ป.ป.ช.เผยแพร่ความคืบหน้าคดีกล่าวหา ‘พนม ศรศิลป์’ อดีตผอ.พศ. ทุจริตเงินทอนสำนวนวัดพิชยญาติการามวรวิหาร ล่าสุด ศาลอาญาคดีทุจริตประพฤติมิชอบภาค 7 พิพากษาลงโทษจำคุก 13 ปี 6 เดือน พร้อมพวก 1 ราย – คืนเงินอีก 17 ล้าน
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า เมื่อเร็วๆ นี้ สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ได้เผยแพร่ความคืบหน้าผลคดีกล่าวหา นายพนม ศรศิลป์ เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ กับพวก คือ นายณรงค์เดช ชัยเนตร ทุจริตการเบิกจ่ายเงินงบประมาณของสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ที่ได้จัดสรรให้ศูนย์ประสานงานคณะกรรมการเผยแผ่พระพุทธศาสนาแห่งชาติวัดพิชยญาติการามวรวิหารประจำปีงบประมาณ 2556, 2557 และ 2559 ซึ่งถูกคณะกรรมการ ป.ป.ช.ลงมติชี้มูลความผิดทางอาญา ตาม ป.อ. มาตรา 147 มาตรา 151 และมาตรา 157 ประกอบมาตรา 83 และ พ.ร.ป. ป.ป.ช. พ.ศ. 2542 และที่แก้ไขเพิ่มเติม มาตรา 123/1 ประกอบมาตรา 83 และมาตรา 91 ตั้งแต่เมื่อวันที่ 29 มีนาคม 2565 ที่ผ่านมา
ความคืบหน้าล่าสุด เมื่อวันที่ 10 เมษายน 2566 ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 7 มีคำพิพากษาว่า นายพนม ศรศิลป์ จำเลยที่ 1 นายณรงค์เดช ชัยเนตร จำเลยที่ 2 มีความผิดตามมาตรา 147 (เดิม), 151 (เดิม) พ.ร.ป. ป.ป.ช. พ.ศ. 2542 มาตรา 123/1 ประกอบมาตรา 83
เป็นการกระทำกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษบทหนักที่สุดตามมาตรา 90 แต่ความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานเบียดบังทรัพย์ตามมาตรา 147 (เดิม) และความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานใช้อำนาจในตำแหน่งโดยทุจริตตามมาตรา 151 (เดิม) มีอัตราโทษเท่ากัน จึงให้ลงโทษฐานเป็นเจ้าพนักงานเบียดบังทรัพย์ตามมาตรา 147 (เดิม)
การกระทำของจำเลยทั้งสองตามฟ้องแต่ละข้อเป็นความผิดหลายกรรมต่างกันให้ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไปตามมาตรา 91 ให้จำคุกกระทงละ 9 ปี รวมสามกระทงเป็นจำคุกคนละ 27 ปี
จำเลยทั้งสองให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณามีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามมาตรา 78
คงจำคุกคนละ 13 ปี 6 เดือน
ให้จำเลยทั้งสองร่วมกันคืนหรือใช้เงินที่ยังไม่ได้คืนจำนวน 17,000,000 บาท ให้แก่สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติผู้เสียหาย
ทั้งนี้ คดียังไม่สิ้นสุด จำเลยทั้งสอง มีสิทธิต่อสู้คดีเพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์ในชั้นศาลที่สูงกว่านี้อีกได้
เบื้องต้น คณะกรรมการ ป.ป.ช. มีการประชุมเมื่อวันที่ 12 มิถุนายน 2566 ได้พิจารณาแล้วมีมติเห็นชอบในการที่อัยการสูงสุด (อสส.) จะไม่อุทธรณ์คำพิพากษาศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 7
สำหรับประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 147 ระบุว่า ผู้ใดเป็นเจ้าพนักงาน มีหน้าที่ซื้อ ทำ จัดการหรือรักษาทรัพย์ใด เบียดบังทรัพย์นั้นเป็นของตน หรือเป็นของผู้อื่นโดยทุจริต หรือโดยทุจริตยอมให้ผู้อื่นเอาทรัพย์นั้นเสีย ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ห้าปีถึงยี่สิบปี หรือจำคุกตลอดชีวิต และปรับตั้งแต่หนึ่งแสนบาทถึงสี่แสนบาท
สำนักข่าวอิศรา รายงานว่า ก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 23 ธันวาคม 2564 ศาลอุทธรณ์ มีคำพิพากษาในคดีกล่าวหา นายพนม ศรศิลป์ ทุจริตในการเบิกจ่ายเงินงบประมาณอุดหนุนการบูรณปฏิสังขรณ์ที่จัดสรรให้วัดพนัญเชิงวรมหาวิหาร ประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2557 โดยให้ลงโทษจำคุกเป็นเวลา 4 ปี
ขณะที่ในการสอบสวนคดีการทุจริตงบประมาณบูรณะและปฏิสังขรณ์วัด สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ของคณะกรรมการ ป.ป.ช. คดีในส่วนวัดพนัญเชิงวรวิหาร จ.พระนครศรีอยุธยา เป็นวัดแรกที่มีมติชี้มูลแล้วเสร็จ โดยอนุกรรมการไต่สวนข้อเท็จจริงระบุว่าช่วงงบประมาณประจำปี 2557 พบว่าวัดพนัญเชิงวรวิหาร มีการทุจริตงบ โดยมี น.ส.ประนอม คงพิกุล ขณะนั้นดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการกองพุทธศาสนสถาน ทำหน้าที่เป็นผู้ติดต่อวัดว่าจะจัดสรรงบประมาณบูรณะและพัฒนาวัด 10 ล้านบาท และให้ทอนเงิน 8 ล้านบาท เข้าบัญชีเงินฝากของนางชมพูนุท จันฤาไชย เป็นคนใกล้ชิดกับนายนพรัตน์ เบญจวัฒนานันท์ อดีตผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาฯ และในปี 2558 พบการทุจริตงบประมาณวัดพนัญเชิงฯ และยังคงเป็น น.ส.ประนอม เข้าไปติดต่อกับทางวัดเสนองบประมาณ พร้อมเป็นผู้จัดทำเอกสารการขออนุมัติเงินให้กับวัดพนัญเชิงฯ 10 ล้านบาท และจะต้องคืนเงินสดให้กับนางประนอม 5 ล้านบาท รวมเงินที่พบการทุจริตเข้าส่วนตัว 13 ล้านบาท
ส่วน นายพนม เป็นหนึ่งในจำเลยคนสำคัญคดีเงินทอนวัด และถูกศาลพิพากษาลงโทษจำคุกไปแล้วหลายสำนวนรวมโทษหลายสิบปี โดยเมื่อวันที่ 21 ต.ค. 2563 ศาลอุทธรณ์มีพิพากษายืนตามชั้นต้น จำคุก 20 ปี นายพนม ศรศิลป์ คดีเงินทอนวัดและสั่งชดใช้ เงินจำนวน 12 ล้านบาท และยังถูกคณะกรรมการ ป.ป.ช. ชี้มูลคดีร่ำรวยผิดปกติ จำนวนเงิน 216 ล้านบาทด้วย
ที่มา : สำนักข่าวอิศรา
Leave a Reply