คณะสงฆ์จีนมหายานจับมือเถรวาทจัดประชุมโต๊ะกลม “ประเทศศรีลังกา” นอกประเทศเป็นครั้งแรก           

วันที่ 13 มกราคม 256 เมื่อปลายปีที่ผ่านมา ณ กรุงโคลัมโบ ประเทศศรีลังกา  มีการประชุมโต๊ะกลมพุทธศาสนิกสัมพันธ์ในเขตภาคพื้นทะเลจีนใต้ (South China Sea Buddhism Roundtable) ครั้งที่ 8 ซึ่งผู้เข้าร่วมประชุมมีทั้งคณะฝ่ายเถรวาทและมหายาน พร้อมด้วยพุทธศาสนิกชนทั่วโลก มีพระภิกษุ นักวิชาการ เจ้าหน้าที่ของรัฐ และผู้แทนจากทุกสาขาอาชีพกว่า 400 คนจาก 25 ประเทศเข้าร่วมประชุม อาทิ จีน,ไทย,ญี่ปุ่น,เกาหลี,ฮ่องกง,ไต้หวัน,มาเก๊า,อินเดีย,เนปาล,ศรีลังกามองโกเลีย,ลาว,พม่า,กัมพูชา,อินโดนีเซีย,มาเลเซีย,สิงคโปร์,ฟิลิปปินส์,เบลเยียม,อังกฤษ,สหรัฐอเมริกา,ฝรั่งเศส, เป็นต้น โดยการประชุมมีนายรนิล วิกรมสิงเห ประธานาธิบดีศรีลังกา พลเอก ชเวนทรา ซิลวา ผู้บัญชาการทหารสูงสุด และนายปาลิฐา โคโฮนา เอกอัครราชทูตศรีลังกา ประจำประเทศจีน  เป็นต้นเข้าร่วมประชุมด้วย  ซึ่งเป็นครั้งแรกที่การประชุมโต๊ะกลมนี้ ถูกจัดขึ้นนอกประเทศจีน

อาจารย์หยินชุน (Yinshun) รองประธานสมาคมพุทธศาสนาแห่งประเทศจีน (Buddhist Association of China) และเจ้าอาวาสวัดเซินเจิ้นหงฟา (Shenzhen Hongfa) ได้กล่าวคำปราศรัยสำคัญโดยมีใจความที่สำคัญว่า   เรามุ่งมั่นที่จะเสริมสร้างปฏิสัมพันธ์ระหว่างผู้คนระหว่างชุมชนชาวพุทธ อํานวยความสะดวกในการแลกเปลี่ยนและการเยี่ยมเยียนระหว่างกลุ่มชาวพุทธและพระภิกษุสงฆ์ที่มีชื่อเสียง มีส่วนร่วมในกิจกรรมการกุศล เช่น โครงการ Brightness Action Tour เผยแพร่ธรรมะเพื่อประโยชน์ของทุกคน และร่วมกันมีส่วนร่วมในการพัฒนาโครงการ Belt and Road Initiative ที่แข็งแกร่งและมีคุณภาพสูง  เป็นหนึ่งเดียวกันโดยรากเหง้าร่วมกันและปกป้องสันติภาพในหมู่ทุกคน เราสนับสนุนความเห็นอกเห็นใจ ความครอบคลุม และสันติภาพ ในขณะที่สนับสนุนให้ชุมชนชาวพุทธในทะเลจีนใต้ทํางานอย่างแข็งขันเพื่อสันติภาพในพื้นที่และรวมตัวกันเป็นน้ําหนึ่งใจเดียวกัน เราขอเรียกร้องให้ผู้นับถือศาสนาพุทธและสาธารณชนในวงกว้างร่วมมือกันเพื่อรักษาสันติภาพและความมั่นคงในทะเลจีนใต้ การเผยแพร่หลักคําสอนทางพุทธศาสนาและการดําเนินการและคําปฏิญาณเพื่อประโยชน์ของสิ่งมีชีวิตทั้งหมดแรงบันดาลใจจากการแลกเปลี่ยนทางประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมในภูมิภาคทะเลจีนใต้ที่กว้างขึ้น

“จากชุดเหตุการณ์ของโต๊ะกลมนี้ เรามุ่งมั่นที่จะทําให้การเชื่อมต่อของชาวพุทธที่มีอายุนับพันปีในจีนตอนใต้ในวงกว้างคงอยู่ตลอดไป  ภูมิภาคทะเล ส่งเสริมการเรียนรู้อย่างกว้างขวางและความร่วมมือและการแลกเปลี่ยนที่ลึกซึ้งยิ่งขึ้น ด้วยความพยายาม เช่น การจัดตั้งศูนย์วิจัยพระพุทธศาสนาเถรวาท เรามุ่งมั่นที่จะส่งเสริมความสามัคคีและการบูรณาการระหว่างพระพุทธศาสนาจีน พุทธศาสนาทิเบต และพระพุทธศาสนาเถรวาท และก้าวหน้าไปด้วยกันเพื่อแสวงหาเป้าหมายร่วมกัน..”

