คณะทำงาน“ธนาคารพุทธ” ถกเดือดหลัง “กฤษฎีกา-ธปท” ตั้งป้อม “ขอเหตุผลความจำเป็น”

 วันที่ 11 ส.ค. 65  วานนี้ที่อาคารรัฐสภาชั้น 4   นายไชยา พรหมา ประธานคณะกรรมาธิการศึกษาการจัดทำและติดตามการบริหารงบประมาณ สภาผู้แทนราษฎร ในฐานะประธานคณะทำงานดำเนินการพิจารณางบประมาณ เพื่อจัดตั้งธนาคาพุทธศาสนาได้นัดประชุมคณะทำงานซึ่งมีผู้ร่วมคับคั่งอาทิ นายนิยม เวชกามา,ดร.เพชรวรรต วัฒนพงศศิริกุล,นายมานิต นพอมรบดี,ม.ล.กานตพงศ์  วรวุฒิ,ดร.เสถียร วิพรหมา, ดร.เมธาพันธ์ โพธิธีรโรจน์ เป็นต้น โดยคณะทำงานได้เชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ สำนักงานกฤษฎีกา,ธนาคารแห่งประเทศไทย,กระทรวงการคลัง,สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ มาให้ข้อมูลและความคิดเห็นเพื่อให้ธนาคารพระพุทธศาสนาเดินหน้าต่อไปได้ หลังจากก่อนหน้านี้สภาผู้แทนราษฎรส่งเรื่องไปให้ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี พิจารณาแล้ว “ตีตก” ไม่เห็นชอบ

หลังจากนายไชยา พรหมา เปิดการประชุมและให้ตัวแทนจากสำนักงานกฤษฎีกาแสดงความคิดเห็น ตัวแทนสำนักงานกฤษฎีกาได้ขอความเห็นจากที่ประชุมถึง “ความจำเป็นในการจัดตั้งธนาคารพุทธศาสนาแห่งประเทศไทย พร้อมถามถึงเหตุผลที่ต้องมี,หากไม่มีมีทางเลือกอื่นหรือไม่เนื่องจากมีธนาคารพาณิชย์อยู่แล้ว พร้อมทั้งตั้งข้อสังเกตต่อว่า การที่ให้วัดเข้ามาถือหุ้นเหมาะสมหรือไม่ชอบต่อพระธรรมวินัย หรือไม่..”

หลังตัวแทนกฤษฎีกาพูดจบประธานที่ประชุมท้วงว่า การประชุมครั้งที่แล้วสำนักงานกฤษฎีกาส่งมาคนมา ทางคณะทำงานขอความกรุณาให้ไปทำงานการบ้านเปรียบเทียบ “ธนาคารอิสลาม”กับ “ร่าง พ.ร.บ. ธนาคารพุทธ” มีความสอดคล้องหรือต่างกันอย่างไรบ้าง มิไช่มาตั้งคำถามหรือตั้งป้อมสร้างเงื่อนไขแบบนี้ แบบนี้มันจะเดินหน้าต่อไม่ได้

นายนิยม เวชกามา รองประธานคณะทำงาน พรรคเพื่อไทย พูดด้วยความเดือดว่า ตัวแทนสำนักงานกฤษฎีกาต้องไม่ตั้งกำแพงแบบนี้ มันต้องหาทางออกร่วมกัน วันนี้เชิญมาเพื่อให้มาตั้งข้อสังเกตและมาแนะนำการจัดตั้งเหมือนกับธนาคารอิสลาม มิใช่มาตั้งป้อมกำแพงแบบนี้ เนื่องจากร่าง พ.ร.บ.ธนาคารพุทธศาสนา มันเลยขั้นตอนนั้นมาแล้ว ผ่านการพิจารณาร่วมกันหลายฝ่ายแล้ว รวมทั้งผ่านฝ่ายนิติกรสภาผู้แทนราษฎรด้วย เพียงแต่ว่าที่มันติดขัดเนื่องจาก นายกรัฐมนตรี ไม่เห็นด้วย เพราะตามกฎหมาย การจะเสนอกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับงบประมาณแผ่นดิน มันต้องให้คณะรัฐมนตรีหรือนายกรัฐมนตรีเห็นชอบ จึงขอให้ฝ่ายกฤษฎีกาไปทำการบ้านมาใหม่ ให้ตั้งข้อสังเกตมาเป็นรายมาตรา เพื่อให้ธนาคารพุทธเดินหน้าต่อไปได้

