุทธศาสนิกชน และองค์การพระภิกษุสงฆ์ อย่างกว้างขวาง ไม่ว่าจะเป็นพระสายป่า สายชนบท สายพระในเมือง ตลออดถึงพระภิกษุสงฆ์ที่อยู่ในกรุงเทพ จนมีชาวพุทธบางกลุ่ม บางพวก กล่าวหาว่า พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา และภรรยา เป็นคนต่างศาสนา นี้คือผมต้องสอบถามท่าน นะครับ เพราะมันเป็นเรื่องที่โดยเฉพาะคนอีสาน เขาถามว่า เพิ่นนับถือศาสนาหยัง นี้คือคำถาม แล้วก็พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชาก็บอกว่า ไม่จริง ท่านก็นับถือศาสนาพุทธ แต่ว่าตลอดระยะเวลาที่ท่านเป็นนายกรัฐมนตรี 8 ปีกว่ามานี้ ท่านประธาน ผมว่า9 ปี แหละ ท่านหวังอีก 2 ปี กระผมต้องสอบถามท่านว่า ท่านได้กระทำอันเป็นบ่อนทำลายพระพุทธศาสนาหรือไม่ เป็นคำถามครับ ท่านประธาน ไม่ได้กล่าวหานะ ซึ่งโดยความเป็นจริง ท่านประธานครับ ภัยของพระพุทธศาสนามีมาตั้งแต่สมัยพุทธกาลแล้ว พระพุทธเจ้าบอกว่า มีภัยอยู่ 2 อย่าง คือ ภัยภายนอกกับภัยภายใน หรืออีกประการหนึ่งที่ผมต้องสอบถามท่านวันนี้คือ ภัยศาสนาประการที่สำคัญคือภัยจากภาครัฐ และผู้ปกครองบ้านเมือง นี้คือมันเป็นข้อเจ็บปวดต่อหัวใจ ความศรัทธาของชาวพุทธ เป็นอันมาก ผู้ปกครองคือ นายกรัฐมนตรี ซึ่งเป็นผู้มีคุณต่อประเทศชาติ พระพุทธศาสนา ผู้ปกครองต้องมีทศพิธราชธรรม คือธรรมะของผู้ครองเมือง ผู้ครองนคร 10 ประการ ซึ่งหากการบริหารบ้านเมืองของพลเอกประยุทธ์ ไม่ได้ยึดถือคุณธรรม ทศพิธราชธรรม เป็นหลักในการบริหารหรือปกครองโดยธรรม ตามที่ทางพระพุทธศาสนา เรียกว่า ธรรมาธิปไตย หรือธรรมของความถูกต้อง ยุติธรรมเป็นใหญ่ ไม่เอาประโยชน์สุขส่วนตัวมาพูดอะ โดยต้องเห็นแก่ประโยชน์สุขของประชาชนเป็นสำคัญ อันนี้คือเป็นประเด็นว่า ผมถือว่าเป็นการขับเคลื่อนให้ประเทศเจริญก้าวข้ามพ้นวิกฤต แต่ในทางกลับกัน ผู้ปกครองที่ไม่ประกอบไปด้วย ทศพิธราชธรรม มีความกักขฬะ ก้าวร้าว อยุติธรรม แสวงหาผลประโยชน์ในทางพระพุทธศาสนา ทำให้บ้านเมืองลุกเป็นไฟ พระภิกษุสงฆ์ในสังฆมณฑล ทุกข์ร้อนทุกหย่อมหญ้า

ท่านประธานครับ กระผมต้องสอบถามนายกรัฐมนตรีที่ชื่อ ประยุทธ์ ว่า กรณีนี้เป็นบ่อนทำลายพระศาสนาหรือไม่  การปฏิบัติอย่างไม่เป็นธรรม โดยเฉพาะปัญหาชาวพุทธในพื้นที่ชายแดนภาคใต้ ในปัจจุบันพระสงฆ์ และวัดในพื้นที่3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ได้แก่ ปัตตานี ยะลา นราธิวาส ถูกกระทำย่ำยีจากคนกลุ่มหนึ่ง จากการข่มขู่ ทำร้ายร่างกาย รวมไปถึงการฆ่าพระภิกษุสงฆ์  ซึ่งเรื่องนี้ได้ปรากฏว่า พระรูปหนึ่ง ซึ่งเป็นพระที่มีชื่อเสียงทำเพื่อประโยชน์ส่วนใหญ่ของชาวใต้ คือท่านพระครูประโชติรัตนานุรักษ์ เจ้าอาวาสวัดรัตนานุภาพ วัดโคกโก อ.สุไหงปาดี นราธิวาส เป็นพระธรรมทูตอาสาสมัคร  สุดท้ายถูกสังหารอย่างโหดเหี้ยมที่วัด นี้จึงเป็นประเด็นว่า ผมต้องถามนายกรัฐมนตรี วันนี้ ซึ่งท่านอาจจะไม่เห็นความสำคัญในด้านพระพุทธศาสนา แต่ไม่เป็นไร แต่ชาวพุทธในประเทศในวันนี้ 64-65 ล้านคน เนี่ย มันเป็นความเจ็บปวด  ท่านประธานครับ ผมต้องขอกราบเรียนว่า เพื่อให้เป็นไปว่าทำไมผมต้องถาม ผมมีเหตุผล 4 ประการ ที่ต้องสอบถามท่านว่า ท่านอยู่ในกระบวนการทำลายพระพุทธศาสนาหรือไม่

