“พระครูต้น วัดระฆัง” มอบเครื่องอุปโภคบริโภคผู้ด้อยโอกาส ถวายพระกุศล ฉลองพระชนมายุ 8 รอบ สมเด็จพระสังฆราช

วันที่ 15 มิ.ย. 66 เวลา 14.00 น. ที่แปลง โคก หนอง นา ของ พ่อบุญมี แม่อุบล หมู่ที่ 8 ต.วังงิ้วใต้ อ.ดงเจริญ จ.พิจิตร พระครูสุภัทรธรรมโฆษิต (พระครูต้น) ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดระฆังโฆสิตาราม เป็นประธานมอบเครื่องอุปโภค บริโภคให้กับผู้สูงอายุและผู้ด้อยโอกาสในพื้นที่ตำบลวังงิ้วใต้ รวม 10 หมู่บ้าน เพื่อถวายพระกุศล เนื่องในโอกาสฉลองพระชนมายุ 8 รอบ เจ้าพระคุณสมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก โดยมี นายสิทธิพันธ์ บุตรศรี นายอำเภอดงเจริญ นายเจริญ บุญแย้ม เจ้าพนักงานที่ดินจังหวัดพิจิตร สาขาบางมูลนาก นางสาวอนุสรา ชื่นเทศ พัฒนาการอำเภอดงเจริญ นายณัฐวรรธน์ อักษรกาญจน์ วิศวกรโยธาชำนาญการ ผู้แทนโยธาธิการและผังเมืองจังหวัดพิจิตร นายสมชาย ศรีนวน นายกองค์การบริหารส่วนตำบลวังงิ้วใต้ นางสาวรุ่งเรืองทรัพย์ ทรัพย์มาก รองปลัดองค์การบริหารส่วนตำบลวังงิ้วใต้ สมาชิกสภาเทศบาล หัวหน้าส่วนราชการ และภาคีเครือข่าย ร่วมพิธี

พระครูสุภัทรธรรมโฆษิต ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดระฆังโฆสิตาราม กล่าวว่า วันนี้เป็นโอกาสอันดีที่ภาคีเครือข่ายทุกภาคส่วน นำโดยท่านนายอำเภอดงเจริญ ได้มาร่วมกับอาตมภาพ ประกอบกิจอันชอบประกอบกรรมอันดี ในวาระนิมิตมงคลฉลองพระชนมายุ 8 รอบ เจ้าพระคุณสมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ด้วยการตั้งจิตเป็นกุศลและเจตนาอันแรงกล้าในการสนองพระกรุณาธิคุณของเจ้าพระคุณสมเด็จพระสังฆราชในงานภารกิจของคณะสงฆ์ด้านการสาธารณสงเคราะห์และการสาธารณูปการอันสอดคล้องกับบันทึกข้อตกลงความร่วมมือบทบาทในการเกื้อหนุนระหว่างวัดและชุมชนให้มีความสุขอย่างยั่งยืน และบันทึกข้อตกลงความร่วมมือโครงการวัด ประชา รัฐ สร้างสุข อันเป็นการปฏิบัติบูชาที่ยิ่งใหญ่ เป็นการแสดงกตเวทิตาคุณด้วยการ “ปฏิบัติบูชา” ถวายแด่สถาบันพระมหากษัตริย์และการพระศาสนา สนองพระเดชพระคุณ พระมหากรุณาธิคุณสมเด็จบรมบพิตร พระราชสมภารเจ้า พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว ผู้ทรงพระคุณอันประเสริฐ ทรงมีพระราชปณิธานอันแน่วแน่ในการสืบสาน รักษา และต่อยอด แนวพระราชดำริต่าง ๆ ของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร เพื่อความอยู่ดีมีสุขของประชาชน สร้างความมั่นคงและความวัฒนาสถาพรให้กับประเทศชาติ และดำเนินการตามแนวทางสาธารณสงเคราะห์เพื่อสังคมที่ยั่งยืน 4 ประการ คือ 1) สงเคราะห์ 2) เกื้อกูล 3) พัฒนา และ 4) บูรณาการ รวมทั้งเป็นการหนุนเสริมกลไกการสร้างสายสัมพันธ์ความร่วมแรงร่วมใจกันของวัด ชุมชน และภาคีเครือข่ายในท้องถิ่น ด้วยอุดมการณ์ร่วมกัน คือ ศรัทธาปสาทะในบวรพระพุทธศาสนา อำนวยสันติรสแก่ผู้เข้ามาพึ่งพาบำบัดทุกข์ และเสริมสร้างความสุขทั้งแก่กายและใจ ดังพุทธศาสนสุภาษิต สพฺเพสํ สงฺฆภูตานํ สามคฺคี วุฑฺฒิสาธิกา ความพร้อมเพรียงแห่งชนผู้อยู่ร่วมกันเป็นหมู่ ยังความเจริญวัฒนาถาวรให้สำเร็จ” และพระคติธรรมของเจ้าพระคุณสมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ความตอนหนึ่งว่า “บุคคลพึงบำเพ็ญกรณียกิจเพื่อเกื้อกูลกันและกัน ด้วยการละคลายความเป็นตัวตนให้มากที่สุด ให้สมดังพุทธศาสนีที่ว่า “ภูตํ เสสํ ทยิตพฺพํ” แปลความว่า เมื่อยังมีชีวิตอยู่ควรเกื้อกูลกัน”

