เมื่อวันที่ 7 พฤศจิกายน 2565 นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย เปิดเผยว่าตามที่รัฐบาล และกระทรวงมหาดไทยรวมถึงหน่วยงานด้านความมั่นคงได้ประกาศทำสงครามกับยาเสพติด ซึ่งที่ผ่านมาทุกภาคส่วนได้เพิ่มระดับความเข้มข้นการปฏิบัติการ รวมถึงบูรณาการการทำงานในระดับอย่างที่มีการปรากฎในข่าว จนเป็นเกิดผลงานที่เป็นที่ประจักษ์สู่สายตาสาธารณชน มาโดยตลอด แต่อย่างไรก็ตามกระทรวงมหาดไทย รวมถึงหน่วยงานภาคีเครือข่าย ยังคงมีความมุ่งมั่นที่จะเนินการในทุกพื้นที่อย่างเข้มข้นต่อไป ในทุกมิติ ด้วยหลักคิด Change for Good และหลักการทำงานเชิงรุก โดยใช้หลักการกลไก 3 5 7 (3 ระดับ 5 กลไก 7 ภาคีเครือข่าย) มาเป็นกลไกสำคัญในการบูรณาการในการขับเคลื่อนปฏิบัติการขจัดยาเสพติดให้สิ้นซากอย่างมีประสิทธิภาพ ในวันนี้ได้รับรายงานผลการปฏิบัติมากโดยมีตัวอย่างการปฏิบัติการที่น่าใจโดยเฉพาะดัานการป้องกัน และด้านการบำบัดฟื้นฟู จึงขอยกส่วนหนึ่งมาเป็นกรณีตัวอย่าง ได้แก่
1. คลินิคบำบัดผู้ป่วยยาเสพติดเคลื่อนที่ของจังหวัดกระบี่ โดยนายพุฒิพงศ์ ศิริมาตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดกระบี่ ได้ทำการคัดกรองกลุ่มเสี่ยงยาเสพติด ซึ่งพบว่ามีผู้ป่วยทั้งที่มีอาการรุนแรงและไม่รุนแรง (สีเหลือง/เขียว) โดยหลังจากได้คัดกรองและแยกประเภทแล้วได้นำตัวผู้ป่วยที่มีอาการรุนแรง (สีแดง) ส่งตัวไปบำบัดที่โรงพยาบาลธัญญารักษ์ จังหวัดสงขลา ผู้ป่วยอาการไม่รุนแรง จังหวัดกระบี่ได้จับมือกับสมาคมนิสิตเก่าจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย จังหวัดกระบี่ จัดทำโครงการ “กระบี่สีขาว” โดยสมาคมนิสิตเก่าจุฬาลงกรณ์ฯ จะจัดทีมแพทย์ พยาบาล นักจิตวิทยา และจิตอาสา เพื่อทำการบำบัดรักษา ซึ่งมี น.พ.สมเกียรติ กิจธรรมเชษฐ์ (นิสิตเก่าจุฬาคณะแพทยศาสตร์) เป็นหัวหน้าโครงการในส่วนของจังหวัดกระบี่ จะนำผู้ป่วยเข้าสู่กระบวนการบำบัด โดยให้บริการทุกอำเภอทุกพื้นที่ สัปดาห์ละ 3 วัน (วันจันทร์ วันพุธ และวันพฤหัสบดี) ในแต่ละวันจะบำบัดได้ 30 คน ซึ่งแต่ละคนจะใช้เวลาบำบัดประมาณ 3 – 4 ครั้ง ทั้งนี้ ระบบการบำบัดดังกล่าวจะเริ่มต้นที่ศาลาประชาคม อำเภอเมืองกระบี่ ในวันนี้ (7 พ.ย. 65) เวลา 13.00 – 16.00 น.
ต่อมา โครงการวัดสีขาวของจังหวัดปราจีนบุรี ในวันนี้ (7 พ.ย. 65) นายเสฏฐวุฒิ วงศ์เลอวุฒิ นายอำเภอบ้านสร้าง พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง และสมาชิก อส. ลงพื้นที่วัด จำนวน 4 แห่ง เพื่อป้องปรามการแพร่ระบาดของยาเสพติดในวัด และมุ่งเน้นทำนุบำรุงพระพุทธศาสนาในพื้นที่ เสริมความเข้มแข็งของชุมชนตามหลักการทำงานด้วยพลัง บ ว ร (บ้าน วัด ราชการ) ให้เป็นเสาหลักและพลังในการร่วมต่อต้าน และขจัดปัญหายาเสพติดในพื้นที่ โดยผลการตรวจหาสารเสพติดภายใต้เงื่อนไขความยินยอมของคณะสงฆ์ ตลอดจนลูกวัด ผลการปฏิบัติ ไม่พบสารเสพติดในร่างกายแต่อย่างใด
นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าวต่อว่า สำหรับการดำเนินการกวดขัน ป้องปราม จัดระเบียบสังคม รวมถึงการจับกุมผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดนั้น ไม่ได้ลดหลั่นความเข้มข้นแต่อย่างใด ยังคงมีการปฏิบัติการที่ต่อเนื่องและจริงจังในทุกพื้นที่ ซึ่งได้รับความร่วมมือจากพี่น้องประชาชนในทุกพื้นที่เป็นอย่างดีในการแจ้งเบาะแส ซึ่งทำให้เจ้าหน้าที่สามารถขยายผล และทำการจับกุมผู้กระทำความผิดมาดำเนินคดีได้อย่างต่อเนื่อง
ปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าวเพิ่มเติมว่า นอกจากนี้ ยังมีอีกหลายพื้นที่ได้ทำงานเชิงรุกเพื่อร่วมกันยับยั้ง ขจัดภัยจากยาเสพติด เช่น การปล่อยแถวปฏิบัติการปิดล้อมตรวจค้น ระดมกวาดล้างยาเสพติดในหลายพื้นที่ การแข่งขันกีฬาต้านยาเสพติดที่จังหวัดตรัง เพื่อให้ประชาชน เด็กและเยาวชนใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์ รวมถึงการ Re X-Ray ตรวจค้นหาสารเสพติดในปัสสาวะของบุคลากรภาครัฐอย่างต่อเนื่อง เป็นต้น ซึ่งเป็นเพียงส่วนน้อยของการดำเนินการทั้งหมด จึงขอให้พี่น้องประชาชนมั่นใจการทำงานของกระทรวงมหาดไทย หน่วยงานด้านความมั่นคง และภาคีเครือข่ายทุกภาคส่วนในการเอาจริงเอาจัง มุ่งมั่นที่จะขจัดภัยของยาเสพติดให้หมดสิ้นไป และขอเชิญชวนเป็นหูเป็นตา เป็นตัวแทนของเจ้าหน้าที่ในการช่วยสอดส่องดูแลให้สังคมอยู่อย่างสงบเรียบร้อย ทั้งนี้ หากพบเห็นเบาะแส หรือ บุคคลผู้มีพฤติกรรมเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติด หรือ อาจเป็นภัยต่อสังคมโดยรวม วอนอย่านิ่งเฉย ขอให้เร่งแจ้งเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง หรือเจ้าหน้าที่ตำรวจในพื้นที่ หากไม่สะดวก ขอให้แจ้งสายด่วน 191 หรือ สายด่วนศูนย์ดำรงธรรมที่หมายเลข 1567 โทรฟรี ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อร่วมกันขับเคลื่อนไปสู่สังคมไทยที่ปลอดยาเสพติดอย่างแท้จริงและยั่งยืนตลอดไป
Leave a Reply