ประการแรก นายกไม่มียุทธศาสตร์ในการขับเคลื่อน ไม่มีความจริงใจ มาใส่ใจในงานพระพุทธศาสนา พระสงฆ์ ที่นำไปสู่การปฏิบัติอย่างเป็นรูปธรรม โดยเฉพาะปัญหาชาวพุทธในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้  ปัจจุบันพระสงฆ์ และวัดในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ดังกล่าว มีปัญหาจนพระสึก ถูกฆ่า ถูกทำลาย วัดร้างไม่มีพระอยู่อาศัย นี้คือประเด็นที่ผมต้องถามท่าน เนื่องจากเป็นเรื่องใหญ่ ท่านต้องตอบผมให้ได้ นี่คือประเด็นที่หนึ่ง  ประเด็นที่2 ไม่เคารพในหลักนิติรัฐ นิติธรรม ไร้คุณธรรม จริยธรรม ทำให้การบริหารแผ่นดินผิดพลาด ล้มเหลวบกพร่องเสียหาย อย่างร้ายแรง มีพฤติกรรมปล่อยปละละเลยให้บุคคลแวดลิ้ม พวกพ้อง แสวงหาผลประโยชน์ เสียหายต่อพี่น้องชาวพุทธ โดยละเว้นเพิกเฉย ทุจริตในภาครัฐ  ทั้งนี้เพราะประโยชน์ของตนเอง  จึงเป็นประเด็นว่า  การฉ้อโกงศาสนสมบัติกลาง ตลาดเฉลิมโลก สี่แยกประตูน้ำ ซึ่งเป็นเรื่องที่ ปปช. รับเรื่องไปแล้ว เป็นการฉ้อโกงที่ชาวพุทธเสียหายอย่างยิ่งใหญ่  ที่ดินตรงนี้ เมื่อ92 ปีก่อน เมื่อปี พ.ศ.2473 คณะสงฆ์ส่วนกลาง ได้ซื้อที่ดินทำโรงไฟฟ้า เนื้อที่ 22 ไร่ ต่อมามีการตัดถนนเพชรบุรีตัดใหม่ ผ่าน เป็น สี่แยกประตูน้ำ แผ่นดินจึงแยกเป็น ฝั่งเหนือ ฝั่งเหนือมีบริษัท เกรทไชน่า มิลเลนเนียม เช่าทำห้างสรรพสินค้า และโรงแรม อันนี้ไม่มีปัญหา แต่มีปัญหาตรงที่ฝั่งใต้  ฝั่งใต้มีจำนวน 5 ไร่ 29 งาน  มีการพัฒนาแหล่งอาคารพาณิชย์ ชื่อตลาดเฉลิมโลก  ตรงนี้ครับ ท่านประธาน สำนักพุทธศาสนาแห่งชาติเสียผลประโยชน์อย่างมหาศาล จากการลงนามของ ผอ. คนเก่า เช่าสถานที่ตลาดเฉลิมโลก เป็นบริษัท พร็อพแม็กซ์ จำกัด มูลค่า 400 ล้าน เวลา 40 ปี ทั้งๆที่อัยการสูงสุด ได้ทักท้วงแล้วว่า คู่สัญญาเดิมบางราย ซึ่งเป็นอาคารพาณิชย์ จะครบสัญญา ในปี 2568 ยังไม่หมดสัญญา ยังไม่อาจส่งมอบที่เช่าให้กับผู้เช่ารายใหม่ได้ แต่อดีตผู้อำนวยการสำนักพระพุทธศาสนาแห่งชาติก็ยังยืนยันทำสัญญาเช่าให้รายใหม่  ท่านประธานครับ พฤติกรรมแบบนี้เป็นการฉ้อโกงศาสนสมบัติกลาง ตลาดเฉลิมโลก สี่แยกประตูน้ำ เป็นการเอื้อนายทุนให้ใช้สิทธิ์ในที่ดิน มีเจตนาชัดเจน ที่นายกรัฐมนตรี ให้พรรคพวกของตัวเองเข้ามาเป็นบ่อนทำลายพระพุทธศาสนา ท่านประธานครับ มันเป็นเรื่องที่ผมต้องพูด  ส่วนประการที่3 คือการใช้ดุลยพินิจ ของนายกรัฐมนตรี เนื่องจากการศึกษาของพระสงฆ์ มีความจำเป็น มีพระราชบัญญัติ เงินค่าตอบแทนครูสอนพระปริยัติธรรม ปี2562 ออกมาแล้ว แต่ยังไม่ได้รับการจัดสรรงบประมาณ  4 ปีแล้วเงินตอบแทน เงินเดือนสำหรับผู้สอนก็ยังไม่ได้ นี่คือการไม่ส่งเสริมการศึกษาพระปริยัติธรรม ขนาดท่านเจ้าคุณพล เจ้าคุณเทพ เจ้าคณะภาค6 ต้องออกมาโต้ มาแถลงข่าว  ท่านประธานครับ ประการสุดท้าย นายกรัฐมนตรีมีพฤติกรรมที่บ่งบอกว่า บ่อนทำลายพระพุทธศาสนา และทำลายคณะสงฆ์ จนเกิดสังฆเภท   การทำให้สงฆ์แตกแยก คือการรวบอำนาจการปกครองสงฆ์โดยผ่านสำนักพระพุทธศาสนาแห่งชาติ โดยใช้กลไกสำนักพุทธศาสนาแห่งชาติย่ำยี กดขี่คอของพระสงฆ์  การใช้กลไกใส่ข้อหาทำร้าย กระทำการโดยไม่เคารพยำเกรงต่อคณะสงฆ์  เจตนาให้ประชาชนเสื่อมศรัทธาต่อคณะสงฆ์ แม้กระนั้น การออกคำสั่งของตนให้คนของตัวเอง ซึ่งตั้งเป็นผอ.สำนักพุทธ ก็เอามาเป็นที่ปรึกษาสำนักนายกรัฐมนตรี ด้านพุทธศาสนา นี่แหละมันเป็นปัญหาสืบเนื่องมา จนกระทั่งปีงบประมาณ 65 ทางกรมบัญชีกลางมีความเห็นว่าไม่ดำเนินการจ้างต่อ ก็ให้ยกเลิกสัญญาจ้างไป นายกจึงมีคำสั่งยกเลิก ผมถือว่าเป็นการย่ำยี โดยเฉพาะอย่างยิ่งความไม่ยำเกรงต่อพระสงฆ์ เป็นเรื่องที่พี่น้องประชาชนชาวพุทธได้เห็นอย่างแท้จริง กระผม ยกตัวอย่างคดีเงินทอนวัด คดีปลดเจ้าคณะจังหวัดกาฬสินธุ์ ปทุมธานี ฉะเชิงเทรา ไล่พระสงฆ์ออกจากป่า คดีที่ทำร้ายจิตใจและทำร้ายศรัทธาของชาวพุทธ อย่างการปลดพระเถระทั้ง 7 รูป ของวัดสามพระยา และวัดสระเกศ ฯ พลเอกประยุทธ์สั่งให้ตำรวจเข้าไปจับกุม แต่คดีนั้นเมื่อถึงศาลยกฟ้องหมด จนทุกวันนี้ ไม่มีการกระทำใดๆเพื่อเป็นการขอขมา ในสิ่งที่ตนเองผิดพลาด อีกทั้งยังให้สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ แจ้งจับข้อหาแต่กายเลียนแบบสงฆ์ ยังดีที่ว่าความยุติธรรมยังมีอยู่บ้าง อัยการมีความเห็นสั่งไม่ฟ้อง  แล้วใครรับผิดชอบ? ในกรณีนี้ครับ