“อาตมภาพมีความห่วงใยในชีวิตความเป็นอยู่ของญาติโยมทุกคนทุกหมู่บ้าน ซึ่งทุกท่านเป็นญาติพี่น้อง เป็นญาติธรรมของอาตมภาพ เพราะอาตมภาพก็เป็นชาววังงิ้วใต้ ที่เคยเรียนหนังสือ และใช้ชีวิตอยู่ในหมู่บ้านร่วมกับญาติโยมทั้งหลาย จึงขอเป็นกำลังใจให้กับทุกคนให้มีกำลังกาย กำลังใจ กำลังสติปัญญาในการดำเนินชีวิต ประกอบกิจกรรมธรรมอันใดให้สมหวัง สมปรารถนา ในสิ่งที่ชอบ สิ่งที่ควร และหากมีข้อขาดตกบกพร่อง พบปัญหาในชีวิต ขอให้ได้แจ้งมาที่อาตมภาพ หรือแจ้งท่านนายอำเภอ ปลัดอำเภอ ท่านนายก อบต. กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ให้ได้ช่วยเหลือเกื้อกูลกัน และสำหรับกิจกรรมในวันนี้นั้น ต้องขออนุโมทนาบุญกับผู้มีจิตศรัทธาที่ร่วมบุญ มา ณ โอกาสนี้ด้วย ทั้งที่ช่วยประสานงานและอำนวยความสะดวกในทุก ๆ เรื่องด้วย” พระครูสุภัทรธรรมโฆษิต กล่าวเพิ่มเติม

นายสิทธิพันธ์ บุตรศรี นายอำเภอดงเจริญ กล่าวว่า ขอกราบขอบพระครูสุภัทรธรรมโฆษิต หรือ “พระครูต้น” ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดระฆังโฆสิตาราม ผู้เมตตาแก่พี่น้องประชาชนชาวอำเภอดงเจริญ ด้วยความกรุณาการุญ เกื้อกูล ช่วยเหลือ ประชาชนในทุกโอกาส ท่านเป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของชาวดงเจริญ ของชาววังงิ้วใต้ที่ไม่เคยลืมถิ่นฐานบ้านเกิด และเป็น “ภาคีเครือข่ายผู้นำศาสนา” ที่ให้การช่วยเหลือภาคราชการอย่างต่อเนื่อง อันเป็นแบบอย่างให้กับพวกเราทุกคน เป็นการหนุนเสริมความหวังของประเทศชาติ คือ ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ให้เป็นสถาบันหลักในการพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชนให้มีความสุข ตลอดจนพัฒนาชุมชนให้มีความเข้มแข็งตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ซึ่งกิจกรรมในวันนี้เป็นการดำเนินการที่เป็นภารกิจหลักของกระทรวงมหาดไทยในการหน้าที่ “บำบัดทุกข์ บำรุงสุข” และพัฒนาคุณภาพชีวิตของพี่น้องประชาชน โดยมีภาคีเครือข่ายผู้นำศาสนาได้เมตตานำภาคราชการในการช่วยเหลือสงเคราะห์ประชาชน ในโอกาสอันเป็นมงคล คือ การฉลองพระชนมายุ 8 รอบ เจ้าพระคุณสมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ที่จะทรงเจริญพระชนมายุครบ 96 พรรษา ในวันที่ 26 มิถุนายน 2566 นี้ ซึ่งคนมหาดไทยทุกคน พร้อมที่จะขับเคลื่อนและดำเนินการอย่างต่อเนื่องเพื่อประโยชน์สุขของประชาชนโดยมีคณะสงฆ์และผู้นำศาสนาเป็นหลักชัยให้เกิดความเจริญอย่างยั่งยืน

Leave a Reply