วันที่ 29 ต.ค. 66 เวลา 13.30 น. ที่วัดปรมัยยิกาวาส วรวิหาร ตำบลเกาะเกร็ด อำเภอปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย เป็นประธานฝ่ายฆราวาส ในพิธีตักบาตรดอกไม้เนื่องในเทศกาลวันออกพรรษา ประจำปี 2566 และพิธีอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุประดิษฐานยังบุษบกภายในพิพิธภัณฑ์ โดยได้รับเมตตาจาก พระครูพิพิธเจติยาภิบาล (บัวทอง ถาวโร) ป.ธ.5 เจ้าอาวาสวัดปรมัยยิกาวาส วรวิหาร เป็นประธานฝ่ายสงฆ์ โดยมี นายสุธี ทองแย้ม ผู้ว่าราชการจังหวัดนนทบุรี นายอภิชัย อร่ามศรี นางระวีพรรณ แก้วเพียงเพ็ญ รองผู้ว่าราชการจังหวัดนนทบุรี นายประสพโชค อยู่สำราญ ที่ปรึกษาปลัดกระทรวงมหาดไทย พลโท ชาติวัฒน์ งามนิยม ไวยาวัจกรวัดปรมัยยิกาวาส วรวิหาร นายบรรหาญ เนาวรัตน์ นายกองค์การบริหารส่วนตำบลโก่งธนู หัวหน้าส่วนราชการ คณะอุบาสก อุบาสิกา พุทธศาสนิกชน ร่วมพิธีเป็นจำนวนมาก
โอกาสนี้ นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย จุดธูปเทียนบูชาพระรัตนตรัย ถวายสักการะพระบรมสารีริกธาตุ จากนั้น เจ้าหน้าที่อาราธนาศีล พระสงฆ์ให้ศีล เจ้าหน้าที่อาราธนาธรรม พระสงฆ์แสดงธรรมเทศนารามัญ เสร็จแล้วนำผู้ร่วมพิธี ร่วมถวายจตุปัจจัยไทยธรรม กรวดน้ำรับพร เป็นอันเสร็จพิธี จากนั้น นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย ได้อัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุ เข้าอุโบสถพระอารามหลวงเพื่อเข้าพิธีถอดธูป และนำคณะสงฆ์ลงรับบิณฑบาตรดอกไม้จากอุบาสกอุบาสิกา พุทธศาสนิกชน และประชาชนผู้มีจิตศรัทธา ที่มาร่วมทำบุญตักบาตรดอกไม้ในวันออกพรรษา
โอกาสนี้ พระครูพิพิธเจติยาภิบาล เจ้าอาวาสวัดปรมัยยิกาวาส วรวิหาร ได้แสดงธรรมเทศนารามัญ โดยมีใจความสำคัญว่า วันนี้เป็นวันมหาปวารณา เป็นวันที่พระสงฆ์สามารถตักเตือนซึ่งกันและกันได้ หากทำสิ่งใดล่วงเกินไปหรือคิดสิ่งไม่ดี พระสงฆ์หมู่ใหญ่ต่างคนต่างความคิด แต่เมื่อถึงวันมหาปวารณาเราได้มาอดทนงดโทษซึ่งกันและกัน ในทางพระพุทธศาสนาเรียกว่าให้อภัยซึ่งกันและกัน ไม่ถือโทษโกรธเคือง อยู่ด้วยหลักธรรมะ 4 ประการ คือ ฉันทะ วิริยะ อุตสาหะ จิตตะ เป็นหลักธรรมที่ทำให้เราอยู่กันด้วยความเคารพนับถือซึ่งกันและกัน เช่นผู้น้อยก็เคารพนับถือผู้ใหญ่ ผู้ใหญ่ก็ให้ความเมตตาต่อผู้น้อย หรือผู้บังคับบัญชามีคุณธรรมเมตตาต่อผู้ใต้บังคับบัญชา เหล่านี้เป็นต้น เรียกว่าอยู่ด้วยกัน เรียกว่าประพฤติธรรม มีความอ่อนน้อมถ่อมตนซึ่งกันและกัน ทั้งพระสงฆ์และญาติโยมก็อยู่ในหลักธรรมคำสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เพื่อจรรโลงพระพุทธศาสนา ธรรมะทั้ง 4 ประการนี้สามารถนำไปพัฒนา นำไปต่อยอดเพื่อความเจริญในสังคม เราท่านทั้งหลายผู้เป็นเหล่าพุทธศาสนิกชน