“หมู่บ้านยั่งยืน” จังหวัดนครพนมร่วมกับคณะสงฆ์ในโครงการวัด ประชารัฐ สร้างสุข ขับเคลื่อนหลัก “บวร” สร้างความรู้รักสามัคคีและสุขยั่งยืนแก่ชุมชน

วันที่ 6  มิ.ย. 66  วานนี้ ที่ศูนย์เรียนรู้การปลูกหม่อนเลี้ยงไหมบ้านนางัว อ.นาหว้า จ.นครพนม นายวันชัย จันทร์พร ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม พร้อมด้วยนางสงวน จันทร์พร นายกเหล่ากาชาดจังหวัดนครพนมและประธานแม่บ้านมหาดไทยจังหวัดนครพนม เป็นประธานเปิดโครงการเอามื้อสามัคคีพัฒนาศูนย์เรียนรู้ปลูกหม่อนไหม วิถีแห่งการพัฒนาที่ยั่งยืน และลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมการขับเคลื่อนการดำเนินงานพัฒนาคุณภาพชีวิตที่ดีอย่างยั่งยืนให้กับพี่น้องประชาชน ณ วัดศรีบุญเรือง บ้านนางัว หมู่ที่ 2 ตำบลนางัว และที่ทำการผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ 10 บ้านนาคอยน้อย ตำบลนางัว อำเภอนาหว้า จังหวัดนครพนม โดยได้รับเมตตาจากคณะสงฆ์ ร่วมกิจกรรม โดยมี หัวหน้าส่วนราชการ ข้าราชการ และภาคีเครือข่าย ร่วมในกิจกรรมเป็นจำนวนมาก

นายวันชัย จันทร์พร ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม กล่าวว่า จังหวัดนครพนมเป็นจังหวัดที่ได้รับพระมหากรุณาธิคุณจากสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง พระราชทานพระราชดำริในการส่งเสริมการประกอบอาชีพทอผ้าให้กับประชาชนเกิดเป็นศูนย์ศิลปาชีพแห่งแรกในสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ณ บ้านนาหว้า อำเภอนาหว้า จังหวัดนครพนม และต่อมานับเป็นความโชคดีที่สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา ทรงมีพระปณิธานที่มุ่งมั่นในการแบ่งเบาพระราชภาระของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในการทรงสืบสาน รักษา และต่อยอด พระราชปณิธานของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ที่ทรงมุ่งมั่นในการช่วยเหลือพสกนิกรของพระองค์ท่าน ให้มีอาชีพ มีรายได้ โดยอาศัยภูมิปัญญาของบรรพบุรุษในท้องถิ่นของตนเอง อีกทั้งกระตุ้นให้เกิดกระแสนิยมการสวมใส่ชุดผ้าไทย จึงเป็นที่มาของพระดำริ “ผ้าไทยใส่ให้สนุก” เป็นเครื่องมือในการส่งเสริมและพัฒนาทักษะในด้านงานหัตถศิลป์หัตถกรรม อาชีพช่างทอผ้าและผู้ประกอบการ OTOP ด้านผ้าไทย ให้สามารถพัฒนารูปแบบการย้อมผ้า ถักทอผ้า ตัดเย็บเสื้อผ้า ให้มีความทันสมัยตามแฟชั่นนิยม สอดคล้องกับความต้องการของประชาชนผู้บริโภคในปัจจุบัน นอกจากนี้ สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี พระราชทานแนวทางตามโครงการพระราชดำริ “บ้านนี้มีรักปลูกผักกินเอง” ทำให้ประชาชนมีแนวทางในการเสริมสร้างความยั่งยืนด้วยการปลูกพืชผักสวนครัว พืชสมุนไพร ไว้บริโภคในครัวเรือน ทำให้ข้าราชการต้องทำหน้าที่เป็น “ผู้นำต้องทำก่อน” เพื่อทำให้พี่น้องประชาชนได้เห็นเป็นตัวอย่างและนำมาใช้ในชีวิตประจำวัน อันจะเสริมสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีให้กับประชาชน