 พระปัญญาวชิราภรณ์ ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดสระเกศ ราชวรมหาวิหาร ในนาม คณะสงฆ์ไทย ได้กล่าวว่าต่อที่ประชุมว่า ในนามคณะสงฆ์แห่งประเทศไทย ขออนุโมทนาแสดงความชื่นชมยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ท่านได้จัดการประชุมทางพระพุทธศาสนา คือการจัดประชุมมหาสังฆสันนิบาต การประชุมใหญ่แห่งสงฆ์เพื่อเผยแผ่พระพุทธศาสนาในแถบทะเลจีนใต้ เป็นการประชุมทวิภาคี คือ การประชุมทั้งสองฝ่าย ทั้งฝ่ายมหายานและฝ่ายเถรวาท เพื่อหาโอกาสในการปรึกษาหารือ หาแนวทาง หาวิธีการที่จะได้ยกย่องเชิดชูคำสอนในทางพระพุทธศาสนา แล้วนำมาเป็นหลักการ เป็นวิธีการที่จะได้ช่วยกันทำให้สังคมมีความสุขและสันติสุขร่วมกัน

“ขอกล่าวถึงพระมหาเถระที่สำคัญยิ่ง 2 รูปด้วยกันคือ หลวงพ่อเจ้าประคุณสมเด็จพระพุฒาจารย์ (เกี่ยว อุปเสโณ) อดีตเจ้าอาวาสวัดสระเกศราชวรมหาวิหาร และอดีตประธานคณะผู้ปฎิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราชแห่งคณะสงฆ์ไทยเป็นพระเถระผู้เปี่ยมไปด้วยเมตตามองการไกลได้เป็นผู้บุกเบิกให้เกิดมีพระธรรมทูตไทยเดินทางไปสืบต่ออายุพระพุทธศาสนาในประเทศต่างๆทั่วโลกและมุ่งมั่นให้พระธรรมทูตไทยนำหลักคำสอนของพระพุทธเจ้าไปเผยแผ่แก่ชาวโลกพร้อมกับการประสานสัมพันธ์ร่วมมือกับพระธรรมทูตของประเทศต่างๆโดยเฉพาะประเทศจีนแผ่นดินใหญ่ซึ่งท่านก็ได้เดินทางไปประสานสัมพันธ์กับพระมหาเถระของจีนหลายรูปเป็นตัวอย่างมาแล้วโดยเฉพาะในสมัยของพระมหาเถระนามว่า ” เปิ่นฮ้วน”

ขอกล่าวถึงพระมหาเถระพระธรรมาจารย์ใหญ่ ” เปิ่นฮ้วน” ด้วยความเคารพยิ่ง ท่านเป็นพระมหาเถระ เป็นที่เคารพ ของพระสงฆ์และประชาชนทั่วทั้งแผ่นดินจีน เป็นผู้ส่งเสริมสนับสนุนให้เกิดความสัมพันธ์เกี่ยวกับกิจการพระพุทธศาสนาในแถบทะเลจีนใต้บูรพาจารย์ท่านอุทิศตนเพื่อมุ่งหวังให้เกิดสันติภาพและสันติสุขของพระพุทธศาสนาในทะเลจีนใต้ ในการเจริญตามรอยพระอาจารย์ใหญ่เปิ่นฮ้วน คือการสร้างสันติภาพซึ่งเป็นส่วนที่สำคัญที่สุด ควบคู่ไปกับการพัฒนาอย่างยั่งยืนของพระพุทธศาสนาในทะเลจีนใต้ การสร้างสันติภาพถือเป็นความรับผิดชอบร่วมและเพื่อให้เราสามารถมีสันติภาพได้อย่างแท้จริง เราจะต้องร่วมแสดงพลัง ให้ความสำคัญ กับความหลากหลาย และการสร้างสรรค์สิ่งเหล่านี้ควบคู่กับการสร้างความเคารพและการยอมรับนับถือซึ่งกันและกัน สันติภาพย่อมไม่เกิดขึ้นจริง ถ้ายังไม่มีการพัฒนา หากไม่มีการพัฒนา ก็ย่อมไม่มีสันติภาพตามปณิธานที่พระอาจารย์ใหญ่ เปิ่น ฮ้วน ได้วางแนวทางไว้

การร่วมมือกันระหว่างคณะสงฆ์ ทั้งฝ่ายมหายานและเถรวาท ที่ได้ดำเนินการมาในอดีตนั้นนับว่าเป็นเรื่องที่ดีแล้ว แต่ควรจะให้ดียิ่งขึ้น ทำอย่างไรจึงจะให้พลังของคณะสงฆ์ในแถบทะเลจีนใต้ได้มีศักยภาพ สามารถที่จะช่วยกันสร้างประโยชน์และความสุขให้เกิดขึ้นกับประชาชนอย่างยั่งยืนต่อไป..”

 

 

Leave a Reply