องคมนตรีปฐมนิเทศ “ทุนเล่าเรียนหลวง” ย้ำ วัดต้องสร้างกิจกรรมให้คนเข้ามากขึ้น

เมื่อเวลา 9.00 น. วันที่ 12 กรกฎาคม 2566 ที่หอประชุมพุทธมณฑล อ.พุทธมณฑล จ.นครปฐม นายเกษม วัฒนชัย องคมนตรี เป็นประธานในพิธีปฐมนิเทศพระนิสิตทุนพระราชทานโครงการทุนเล่าเรียนหลวงสำหรับพระสงฆ์ไทย ประจำปีการศึกษา 2565 โดยมีพระพรหมบัณฑิต (ประยูร ธมฺมจิตฺโต) กรรมการมหาเถรสมาคม(มส.) เป็นองค์ปาฐกถาธรรมพิเศษ นายสด แดงเอียด อดีตอธิบดีกรมการศาสนา กรรมการโครงการทุนเล่าเรียนหลวงฯ นางสาวฐาปณีย์ ธรรมรัตน์นิมิต เหรัญญิกคณะกรรมการกลั่นกรองทุนโครงการทุนเล่าเรียนหลวงฯ วิทยากรการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย และนายสิทธา มูลหงส์ หัวหน้าผู้ตรวจราชการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ(พศ.) ร่วมในการบรรยายพิเศษ มีพระเถรานุเถระ พระนิสิต คณะผู้บริหารพศ. ข้าราชการ และเจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้องจำนวนมากร่วมในพิธี

นายเกษม วัฒนชัย องคมนตรี กล่าวปฐมนิเทศตอนหนึ่งว่า คนไทยมีมิติทางครอบครัวอยู่สองอย่าง คือ ผู้ใหญ่จะเลี้ยงดูอบรมผู้เยาว์ ลูกหลาน ไม่ใช่เลี้ยงดูโดยไม่อบรม ถ้าพ่อแม่เลี้ยงดูลูกอย่างดีแต่ไม่อบรมเรื่องดี-ชั่ว ถูก-ผิด ก็มักจะถูกปรามาสว่า พ่อแม่ไม่สั่งสอน ถ้าเป็นคนไทยผู้ใหญ่จะต้องสั่งสอนอบรมเลี้ยงดูผู้เยาว์ ส่วนคุณธรรมที่ผู้เยาว์มีต่อผู้ใหญ่ คือ ต้องรู้คุณท่านและตอบแทนคุณท่าน เพราะฉะนั้นความสัมพันธ์ในผู้ใหญ่และผู้เยาว์ในตระกูลนั้นๆ ก็จะทำให้ครอบครัวอบอุ่น ยืดยาว ซึ่งมีการสานต่อกันมานานกว่าสองพันปี คนไทยมีศาสนาพุทธส่วนใหญ่เป็นนิกายเถรวาท ปัจจุบันคนรุ่นใหม่ไม่ชอบเข้าวัด อยากตามรอยชาวตะวันตก ทำอย่างไรที่จะไม่ให้วัฒนธรรมผู้ใหญ่ ผู้เยาว์ดีๆ นี้หายไป เด็กรุ่นใหม่คล้อยตามกระแสโซเชียลมีเดียซึ่งไม่ใช่สิ่งที่พ่อแม่สอน ไม่ใช่พระสอน ไม่ว่าถูกหรือผิดในโซเชียลมีเดียเชื่อได้หมดเพราะไม่มีใครกรอง เป็นข่าวที่ไม่ต้องกรอง เราอ่านหนังสือพิมพ์ยังมีกองบรรณาธิการช่วยกรอง ฟังวิทยุ สถานีวิทยุยังรับผิดชอบ ดูทีวีทางสถานียังต้องรับผิดชอบ แต่ในโซเชียลมีเดียทุกคนสามารถใส่ความเห็นไปได้หมด จะบิดเบือนหรือไม่บิดเบือนก็ได้หมด ดังนั้นโลกใบนี้จึงตกอยู่ในภาวะที่ลำบากมาก โดยเฉพาะคนรุ่นใหม่มักจะได้รับการถ่ายทอดทางความคิดที่ไม่ถูกต้อง ถึงได้เห็นการมีความคิดที่แปลกๆ  เรากำลังเจอความท้าทาย จึงขอฝากให้เป็นหน้าที่ของพวกเรา ไม่ว่าบรรพชิตหรือฆราวาส ว่าเราต้องยึดมั่นในความเป็นไทย  ยึดมั่นในศาสนาพุทธของเรา และที่สำคัญคือต้องถ่ายทอดความคิดนี้ลงไปในคนรุ่นใหม่ด้วย ทั้งนี้ก็เพื่อจะได้ฝากบ้านฝากเมืองให้คนรุ่นต่อไปได้

