ปัญหาที่ดินวัด และทางออก??

หลายเดือนมานี้มีโอกาสไปนั่งร่วมประชุมกับคณะอนุกรรมาธิการพระพุทธศาสนาและศาสนาอื่น ๆ ในสภาผู้แทนราษฎร สถาบันสงฆ์เราที่ว่ากันว่ามีอยู่ประมาณ 3 แสนรูป มีวัดกว่า 4 หมื่นวัด ไม่นับร่วมสำนักสงฆ์ ที่พักสงฆ์ที่กระจัดกระจายอยู่อีกหลายหมื่นแห่ง ซึ่งเป็นที่น่าสังเกตระยะหลายปีมานี้ จำนวนพระภิกษุลดน้อยลง แต่จำนวนวัด สำนักสงฆ์ และที่พักสงฆ์ กลับเพิ่มขึ้น

เดิมทีคิดว่าเมื่อเข้าไปแล้วจะเจอปัญหาการร้องเรียนเรื่องพฤติกรรมพระสงฆ์ เรื่องการปรับปรุงกิจการพระพุทธศาสนาหรือเกี่ยวข้องกับการศึกษาของพระสงฆ์

แต่ผ่านไปหลายเดือน ความคิดนี้ผิดคาด

“ปัญหาที่ดินวัด” คือ ปัญหาใหญ่และปัญหาหลักที่ได้รับการร้องเรียนจากเจ้าอาวาสและวัดที่ให้คณะอนุกรรมาธิการพระพุทธศาสนา ฯให้ช่วยไปแก้ไขมากที่สุด

ทุกครั้งที่ประชุม มีแต่ปัญหาที่ดินวัด

วัดบางวัดตั้งมานับร้อยปียังไม่มีโฉนดที่ดิน,บางวัดอยู่ในเขตอุทยานบ้างเขตป่าไม้บ้าง,เขตสปก.หรือแม้ที่ราชพัสดุและที่ดินสาธารณะประโยชน์

สิ่งที่แปลกใจอย่างมากคือ..มหาเถรสมาคมและคณะสงฆ์เจ้าคณะปกครอง “ทำอะไรอยู่”

ไม่แก้ไขปัญหาที่เป็นพื้นฐานเหล่านี้

ทำไหมไม่ประกาศให้เป็น “วาระแห่งชาติ” ใช้อำนาจของมหาเถรสมาคมให้สำนักงานพระพุทธศาสนาเป็น “แม่งาน” สำรวจวัดทั่วประเทศที่ยังไม่มีโฉนด ออกเป็น “โฉนดวัด” ให้ถูกต้อง โดยเชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาร่วมถกปมปัญหาและทางออกร่วมกัน

เพราะเท่าที่ฟังและร่วมแก้ไข หน่วยงานภาครัฐไม่ว่าจะเป็น “กรมที่ดิน” หรือหน่วยงานรัฐอื่น ๆ ที่ถือครองที่ดินทั้งอุทยาน ราชพัสดุ,สปก.,ป่าไม้ ,ที่ดินสาธารณะ (กระทรวงมหาดไทย),การรถไฟ

พร้อมที่จะช่วยอำนวยความสะดวก..ในฐานะชาวพุทธ เว้นบางกรณี พระเราทำผิดข้อตกลง เช่นไปขุดดินไปขายบ้าง ไปทำลายหินงอกภายในถ้ำบ้าง แบบนี้ “ตัวใครตัวมัน”

หรือมีบางวัดบางแห่ง ตั้งอยู่ในเขตอุทยานหรือเขตป่าไม้ หรือ สปก..ทางหน่วยงานอาจมอบที่ดินให้ 200 ไร่ เพื่อช่วยดูแลรักษาเจ้าอาวาสบางวัด เกิด “โลภ” ขอเพิ่มเป็น 1,000 ไร่แบบนี้ก็มี

“ผู้เขียน” แอบถามหน่วยงานรัฐบางแห่งบอกว่า “บางวัด” ที่อนุญาตไป 100 ไร่ แต่ขอเพิ่มเป็น 500 ไร่ เพราะไปปลูกยางพารา หรือทำอย่างอื่น ๆ เพื่อหารายได้เข้าวัดก็มี ซึ่งแบบนี้แม้จะมีน้อย แต่ก็เป็นแอบอย่างที่ไม่ดี “เอาเปรียบ” ส่วนรวมเกินไป

“ที่พักสงฆ์” ปัญหาใหญ่ที่คณะอนุกรรมาธิการศาสนาได้แก้ไขบ้างแล้วจาก 1 หมื่นกว่าแห่ง เท่าที่ทราบได้ประมาณ 9 พันกว่าแห่ง ที่เข้าไปอยู่ในเขตป่าสงวนบ้าง เขตอุทยานบ้าง หรือไม่ก็เขต สปก.

โดยประสานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อบรรเทาให้พระคุณเจ้าได้อยู่ในที่ดินของรัฐ หากจำไม่ผิดแห่งละ 15 ไร่

ไม่รู้คณะสงฆ์ รับรู้ผู้อยู่เบื้องหลัง “ปิดทองหลังพระ” ที่ทำให้พวกท่านอยู่ในเขตที่ดินของรัฐได้ คือ

คณะอนุกรรมาธิการพระพุทธศาสนาและศาสนาอื่น ๆ  สภาผู้แทนราษฎร

แม้กระทั้ง “วัดร้าง” บางแห่งชาวบ้านไปออกโฉนดทับ ชาวบ้านเข้าไปอาศัย “อ้างอยู่นาน”  สำนักงานพุทธ ฯและพระภิกษุก็ไม่รู้จะทำอย่างไร ก็อาศัยคณะอนุกรรมาธิการชุดนี้เข้าไปช่วยเป็น “ตัวกลาง” เจรจาให้ เพราะบางแห่งหากฟ้อง “ศาล” ชาวบ้านแพ้วัดยันค่ำ เพราะเป็นที่ “ธรณีสงฆ์”

เรื่องแบบนี้ “มหาเถรสมาคม” คณะสงฆ์ฝ่ายปกครองที่มี “สมเด็จพระพุฒาจารย์” เจ้าคณะใหญ่หนตะวันออก ต้องคิดและทำ หากท่านคิดและทำ แม้ที่ดินของวัดไตรมิตรที่ “เขาใหญ่” ที่มีข่าวว่ามีปัญหา ก็อาจมีทางออกได้ด้วย..

ปัญหาที่ดินวัดที่คณะสงฆ์ปล่อยปละละเลยมานานกลายเป็น “ดินพอกหางหมู”

มหาเถรสมาคม หน่วยงานที่เกี่ยวข้องถึงเวลา..สะสางแล้วครับ..

 

 

ภาพ : คณะอนุกรรมาธิการพระพุทธศาสนาและศาสนาอื่น ๆ

Leave a Reply