“เพชรวรรต” จี้ “บิ๊กตู่” ตรวจสอบ แม้รองแม่ทัพภาคที่ 4 แจงไม่ได้เปิดมัสยิดในค่ายทหาร

เมื่อวันที่ 2 เมษายน 2566 นายเพชรวรรต วัฒนพงศศิริกุล อดีตรองประธานคณะกรรมาธิการการศาสนา ศิลปะและวัฒนธรรม สภาผู้แทนราษฎร และว่าที่ผู้สมัคร สส. แบบบัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงจากการที่พลตรี ปราโมทย์ พรหมอินทร์ รองแม่ทัพภาคที่ 4 และโฆษกกองทัพภาคที่ 4 ระบุแม่ทัพภาคที่ 4 ได้สั่งการให้ทำการตรวจสอบข้อเท็จจริงแล้วพบว่า การก่อสร้างอาคารดังกล่าวเป็นเพียงสถานที่ในการประกอบศาสนกิจเพื่ออำนวยความสะดวกแก่กำลังพลและครอบครัวที่นับถือศาสนาอิสลามเท่านั้น โดยมิได้จดทะเบียนเป็นมัสยิด และไม่มีคณะกรรมการประจำมัสยิดนั้น

นายเพชรวรรต กล่าวว่า จากการที่ได้มีการเสนอข่าวทางสถานีกองทัพบกช่อง 5 โดยมีเนื้อข่าวดังนี้ “ผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารบก ได้มีการเปิดมัสยิด สมันตรัฐบุรินทร์ เกรียงไกรภายใน กองพันทหารราบที่ 2 กรม ทหารราบที่ 5 จังหวัดสตูล พลเอก เกรียงไกร ศรีรักษ์ผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารบก เป็นประธานในพิธีเปิดอาคารเกริกเกรียงไกร ภายในกองพันหารราบที่สองกรมทหารราบที่ห้าจังหวัดสตูล โดยอาคารหลังดังกล่าว เป็นอาคารอเนกประสงค์ใช้สำหรับให้หน่วยได้ใช้ประโยชน์พิธีทางศาสนาและเป็นที่รองรับแขก นอกจากนั้นยังมีการเปิดพื้นที่สำหรับร้านค้าของสมาคมแม่บ้านทหารบกสาขากองพันทหารราบที่ 2 กรมทหารราบ ทื่ 5 ด้วย โอกาสเดียวกันนี้ ทาง ผู้ช่วยผบ.ทบ. ยังได้มีการเปิดมัสยิดสมันตรัฐบุรินทร์ ภายในกองทหารราบที่ 2 กรมทหารราบที่ 5 เนี่องจากกำลังพลและทหารกองประจำการที่รับราชการในกองพันนี้ ส่วนใหญ่ร้อยละ 55 นับถือศาสนาอิสลาม หน่วยจึงเล็งเห็นถึงความสำคัญในความสะดวกของกำลังพล ในการเดินทางไปละหมาดในมัสยิด นอกพื้นที่ จึงได้มีการก่อสร้างมัสยิดขึ้นในพื้นที่ของหน่วย ขณะเดียวกัน ยังให้พี่น้องมุสลิมที่อยู่ในละแวกใกล้เคียง สามารถเข้ามาประกอบกิจทางศาสนาภายในมัสยิดดังกล่าวได้อีกด้วยนะคะ”

นายเพชรวรรต กล่าวต่อไปอีกว่า “หากเป็นการเปิดมัสยิดในสถานที่ราชการจริง จะเป็นการกระทำที่ผิดต่อกฎหมายเพราะเป็นการนำงบประมาณมาสร้างโดยไม่ชอบและไม่ตรงกับภารกิจของทหาร ทั้งนี้จากการข่าวได้มีการสนับสนุนงบจากบุคคลภายนอกหรือไม่นั้น รวมถึงรูปแบบการก่อสร้างมีสถาปัตยกรรมที่มีโดมและพระจันทร์ครึ่งเสี้ยวกับดวงดาวเหมือนสัญลักษณ์มัสยิด ถือเป็นการก่อสร้างตามระเบียบกรมบัญชีกลางหรือไม่ ตนพร้อมที่จะให้ความช่วยเหลือเป็นตัวแทนในการลงพื้นที่เพื่อแสวงหาข้อเท็จจริง เพื่อชี้แจงกับประชาชนในศาสนาอื่นๆ เพื่อมิให้ขุ่นข้องหมองใจในระหว่างศาสนาด้วยพื้นที่เป็นพื้นที่พหุวัฒนธรรมหากโอนเอียงไปทางใดทางหนึ่งก็จะเป็นการสร้างความขัดแย้งกับคนภายในชาติ ถือเป็นการกระทบต่อความมั่นคง ซึ่งหากพร้อมกองทัพภาคที่ 4 สามารถประสานมายังตนตนก็พร้อมที่จะลงพื้นที่ได้ทันที

นายเพชรวรรต กล่าวทิ้งท้ายว่า ตนขอให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา อดีตนายกรัฐมนตรี ที่ยังเหลือเวลารักษาการในกระทรวงกลาโหมขอให้เข้าไปตรวจสอบโดยเร็ว เพราะกระทบกับจิตใจกับชาวพุทธส่วนใหญ่ ในการที่ พล.อ.ประยุทธ์ เป็นถึงผู้นำกองทัพในอดีต ควรเร่งเข้าไปชี้แจงแถลงไข การให้ข่าวที่ผิดพลาดหากในกระบวนการทางแพ่ง หากแพ้คดีต้องชี้แจงให้ออกสื่อเพื่อแก้ข่าวจำนวนหลายครั้ง เพื่อให้ประชาชนรับทราบ ตนจึงขอให้ พล.อ.ประยุทธ์ ในฐานะผู้บังคับบัญชาแถลงการณ์อธิบายและเปิดให้ตรวจสอบเพื่อไม่ให้เกิดความเข้าใจที่ผิดๆ ดังที่เกิดขึ้น ไม่เช่นนั้นการพูดกลับไปกลับมาในค่ายทหารจะทำให้เป็นการ “ขว้างงูไม่พ้นพอ”

Leave a Reply