ชาวพุทธสุดปลื้ม! “อ.บรรจบ” เผยจีนให้รัฐบาลตาลีบันฟื้นฟูพุทธศาสนสถาน

วันเสาร์ที่ 30 กรกฎาคม 2565 เฟซบุ๊ก Banjob Bannaruji – บ้านบรรณรุจิ ของ ศ.ดร.รท.บรรจบ บรรณรุจิ อาจารย์พิเศษมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัยได้โพสต์ข้อความว่า ข่าวสำคัญ ขอบคุณรัฐบาลจีน

@ จีนให้รัฐบาลตาลีบันฟื้นฟูพุทธศาสนสถาน:

รัฐบาลจีนได้รับการร้องขอจากรัฐบาลตาลีบันให้เข้าไปช่วยฟื้นฟูประเทศ รัฐบาลจีนรับปากช่วยเหลือ แต่มีเงื่อนไขว่ารัฐบาลตาลีบันต้องฟื้นฟูพุทธศาสนสถานด้วยเนื่องจากจีนต้องการพัฒนาเศรษฐกิจบนเส้นทางสายไหมใหม่พร้อมๆ กับนำพระพุทธศาสนาไปเผยแผ่ด้วย ในที่สุด รัฐบาลตาลีบันก็ยอมทำตาม แหล่งโบราณคดีทางพระพุทธศาสนาที่เห็นในภาพซึ่งกำลังได้รับการฟื้นฟูนี้คือสถูปพระพุทธศาสนาเชวัก ที่หมู่บ้าน Shewak ประเทศอาฟกานิสถาน

@ หมายเหตุ จีนทำได้ เพราะจีนมีกำลังทางเศรษฐกิจ มีอำนาจทางการเมืองโลก มีกำลังกองทัพไม่เป็นรองใคร ข้อสำคัญ ‘จีนมีใจให้พระพุทธศาสนา’

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พื้นที่อัฟกานิสถานมีโบราณวัตถุ โบราณสถานทางพระพุทธศาสนามากมายอย่างอย่างพระพุทธรูปใหญ่บามิยัน หรืออย่างเช่นที่เมืองเมสไอนักก็เพิ่งค้นพบเมื่อไม่นานมานี้ อย่างเช่นเรื่อง “พระพุทธรูปอายุ1,600ปีเมสไอนัค จ่อถูกทำลายในอัฟกานิสถานเพียบ : โดย…ผกามาศ ใจฉลาด” (https://www.komchadluek.net/kom-lifestyle/154341) ความว่า โบราณสถาน พระพุทธรูปอายุ 1,600 ปีเมืองเมสไอนัค (Mes Aynak) จ่อถูกทำลายในอัฟกานิสถานอีกเพียบ นักวิชาการเสนอชาวพุทธช่วยกันย้ายออกก่อนเปิดให้บริษัททำเหมืองแร่ในอีก 3 ปี หวั่นมรดกทางวัฒนธรรมถูกทำลายหมด

เมื่อวันที่ 2 มีนาคม 2556 ณ ห้องประชุมอาคารรัฐสภา 2 คณะกรรมาธิการการศาสนา ศิลปะและวัฒนธรรม สภาผู้แทนราษฎร สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ องค์การยุวพุทธศาสนิกชนสัมพันธ์แห่งโลก เครือข่ายองค์กรชาวพุทธ และกลุ่ม SMA (Thai Save Mes Aynak Thailand) ร่วมกันจัดอภิปราย เรื่อง “การรณรงค์พิทักษ์พุทธสถาน Mes Aynak แห่งอัฟกานิสถาน” โดยมีคณะสงฆ์ นักวิชาการ ประชาชนทั่วไปเข้าร่วมจำนวนมาก

รศ.ดร.ประกอบ จิรกิติ รองประธานคณะกรรมาธิการการศาสนาฯ เล่าว่า ในอดีตอัฟกานิสถาน เป็นดินแดนของชุมชนชาวพุทธที่เจริญรุ่งเรือง แต่ด้วยความเปลี่ยนแปลงโครงสร้างทางสังคมชาวพุทธ กลายมาเป็นสังคมต่างศาสนา ทำให้พระพุทธศาสนาและสังคมชาวพุทธถูกรุกราน ทำลายล้าง เข่นฆ่า โดยนักรบที่นับถือต่างศาสนา ทำให้พระพุทธศาสนาถูกทำลายจนเหลือแต่ซากเท่านั้น รวมทั้งที่เมสไอนัค ถึงเวลาแล้วที่ชาวพุทธจะต้องร่วมสร้างพลังศรัทธาและปัญญา สามัคคีอุปถัมภ์และคุ้มครองพระพุทธศาสนา ปกป้องพระพุทธศาสนา

