“ณพลเดช” แนะ “เสี่ยเฮ้ง” สร้างศักยภาพแรงงานด้วย “วัดไทย” ในตะวันออกกลาง พร้อมแนะไอเดียแบบวัดศรีลังกา

วันที่ 25 ต.ค. 2565 ที่วัดมหาเมฟนาวา (Mahamevnawa) เมืองอัลซัตวา นครดูไบ สาธารณรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ดร.ณพลเดช มณีลังกา หรือ ดร.ปิง อนุกรรมาธิการพิจารณาด้านพระพุทธศาสนาและศาสนาอื่นๆ และเลขานุการประจำคณะกรรมาธิการดำเนินการพิจารณางบประมาณเพื่อการจัดตั้งธนาคารพระพุทธศาสนา สภาผู้แทนราษฎร ได้เปิดเผยว่าจากที่ได้รับข้อมูลเรื่องแรงงานไทย ที่ต้องต่อสู้กับแรงงานต่างชาติในพื้นที่ตะวันออกกลาง โดยเฉพาะนครดูไบ มีความเดือดร้อนเรื่องรายได้ไม่เพียงพอ ด้วยการเติบโตจากเศรษฐกิจของดูไบ เติบโตเร็วกว่าไทยมาก เป็นเมืองสร้างความร่ำรวยจากน้ำมันและเริ่มขยายมาสู่การเงินและการท่องเที่ยวแล้ว หลายประเทศที่เป็นกลุ่มแรงงานต่างมุ่งมาหางาน เกิดการกดค่าแรงจากนายจ้างจากแรงงานผู้ได้รับความเดือดร้อนได้เล่าว่า แรงงานไทยจำนวนมากต่างกลับเมืองไทย โดยในอดีตค่าแรงเพียงสองหมื่นต่อเดือนก็เพียงพอ แต่ปัจจุบันค่าแรงเพิ่มขึ้นถึงห้าหมื่นก็ไม่เพียงพอ เพียงค่าเช่าบ้านก็ร่วมสองหมื่นบาทเข้าไปแล้ว สุดท้ายหลายคนก็หันหน้ากลับบ้านสู่เมืองไทยกันหมดแล้ว

ดร.ณพลเดช กล่าวว่า จากกรณีดังกล่าว ตนได้สอบถามจาก Mr.Chami แรงงานชาวศรีลังกา ได้เล่าให้ฟังว่า ในนครดูไบมีชาวศรีลังกา อยู่เป็นจำนวนมาก และยิ่งนานก็ยิ่งมีแรงงานศรีลังกา มาสู่ดูไบมากขึ้น สิ่งที่เป็นปัจจัยและทำให้พวกเขาอยู่ทำงานได้ดีก็คือวัดพุทธศรีลังกาในดูไบ เมื่อเป็นทุกข์ก็ไปสวดมนต์ทำทานนั่งสมาธิเป็นการสร้างขวัญและกำลังใจ รู้แหล่งรายได้ที่ดีจากแรงงานศรีลังกาด้วยกัน ทำให้พวกเขาไปร่วมทำบุญกันเป็นประจำ ทำให้ตนสนใจ จึงได้เข้าไปศึกษางานที่วัดมหาเมฟนาวาซึ่งเป็นวัดพุทธเพียงแห่งเดียวในดูไบ ปรากฏว่าเมื่อไปถึงสภาพไม่เหมือนวัดเป็นเพียงแต่คล้ายๆ บ้าน พบกับประชาชนชาวศรีลังกาจำนวนมากมาร่วมทำบุญตั้งแต่เช้าจรดเย็น ทราบว่าชาวพุทธศรีลังกาอาศัยอยู่ที่นี่มานานหลายสิบปีแล้ว ในปี 2009 วัดแห่งแรกเปิดอย่างเป็นทางการตั้งอยู่ที่เมืองอัลซัตวา (Al Satwa) เป็นองค์กรที่ก่อตั้งขึ้นในปี ค.ศ 1999 ในประเทศศรีลังกา โดยการนำของพระคิริบาธโกดา กันนันดาเถระ โดยมีจุดประสงค์แบ่งปันคำสอนของพระพุทธเจ้าให้ชาวโลกได้รู้จัก ทั้งนี้วัดดังกล่าวยังมีสาขากว่า 40 สาขาในศรีลังกา และยังมีสาขาต่างประเทศเช่น UAE ออสเตรเลีย อิตาลี เกาหลีใต้ อังกฤษ สหรัฐอเมริกา แคนาดา เยอรมนี และอินเดีย

ดร.ณพลเดช กล่าวต่อไปว่า จากที่สืบทราบพบว่าไม่มีวัดไทยในดูไบเลย ตนอยากแนะนำให้กระทรวงแรงงาน โดยนายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ควรประสานงานกับสำนักพุทธ กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงวัฒนธรรม เพื่อผลักดันวัดพุทธให้เกิดในนครดูไบและภูมิภาคตะวันออกกลางด้วย จะเป็นขวัญและกำลังใจกับแรงงานไทยที่มาทำงานต่างประเทศแบบศรีลังกา อีกทั้งเพิ่มความเหนียวแน่นให้กับประชาชนเพิ่มขีดความสามารถในการทำงานในต่างประเทศ อีกทั้งยังจะต่อยอดไปถึงการศึกษา วิสัยทัศน์ และการเงินสู่ประเทศไทยและยังเผยแพร่วัฒนธรรมประเพณีไทยอันดีงามสู่ตะวันออกกลาง ซึ่งหากกระทรวงแรงงานเพียงแต่ส่งแรงงานไปต่างประเทศแต่ไม่มีการสนับสนุนกำลังใจ ก็มีแต่ส่งแรงงานมาแล้วก็ต้องกลับประเทศเหมือนเดิม เป็นผลเสียต่อการต่อสู้ทางแรงงานไทยในเวทีโลก