องคมนตรี กล่าวอีกว่า จึงเป็นหน้าที่ที่จะต้องจัดกิจกรรมให้คนเข้าวัดให้บ่อยขึ้น ให้มากขึ้น ต้องสร้างกิจกรรมทางศาสนาให้มากกว่าที่ผ่านมา โลกวันนี้มีช่องว่างระหว่างวัยมาก ถ้าต่างคนต่างอยู่ช่องว่างระหว่างวัยก็จะยิ่งมากขึ้น แต่ถ้าจะปิดช่องว่างนี้ก็ควรที่คนหลายวัยจะมาร่วมกิจกรรมดีๆ งามๆ ร่วมกันให้มากขึ้น จึงขอฝากเรื่องนี้ถึงหลวงพ่อหลวงพี่ทุกรูปในที่นี้ เมื่อกลับไปวัดลองพูดคุยกับมัคนายก คุยกับผู้นำชาวบ้านว่าจะทำอย่างไรให้คนระหว่างวัยได้เข้ามาร่วมกิจกรรมทางพระพุทธศาสนาให้มากขึ้น ให้บ่อยขึ้น ขอย้ำอีกครั้งว่า เหตุการณ์แบบนี้ไม่เกิดขึ้นเฉพาะเมืองไทย แต่เกิดขึ้นมาแล้วทั่วโลก คำถามคือว่า เมื่อเราเจอความแปลกแยกจากโลกโซเชียลก็ดี จากโลกตะวันตกก็ดีแล้วเราจะทำอย่างไรให้คนต่างวัยมีความเข้าใจต่อกันกันมากขึ้น

พลเอก เฉลิมชัย สิทธิสาท องคมนตรี ได้กล่าวรายงานมีความสำคัญว่า ตามที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมพระราชทานทุนการศึกษาถวายแด่  พระภิกษุและสามเณร ประจำปีการศึกษา 2565 ได้แก่ ทุนศึกษาบาลี ในระดับเปรียญธรรม 6 ประโยค จำนวน 53 ทุน และทุนระดับอุดมศึกษา ในระดับปริญญาตรี ปริญญาโท และปริญญาเอก ของมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงการณราชวิทยาลัย(มจร) และมหาวิทยาลัยมหามกุฎฯ(มมร) รวมจำนวน 157 ทุน และทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ พลเอก สุรยุทธ์ จุลานนท์ ประธานองคมนตรี เป็นผู้แทนพระองค์ ไปในพิธีถวายทุนการศึกษาพระราชทาน แด่ พระภิกษุและสามเณร ที่ได้รับพระราชทานทุนดังกล่าวไปแล้วนั้น

และในวันนี้ โครงการทุนเล่าเรียนหลวงฯ ได้จัดพิธีปฐมนิเทศขึ้นเป็นครั้งแรก และได้รับการสนับสนุนจากสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ สำนักงานแท่กองบาลีสนามหลวง มจร มมร. และการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย ซึ่งมีวัตถุประสงค์ที่สำคัญ คือ ต้องการให้พระนิสิตทุนพระราชทานที่ได้เข้ารับการถวายทุนพระราชทานดังกล่าวไปแล้วนั้น มีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับประวัติและความเป็นมาของโครงการทุนเล่าเรียนหลวงฯ รวมถึงหลักเกณฑ์และเงื่อนไขการปฏิบัติในระหว่างรับทุน และเป็นการเพิ่มช่องทางการสื่อสารระหว่างพระนิสิตทุนกับโครงการฯ

“โครงการทุนเล่าเรียนหลวงสำหรับพระสงฆ์ไทย หวังเป็นอย่างยิ่งว่า การปฐมนิเทศพระนิสิตทุนพระราชทานในครั้งนี้ จะเป็นประโยชน์ และเป็นปัจจัยส่งเสริมให้บังเกิดกำลังใจในการศึกษาเล่าเรียนจนสำเร็จการศึกษา และพร้อมจะเป็นกำลังสำคัญในการเผยแผ่พระพุทธศาสนา ให้มั่นคงสืบไป” องคมนตรี กล่าว

Leave a Reply