ธรรมะทั้งหลายทั้งปวงถ้าเรานำไปใช้ นำมาประพฤติปฏิบัติ จะประจักษ์แก่ตัวเองว่าให้คุณประโยชน์มากมายมหาศาล เช่น การให้ทาน มีคุณธรรม มีจิตใจเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ในทางพระพุทธศาสนาเรียกว่า ตั้งอยู่ในบุญกิริยาวัตถุ 3 ประการ คือ ทานมัย ศีลมัย และภาวนามัย ทานมัย คือ การแบ่งปันสิ่งของ ให้แก่ผู้ด้อยโอกาสเหล่านี้ เป็นการกำจัดมัจฉริยะความตระหนี่ถี่เหนียวในจิตในใจให้มีใจโอบอ้อมอารีต่อผู้อื่นที่ได้รับความเดือดร้อน ประการที่ 2 ก็คือ ศีลมัย ทุกท่านได้สมาทานศีลเป็นเบื้องต้นที่เราท่านทั้งหลาย เราพุทธศาสนิกชนได้สมาทานศีล 5 ประการ แต่ละข้อมีความหมายยิ่งยวด ถ้าเราได้ฝึกฝนฝึกปฏิบัติตนเองให้อยู่ในศีลในธรรม ประเทศชาติประชาชนก็มีแต่ความมั่นคงถาวร และประการที่ 3 เรียกว่าภาวนามัย คือ เราได้ยินพระสงฆ์หรือเสียงสวดธรรมะหรือเสียงสวดมนต์เหล่านี้เป็นต้น หรือแม้กระทั่งเราภาวนาในใจก็เกิดเป็นบุญเป็นกุศลเรียกว่าภาวนามัย ภาวนามัยนี้เป็นเครื่องกำจัดความมืดก็คือความหลง เมื่อเรามีการภาวนาทำให้เกิดการยั้งคิด ทำให้เกิดสติปัญญาสามารถแก้ไขปัญหาต่าง ๆ ให้ล่วงเลยไปด้วยความสวัสดิภาพ ฉะนั้น 3 ประการนี้ถือว่าเป็นหลักใหญ่ใจความในทางพระพุทธศาสนาเรียกว่าบุญกิริยาวัตถุ 3 ประการ
“การแสดงธรรมเทศนาในวันนี้ซึ่งอาตมาภาพได้แสดงตั้งแต่ต้นเป็นภาษาไทยเพื่อให้ญาติโยมได้เข้าใจความหมายได้ง่าย ๆ ก็คือ ทานมัย ศีลมัย และภาวนามัย ตอนท้ายจะได้สรุปเป็นภาษารามัญซึ่งเป็นการอนุรักษ์วัฒนธรรมประเพณีของวัดปรมัยยิกาวาส วรวิหาร แห่งนี้ ซึ่งในบรรพกาลตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันก็เป็นที่เรื่องที่ปรากฏชัดในญาติโยมทั้งหลายทั้งที่อยู่ที่เกาะเกร็ดหรือทั่วโลก คือ การรักษาวัฒนธรรมประเพณีของชาวบ้าน ซึ่งเราท่านทั้งหลายก็ถือว่าเป็นผู้มีส่วนร่วมสืบทอดเจตนารมณ์ของบรรพบุรุษตั้งแต่สมัยบรรพกาล แล้วก็วันนี้วัดปรมัยยิกาวาส วรวิหาร ซึ่งได้รับเกียรติอย่างยิ่งจากท่านสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย ซึ่งได้มีความคุ้นเคยมีความเคารพในอดีตบูรพาจารย์ทั้งหลายทั้งปวง แล้วก็มีความศรัทธาในบวรพระพุทธศาสนา และได้อุปถัมภ์บำรุงตลอดทั้งให้ความสงเคราะห์สาธารณประโยชน์หลายสิ่งหลายประการ โดยเฉพาะวัดปรมัยยิกาวาส วรวิหารแห่งนี้ก็ได้รับความอนุเคราะห์เป็นอย่างดีตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน จึงขอให้บุญกุศลที่ญาติโยมตั้งใจฟังธรรมเทศนาจงเป็นปัจจัยให้ชีวิตของญาติโยมสาธุชนทั้งหลาย จงมีแต่ความสุขความเจริญคิดสิ่งหนึ่งสิ่งใดที่ชอบประกอบด้วยธรรม ขอสิ่งนั้นจงพลันสำเร็จในที่สุด” พระครูพิพิธเจติยาภิบาล เจ้าอาวาสวัดปรมัยยิกาวาส วรวิหาร แสดงธรรมเทศนารามัญเป็นอันเสร็จสิ้นพิธี
Leave a Reply