พระพรหมบัณฑิต กรรมการมหาเถรสมาคม (มส.) กล่าวว่า การทำลายพระพุทธรูปทั้งหลายทั่วโลกต้องได้รับการพิทักษ์ปกป้อง พระสงฆ์ รวมทั้งนักการเมือง ประชาชน ต้องร่วมแสดงพลังเป็นหนึ่งเดียว ทำให้เสียงเรียกร้องของเราทำให้ชาวโลกหันมามอง ไม่ใช่แค่การเรียกร้องแล้วทิ้งให้องค์การใดองค์การหนึ่งทำเพียงลำพัง การปกป้องมีหลายรูปแบบ เช่น ไม่ให้ถูกทำลาย และการบูรณะสิ่งที่ถูกทำลายจะซ่อมแซมได้อย่างไร เราจะทำอย่างไรกับสิ่งที่ถูกทำลายไปแล้ว ทำอย่างไรทำให้เกิดพลังเป็นหนึ่งเดียว ปัญหาของเมสไอนัคเป็นเรื่องของผลประโยชน์ในทางเศรษฐกิจที่ไม่ควรได้มาโดยการทำลายมรดกทางวัฒนธรรม แต่ว่าถ้าเราไม่ร่วมกันปกป้องอาจจะเป็นผลร้าย โดยส่วนตัวเองขอสนับสนุนการปกป้องเมสไอนัคอย่างเต็มที่

ด้าน นาเดีย ทาร์ซี ประธานสมาคมปกป้องโบราณสถานแห่งอัฟกานิสถาน กล่าวว่า ตั้งแต่ยุคโบราณ อัฟกานิสถานเป็นสถานที่สำคัญ โดยเฉพาะเมืองคันทาระ ได้ก่อสร้าง เมสไอนัค เมืองโบราณศูนย์กลางทางพระพุทธศาสนา อายุกว่า 2,000 ปี มีวิหาร เมือง วัตถุโบราณต่างๆ เกิดอารยธรรมศิลปะ วัด ภาพวาดผนังสวยงามมาก เป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ มีพระพุทธรูปที่ผสมผสานศิลปะตะวันตกกับตะวันออก เมสไอนัค แสดงถึงวิวัฒนาการการก่อสร้างด้วยหินต่างๆ และศิลปะวิถีชีวิตชาวพุทธ ขณะเดียวกัน ยังเป็นแหล่งแร่ทองแดงที่ใหญ่มาก มีการเปิดให้ทำเหมืองแร่ต่อมาหลายศตวรรษ มีโรงหล่อเหรียญต่างๆ ก่อนที่ศาสนาอิสลามจะเข้ามาชาวพุทธย้ายออกไป วิหาร สถานที่ต่างๆ ต่อมาถูกทำลายลงไปหมด

รวมถึงมีการขุดเหมืองแร่ทำให้ เมสไอนัคถูกทำลาย ปัจจุบันยังมีโบราณสถานสำคัญที่เมสไอนัคยังรอการขุดค้นอยู่อีก แต่จะมีการทำลายเพื่อทำเหมืองแร่อีก 3 ปีข้างหน้า ดังนั้น หากสถานที่นี้ถูกทำลายเราจะไม่ได้ทราบถึงประวัติศาสตร์ของชาวพุทธแห่งนี้เลย ขณะนี้ได้ขุดพบพระพุทธรูปกว่า 100 องค์ คาดเป็นพระพุทธรูปเจ้าชายสิทธัตถะอายุกว่า 1,600 ปี บางองค์อยู่ใต้ดิน บางองค์อยู่ในน้ำ รวมถึงเศียรพระที่ยังคงเห็นแผ่นทองเคลือบอยู่ สิ่งก่อสร้างจะมีภาพวาดพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตามฝาผนังอยู่ด้วยแสดงถึงความเป็นอารยธรรม พระพุทธรูปไม้ที่หาดูยากมากยังมีสภาพสมบูรณ์ รวมถึงถ้วยชามโบราณแตกหัก

“ปัญหาในอัฟกานิสถานที่มีการขุดค้นพบโบราณสถาน เมสไอนัค ส่วนใหญ่จะถูกขโมยไปมาก เมื่อ 3 ปีที่ผ่านมารัฐบาลอัฟกานิสถานเปิดให้บริษัทนานาชาติทำเหมืองแร่ ซึ่งประเทศจีนได้รับการคัดเลือก เพราะการทำเหมืองแร่ทองแดงเป็นตัวสร้างเศรษฐกิจสำคัญให้แก่ประเทศ ถือเป็นแหล่งแร่ทองแดงที่ใหญ่เป็นอันดับ 2 ของโลก แม้จะอยู่ในช่วงชะลอการดำเนินงาน แต่จะเริ่มดำเนินการแน่นอน ดังนั้น เมืองโบราณเมสไอนัคจึงใกล้ถูกทำลายอีกครั้ง

