เจ้าคณะกทม.ปิดโครงการอบรมเสริมความรู้และปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐานแก่พระนวกะวัดสารอด

เมื่อวันที่ ๑๗ สิงหาคม ๒๕๖๕ พระธรรมวชิรมุนี วิ. กรรมการมหาเถรสมาคม เจ้าคณะกรุงเทพมหานคร เดินทางไปเป็นประธานปิดโครงการอบรมเสริมความรู้และปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐานแก่พระนวกะในพรรษา ณ วัดสารอด เขตราษฏร์บูรณะ สำนักปฏิบัติธรรมประจำจังหวัด กรุงเทพมหานคร แห่งที่ 61 โดยมี พระศรีธีรพงศ์, ดร. เจ้าคณะเขตราษฏร์บูรณะ เป็นผู้กล่าวถวายรายงาน สรุปผลการดำเนินการโครงการว่า รู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่ง ที่พระเดชพระคุณฯ ได้เมตตามาเป็นประธานในพิธีปิดโครงการอบรมเสริมความรู้และปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐานแก่พระนวกะภายในพรรษา ของคณะสงฆ์เขตราษฎร์บูรณะและคณะสงฆ์เขตทุ่งครุ ประจำปี ๒๕๖๕ มอบเกียรติบัตรแก่พระสังฆาธิการผู้ให้การอุปถัมภ์และมอบวุฒิบัตรแก่พระนวกะและสามเณรผู้ผ่านการอบรม รวมถึงอุบาสกอุบาสิกาวัดสารอด ที่ได้เข้าร่วมโครงการในครั้งนี้ การนี้เกล้าฯ ขออนุญาตกล่าวถวายรายงานถึงหลักการเหตุผลและวัตถุประสงค์ของการจัดโครงการฯ ดังกล่าว พอสังเขปดังต่อไปนี้

คณะสงฆ์เขตราษฎร์บูรณะและคณะสงฆ์เขตทุ่งครุ ได้ร่วมกันจัดโครงการอบรมเสริมความรู้และปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐานแก่พระนวกะภายในพรรษา เขตราษฎร์บูรณะและเขตทุ่งครุ ประจำปีพุทธศักราช ๒๕๖๕ สืบเนื่องจากคณะสงฆ์กรุงเทพมหานคร เจ้าคณะกรุงเทพมหานคร มีนโยบายให้เจ้าคณะเขตในเขตปกครองคณะสงฆ์กรุงเทพมหานคร ดำเนินการจัดโครงการอบรมเสริมความรู้และปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐานแก่พระนวกะภายในพรรษา ประจำปีพุทธศักราช ๒๕๖๕ ซึ่งโครงการดังกล่าวนี้เป็นโครงการที่คณะสงฆ์กรุงเทพมหานครได้ถือปฏิบัติมาเป็นประจำปีทุกๆ ปี อันเป็นการรักษาประเพณีอันดีงามนี้ไว้ ที่สำคัญคือเป็นการเปิดโอกาสให้กุลบุตรผู้เข้ารับการอุปสมบทเป็นพระภิกษุได้รับความรู้ทางพระพุทธศาสนา เช่น คำสอนในทางพระพุทธศาสนา การปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐาน ประวัติพระพุทธศาสนา และศาสนพิธี เป็นต้น โดยเน้นหลักพระปริยัติธรรมและวิปัสสนากรรมฐานเป็นสำคัญ

คณะสงฆ์เขตราษฎร์บูรณะและคณะสงฆ์เขตทุ่งครุ ได้ตระหนักและเห็นความสำคัญดังกล่าว จึงได้ดำเนินการสำรวจพระนวกะในเขตปกครองที่ยังไม่พ้นนิสัยมุตตกะ รวมถึงสามเณรในแต่ละวัด เพื่อเข้าร่วมโครงการดังกล่าว พร้อมทั้งได้เชิญชวนพุทธศาสนิกชนที่สนใจให้ได้มีโอกาสเข้าร่วมโครงการอบรมตามโครงการดังกล่าวด้วย โดยมีวัตถุประสงค์ที่สำคัญในการจัดโครงการดังต่อไปนี้