“ในวันนี้ จังหวัดนครพนมได้ดำเนินกิจกรรมส่งเสริมการปลูกผักไว้ทานเองในครัวเรือนและกิจกรรมร่วมไม้ร่วมมือพัฒนาศูนย์เรียนรู้ปลูกหม่อนเลี้ยงไหม ปรับปรุงแปลงปลูกหม่อน ปลูกพืชผักสวนครัว ผลไม้ ไม้ดอก ไม้ประดับ ไม้ย้อมสีผ้า และร่วมรับประทานอาหาร “นุ่งผ้าซิ่น กินข้าวปิ่นโต” ส่งเสริมการใส่ผ้าไทย และรณรงค์ลดการใช้พลาสติก เพื่อเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระเจ้าลูกเธอเจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา ทรงเจริญพระชนมายุครบ 3 รอบ 36 พรรษา ในวันที่ 8 มกราคม 2566 สร้างความต่อเนื่องในการสร้างความมั่นคงทางอาหารที่ยั่งยืน เสริมสร้างการรับรู้ในการดำเนินโครงการสืบสานปณิธาน “นาหว้าโมเดล” ในโอกาสครบรอบ 50 ปี โครงการศิลปาชีพ ซึ่งเป็นพระปณิธานอันแรงกล้าของสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา ในการทรงสืบสาน รักษา และต่อยอด พระราชดำริของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ด้วยทรงรักพวกเราชาวนาหว้า ชาวนครพนม และคนไทยทุกคน อันเป็นความรักที่ยั่งยืน ด้วยทรงเห็นความยั่งยืนในการดูแลสิ่งแวดล้อมของโลก โดยขอให้พวกเราปลูกหม่อน เลี้ยงไหมเอง ปลูกฝ้ายเอง ใช้สีธรรมชาติ และช่วยกันสะสมองค์ความรู้เรื่องสีธรรมชาติและสิ่งที่ให้สีธรรมชาติ พึ่งพาตนเอง ทำให้โลกเราไม่ดับสลายไปเพราะภาวะโลกร้อน ไม่ใช้สารเคมี ไม่ใช้เครื่องจักรที่ต้องใช้น้ำมันปลดปล่อยควัน ทำให้ดินเสีย น้ำเสีย เกิดภาวะโลกร้อน และที่สำคัญที่สุด ให้พวกเราได้มีโอกาสที่ดีของชีวิตในการที่จะมีรายได้ที่มั่นคง” ผวจ.นครพนม กล่าว

นายวันชัย จันทร์พร ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม กล่าวต่ออีกว่า นอกจากนี้ จังหวัดนครพนม ได้กำหนดแนวทางการบูรณาการกับองค์กรภาครัฐและองค์กรภาคีเครือข่ายทุกภาคส่วนเป็น “ทีม” ที่มุ่งสู่การ Change for Good ทำสิ่งที่ดีให้กับประชาชน โดยขอรับความเมตตาจากคณะสงฆ์เป็นหลักชัยที่จะทำให้เกิดสิ่งที่ดีในจิตใจของพี่น้องประชาชนอย่างยั่งยืน โดยน้อมนำพระดำริ สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา “หมู่บ้านยั่งยืน (Sustainable Village)” ด้วยการส่งเสริมการน้อมนำหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงมาใช้ในชีวิตประจำวันของประชาชนให้เกิดเป็นรูปธรรม โดยทุกบ้านจะช่วยกันดูแลปลูกพืชผักสวนครัวในรั้วบ้านให้อุดมสมบูรณ์ ดูแลพื้นที่บ้านให้สะอาด ดูแลบุตรหลานให้ได้ศึกษาเล่าเรียนและเป็นคนดี มีความรู้รักสามัคคี ช่วยเหลือเกื้อกูล เอื้อเฟื้อแบ่งปัน ร่วมคิด ร่วมทำ ร่วมแก้ไขปัญหา ร่วมรับประโยชน์ ด้วยการพูดคุยปรึกษาหารือเป็นประจำอย่างสม่ำเสมอ สอดคล้องกับ MOU โครงการวัด ประชา รัฐ สร้างสุข ซึ่งได้รับเมตตาจากเจ้าประคุณสมเด็จพระมหาวีรวงศ์ กรรมการมหาเถรสมาคม ประธานคณะกรรมการฝ่ายสาธารณูปการของมหาเถรสมาคม ที่มุ่งสร้างสายสัมพันธ์ความร่วมแรงร่วมใจกันของวัด ชุมชน และภาคีเครือข่ายในท้องถิ่นด้วยอุดมการณ์ร่วมกันทำให้วัดเป็นสถานที่สัปปายะแก่ผู้เข้ามาพึ่งพาบำบัดทุกข์และเสริมสร้างความสุขทั้งแก่กายและใจ

“และเพื่อให้เกิดการส่งเสริมการเข้าถึงบริการภาครัฐในด้านการยืนยันตัวตนทางดิจิทัล ซึ่งเป็นการลดขั้นตอนการปฏิบัติ และเป็นการอำนวยความสะดวกให้กับพี่น้องประชาชนผู้รับบริการของกระทรวงมหาดไทย ในวันนี้ จังหวัดนครพนม ได้มีการประชาสัมพันธ์สร้างการรับรู้การใช้งาน Application ThaiD ให้พี่น้องประชาชนในพื้นที่ ซึ่งนอกจากจะเป็นการเพิ่มความสะดวกในการเข้าถึงบริการแล้ว ยังช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายให้กับประชาชนในการทำธุรกรรมภาครัฐ และจะทำให้ภาครัฐและพี่น้องประชาชนมีความใกล้ชิดกันมากขึ้น โดยจังหวัดนครพนมจะมุ่งมั่นขับเคลื่อนขยายผลโครงการที่เป็นประโยชน์ต่อพี่น้องประชาชนตามแนวทางขับเคลื่อนของกระทรวงมหาดไทยอย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้างความสุข สร้างความมั่นคง สร้างคุณภาพชีวิตที่ดีอย่างยั่งยืนให้กับพี่น้องประชาชนทุกคน” ผวจ.นครพนม กล่าวในช่วงท้าย

Leave a Reply