ดิฉันขอเสนอแนวทางการปกป้อง เมสไอนัค โดยการร่วมมือกับพิพิธภัณฑ์ต่างๆ จัดนิทรรศการเมสไอนัค เพื่อเผยแพร่องค์ความรู้ การจัดการประชุม การทำวิจัยเพื่อปกป้อง เพื่อสื่อสารให้สังคมโลกรับรู้ สนับสนุนหน่วยงานด้านโบราณคดีในการย้ายโบราณวัตถุสำคัญออกไปเก็บรักษาให้ทันก่อนเปิดให้ทำเหมืองแร่ ที่สำคัญแนวทางแก้อีกอย่างคือการเสนอเมสไอนัคเป็นมรดกโลกต่อยูเนสโก แต่ทางการอัฟกานิสถานจะต้องเป็นผู้เสนอเอง ซึ่งขณะนี้ยังไม่มีการตอบรับกลับมา ดิฉันหวั่นว่ากว่าจะได้เป็นมรดกโลก เมสไอนัคคงจะถูกทำลายไปก่อน อย่างไรก็ตาม หากมีการเรียกร้องจากชาวพุทธนานาชาติ หรือให้การสนับสนุนรัฐบาลอัฟกานิสถานขนย้ายโบราณวัตถุออกไปได้ น่าจะเป็นวิธีการที่ดีกว่า” นาเดีย กล่าวในที่สุด

อย่างไรก็ตามดร.สำราญ สมพงษ์ ได้เคยรายงานเมื่อปี 2555ว่า “อัฟกันให้จีนทำเหมืองแร่ใกล้พุทธรูป สลด!อัฟกันให้จีนทำเหมืองแร่ใกล้พุทธรูปองค์ใหญ่ (https://www.komchadluek.net/amulet/140706) สร้างความสะเทือนขวัญให้กับชาวพุทธทั่วโลกมาแล้วเมื่อหลายปีก่อน เมื่อทหารตาลีบันได้ระเบิดพระพุทธรูปที่ใหญ่ที่สุดในโลกและอายุนานที่สุดที่ประเทศอัฟกานิสถาน ใกล้กับสถานที่ค้นพบธรรมเจดีย์อายุ 2 พันปี ที่จัดแสดงที่พุทธมณฑลอยู่ขณะนี้

หลังจากนั้นก็ได้มีกระแสผลักดันให้มีการอนุรักษ์โบราณสถานและโบราณวัตถุที่เป็นสมบัติของโลกไว้ให้อนุชนรุ่นหลังได้ศึกษา ไม่ว่าโบราณสถานและโบราณวัตถุจะเป็นของชาติศาสนาใด

บริเวณดังกล่าวนั้นมีโบราณสถานและโบราณวัตถุที่ทรงคุณค่าพุทธศาสนามากมาย แต่ล่าสุดทางการอัฟกานิสถานได้อนุมัติให้บริษัทเหมืองประเทศจีน ทำเหมืองขุดแร่บริเวณพื้นที่ประวัติศาสตร์ของพระพุทธศาสนา โดยให้เวลา 3 ปี ในการขนย้าย และที่ผ่านมาก็มีข่าวถูกโจรลักลอบนำไปขายอยู่บ่อยครั้ง

จากสาเหตุดังกล่าวจึงเป็นที่มาของรายงานของสำนักข่าวซีเอ็นเอ็นได้เขียนรายงานเรื่อง “อนุรักษ์หรือทำลาย…” เผยแพร่ดังเหตุการณ์ดังกล่าวผ่านทางเว็บไซต์เมื่อวันที่ 22 กันยายนที่ผ่านมา(http://edition.cnn.com/2012/09/22/opinion/afghanistan-buddha-site-mine/index.html?hpt=hp_c1) แม้นว่าจะมีกลุ่มเฟซบุ๊กได้รวมกลุ่มนามว่า “Mes Aynak awareness working group” รวมกันต่อต้านถึงการอนุบัติดังกล่าว แต่ดูเหมือนว่าจะไม่มีพลังเท่าใดหนัก
……………….
(หมายเหตุ : สลด!อัฟกันให้จีนทำเหมืองแร่ใกล้พุทธรูปองค์ใหญ่ : สำราญ สมพงษ์ รายงาน ขอบคุณภาพจากhttp://www.change.org และเฟซบุ๊ก The Buddhas of Aynak)

Leave a Reply