วันนี้ ผมต้องกราบเรียนว่า วันนี้ท่านนายกประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้สำรวจดูตัวเองเสียว่า ท่านได้เคยอ่อนน้อมถ่อมตนต่อ พระรัตนตรัย หรือแม้กระทั่งพระสงฆ์ บ้างไหม มีไหมที่ผ่านมา 8 ปี ท่านมีความเห็น มีแต่ภาพที่พระสงฆ์ช่วยกันแชร์กันว่อนไปทั่วทั้งประเทศว่า เป็นภาพที่นายกรัฐมนตรี กอดไหล่กอดคอ (โอบหลัง โอบไหล่) พระสงฆ์ ท่านประธาน ที่สกลนคร ถือมากเรื่องนี้ เพื่อนกันยังไม่กล้ากอดคอพระเลย แต่ท่านนายกกอดคอพระ หรือเป็นภาพตัดต่อ นี้เป็นประเด็นที่ผมต้องถามว่า นายกรัฐมนตรีเป็นชาวพุทธ หรือไม่ ? หรือเป็นคนศาสนาไหน

ขอให้ชาวพุทธทั้งประเทศ ได้พิจารณา ถึงพฤติกรรม ที่นายกคนนี้ ได้เหยียบย่ำ และทำลายย่ำยีศักดิ์ศรีของชาวพุทธ ให้ทุกข์ตลอดมา 8 ปี เต็มๆ ในสนามเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้นต่อไปนี้ ก็เป็นเครื่องยืนยันว่า พี่น้องชาวพุทธจะสั่งถอดนายกคนนี้ออกไปโดยการใช้บัตรเลือกตั้ง สุดท้ายนี้ ผมขอฝากธรรมะของพระพุทธเจ้า  ฐาตุ จีรัง สะตัง ธัมโม  ขอให้พระสัทธรรมขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า จงสถิตมั่นชั่วนิรันดร์เทอญ  ขอบคุณมาก ท่านประธานครับ

Leave a Reply