๑. เพื่อให้ผู้เข้ารับการอบรมได้ศึกษาหลักธรรมทางพระพุทธศาสนา
๒. เพื่อให้ผู้เข้ารับการอบรมได้ปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐาน ตามหลักมหาสติปัฏฐาน ๔
๓. เพื่อสร้างจิตสำนึกในการเป็นศาสนทายาทสืบทอดอายุพระพุทธศาสนา
๔. เพื่อเป็นประโยชน์ในการเผยแผ่พระพุทธศาสนา
การอบรมในครั้งนี้ มีผู้เข้ารับการอบรม ประกอบด้วย

พระนวกะเขตราษฎร์บูรณะ จำนวน ๓๖ รูป
สามเณรเขตราษฎร์บูรณะ จำนวน ๑๒ รูป
พระนวกะเขตทุ่งครุ จำนวน ๒๒ รูป
อุบาสกอุบาสิกาวัดสารอด จำนวน ๓๙ คน
รวมผู้เข้ารับการอบรมทั้งสิ้น จำนวน ๑๐๙ รูป/คน
กำหนดจัดอบรม ณ ศาลาอุดมธรรมสภา สำนักปฏิบัติธรรมประจำจังหวัดแห่งที่ ๖๑ ของกรุงเทพมหานคร วัดสารอด แขวงราษฎร์บูรณะ เขตราษฎร์บูรณะ กรุงเทพมหานคร ตั้งแต่วันที่ ๑๓ สิงหาคม ถึง ๑๗ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๖๕ รวม ๕ วัน ในวันเปิดโครงการได้รับความเมตตาอย่างสูงยิ่งจากพระเดชพระคุณพระธรรมวชิรเมธี เจ้าคณะภาค ๑ วัดหงส์รัตนาราม เดินทางมาเป็นประธานในพิธีและกล่าวให้โอวาท วิธีการดำเนินการในแต่ละวันประกอบไปด้วยการฟังบรรยายจากวิทยากรผู้ทรงความรู้ในชั่วโมงแรก จากนั้น พระวิปัสสนาจารย์ได้นำปฏิบัติวิปัสสนากรรมตามหลักมหาสติปัฏฐาน ๔ เป็นเวลา ๒ ชั่วโมง และในตอนท้ายของการอบรมแต่ละวันมีการทำวัตรสวดมนต์เย็น

ผลที่ได้รับจากการจัดโครงการดังกล่าวนี้ มีดังต่อไปนี้
๑. ทำให้ผู้เข้ารับการอบรมได้ศึกษาหลักธรรมทางพระพุทธศาสนา
๒. ทำให้ผู้เข้ารับการอบรมได้ปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐาน ตามหลักมหาสติปัฏฐาน ๔
๓. ได้สร้างจิตสำนึกในการเป็นศาสนทายาทสืบทอดอายุพระพุทธศาสนา
๔. เป็นประโยชน์ในการเผยแผ่พระพุทธศาสนา

อนึ่ง การจัดโครงการในครั้งนี้ ได้รับการอุปถัมภ์ด้านสถานที่สำหรับจัดโครงการและการอำนวยความสะดวกด้านอื่นๆ จากพระครูปลัดอดิศักดิ์ วชิรปญฺโญ ดร. เจ้าอาวาสวัดสารอด ประธานมูลนิธิโพลวพลือ (ทางสว่าง) พร้อมด้วยพระภิกษุสามเณรเจ้าหน้าที่และอุบาสกอุบาสิกาวัดสารอด อีกทั้งยังได้รับความอุปถัมภ์จากเจ้าคณะพระสังฆาธิการภายในเขตปกครองคณะสงฆ์เขตราษฎร์บูรณะ คณะสงฆ์เขตทุ่งครุ และผู้มีจิตศรัทธาทั่วไป

Leave a Reply