ส่วน ดร.เพชรวรรต วัฒนพงศศิริกุล ได้ขอให้ตัวแทนจากหน่วยงานภาครัฐร่วมกันผลักดันเรื่องนี้ในฐานะที่เป็นชาวพุทธด้วยกัน เนื่องจากการลงพื้นในฐานะรองประธานคณะกรรมาธิการศาสนาและศิลปวัฒนธรรม มีพระสงฆ์และชาวพุทธจำนวนมากต้องการธนาคารพุทธศาสนา พร้อมทั้งถามว่า ธนาคารศาสนาอื่นทำไมมีได้  ทำไมประเทศไทยจึงมีธนาคารชาวพุทธของเราไม่ได้  ทั้ง ๆที่หากมีแล้วเกิดประโยชน์ทั้งต่อภาครัฐและพระพุทธศาสนาในประเทศไทย รวมทั้งคณะสงฆ์ด้วย

ในขณะที่ตัวแทนจากธนาคารแห่งประเทศไทยที่มาร่วมประชุม ขอดูวัตถุประสงค์ในการจัดตั้งเช่นกัน ส่วนกระทรวงการคลัง ได้ให้ข้อมูลเกี่ยวกับธนาคารของรัฐเฉพาะกิจที่มีอยู่ 7 แห่ง อาทิ ธกส.ธอส.ออมสิน, เป็นต้น

ในขณะที่ ดร.เสถียร วิพรหมา และ  ดร.เมธาพันธ์ โพธิธีรโรจน์ ได้เล่าถึงปมหลังในการจัดตั้งธนาคารพุทธศาสนาที่ผลักดันมาร่วม 20 ปีมาแล้ว แต่ไม่ประสบความสำเร็จเนื่องด้วยปัจจัยหลายประการทั้งเกิดจากการเมือง,คณะสงฆ์และความไม่เข้มแข็งขององค์กรชาวพุทธ

หลังจากนั้นบรรยากาศในห้องประชุมเริ่มผ่อนคลาย มีคณะทำงานรวมทั้งตัวแทนจากหน่อยงานร่วมแสดงความคิดเห็นอย่างกว้างขวาง

สรุปท้ายประธานที่ประชุมได้ฝากการบ้านให้สำนักงานกฤษฎีกาช่วยตั้งข้อสังเกตเป็นรายมาตรา พร้อมกับขอให้ส่งเจ้าหน้าที่อย่าให้ซ้ำหน้า เพราะมันไม่ต่อเนื่องในการให้ข้อมูล ในขณะที่ประชุมเห็นชอบให้เพิ่มคณะทำงานอาทิ นายวิสาร เตชะธีราวัฒน์  นายพิศิษฐ์ ลีลาวชิโรภาส  ดร.สำราญ สมพงษ์ และ นายอุทัย มณี เข้ามาเสริมคณะทำงาน เพื่อขับเคลื่อนในการจัดตั้งธนาคารพุทธศาสนาแห่งประเทศไทยต่อไป

สำหรับร่าง พ.ร.บ. ธนาคารพุทธศาสนาแห่งประเทศไทย ปัจจุบันมี 3 ร่าง คือ ร่าง พ.ร.บ.ธนาคารพุทธศาสนา ที่เสนอโดย นายนิยม เวชกามา จากพรรคเพื่อไทย,ร่าง พ.ร.บ.ธนาคารพุทธศาสนา เสนอโดย นายนพดล แก้วสุพัฒน์ จากพรรคท้องถิ่นไทย และร่าง พ.ร.บ.ธนาคารพุทธศาสนา เสนอโดย นางพรเพ็ญ บุญศิริวัฒนกุล พรรคเพื่อไทย โดยทุกร่างประกอบด้วย 8 หมวด 50 มาตรา พร้อมมีบทวิเคราะห์สรุปสาระสำคัญในแต่ละร่างประกอบการพิจารณา

Leave a Reply