ช่วงหลายปีมานี้เคยได้ยินคำพูดหนามาบ้างว่า เดี่ยวนี้พระภิกษุที่จบ “มหาเปรียญสูง” จบทางโลกระดับ “ด็อกเตอร์” หรือบางรูปมีสมณศักดิ์เช่นเป็น “เจ้าคุณ” เป็น “เจ้าคณะปกครอง” เวลาเจอพระมีอายุตามต่างจังหวัด หรือเจ้าอาวาสมีพรรษามากกว่า ไม่ค่อยให้เกียรติท่าน โดยยึดถือเอา..ความรู้และพัดยศ ตำแหน่งทางปกครอง เป็นตัวตั้งในการวัดว่า ใครควรกราบใครก่อนหรือใครควรไหว้ใครก่อน หรือแม้กระทั้งเวลาจัดงาน ใครนั่งบนอาสนะใครเรียงลำดับก่อนใคร??
“เปรียญสิบ” บวชมานานยุคก่อนเวลาพระท่านเจอกัน หากไม่รู้จักกัน ท่านจะถามอายุพรรษาก่อนว่า บวชมาแล้วกี่พรรษา หรือหากบวชปีเดียวกันก็ถามถึงวันและเดือนที่บวช..เพื่อกราบแสดงความเครารพแล้วเชิญให้นั่งบน “อาสนะ” ที่สูงกว่า
อันนี้คือธรรมเนียมและจารีตสิ่งดีงามที่คณะสงฆ์ท่านแสดงความเคารพนับถือซึ่งกันและกัน นับตามลำดับ อาวุโส ภันเต..

สถาบันสงฆ์หล่อหล่อมวัตรปฎิบัติกฎระเบียบการเป็นอยู่ของพระภิกษุสงฆ์มาจาก..สถาบันพระมหากษัตริย์ สืบเนื่องจาก “พระสมณโคดม” มีรากเหง้ามาจากหน่อเนื้อกษัตริย์ เหตุนั้นวัตรปฎิบัติของสังคมสงฆ์ทั้งมวล ส่วนใหญ่ล้วนมาจาก..สถาบันกษัตริย์
เหตุนั้นพระภิกษุสงฆ์จึงภูมิใจว่า ตนเองแม้มาจาก “ชนชั้นไพร่” แต่เวลาเข้ามาอยู่ภายใต้ร่มเงาศาสนาของ “สมณโดดม” พวกท่านคือ ส่วนหนึ่งของผู้สืบเชื้อวัตรปฎิบัติแบบกษัตริย์ ต้องละทิ้ง “สันดาน” เดิมออกไปเสีย
ใน “ เสขิยวัตร” ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของวินัยบัญญัติของภิกษุ (ศีล 227 ข้อ) กล่าวคือ วัตรที่ภิกษุจะต้องศึกษา และจะต้องปฎิบัติในหมวดนี้ พระพุทธองค์วางกฎระเบียบไว้ทั้งเรื่อง การปฏิบัติต่อชุมชน โภชนปฏิสังยุต ว่าด้วยการฉันอาหาร ต้องฉันอย่างไร ช้อนกระทบกันได้หรือไม่ คุยในระหว่างฉันได้หรือไม่ แม้กระทั้งเรื่องการ แสดงธรรม ก็ทรงกำหนดไว้ว่า พระภิกษุสงฆ์ต้องวางตัวอย่างไร เทศนาตลกเฮฮา ได้หรือไม่ ส่วนในหมดปกิณณกะ
เช่น ภิกษุจะไม่ยืนถ่ายปัสสาวะหรืออุจจาระ, ภิกษุจะไม่ยืนดื่มน้ำ เป็นต้น อันนี้คือ วัตรของพระภิกษุสงฆ์ในพระพุทธศาสนา…

“เปรียญสิบ” ยกเรื่องนี้ขึ้นมาพูดเนื่องจากมีภาพปรากฎของพระคุณเจ้าระดับ “สมเด็จพระราชาคณะ” จำนวน 2 รูปคือ “สมเด็จสมชาย” สมเด็จพระธีรญาณมุนี วัดเทพศิรินทร์ และ “สมเด็จธงชัย” สมเด็จพระมหารัชมงคลมุนี เจ้าคณะใหญ่หนตะวันออก แสดงความอ่อนน้อมถ่อมตน กราบและนั่งคุกเข่าอยู่กับพระภิกษุที่มีอายุพรรษามากกว่า โดย ไม่ยึดสมณศักดิ์ เป็นที่ตั้ง ไม่ยึดหัวโขนตำแหน่งทางปกครองเป็นสรณะ เหมือนที่พระรุ่นใหม่บางรูปปฎิบัติเกร่อทั่วไปอยู่ ณ ตอนนี้
ความจริง..สมณศักดิ์ใช้สำหรับงานพระราชพิธี เฉพาะงานหลวงเท่านั่น งานทั่วไปมิได้ใช้แต่อย่างไร คณะสงฆ์เริ่มตั้งแต่ “มหาเถรสมาคม” ต้องยึดหลักธรรมเนียมปฎิบัตินี้ไว้ให้มั่นคง
ไม่อย่างนั่น..หลักพระธรรมวินัยที่ปฎิบัติสืบเนื่องกันมานับพันปีจะ “ล่มสลาย” เด็กจะไม่เคารพผู้ใหญ่ ผู้ใหญ่ก็จะไม่ให้เกียรติเด็ก เพราะไร้หลัก การที่ “เจ้าคุณประคุณสมเด็จ” ทั้ง 2 รูป ปฎิบัตินั่นดี และเป็นไปโดยชอบแล้ว และขอให้ปฎิบัติแบบนี้ตลอดไปเพื่อเป็นเยี่ยงอย่างให้กับอนุชนรุ่นหลัง

“เปรียญสิบ” มักพูดอยู่เสมอว่า พระภิกษุสงฆ์ท่านก็คือ มนุษย์เหมือนเรา มีโลภ โกรธ หลง เหมือนปุถุชนทั่วไป เพียงแต่ท่านสละชีวิตแบบโลก..หันไปใช้ชีวิตเพื่อลดละเลิกหรือบรรเทา โลภะ โทสะ โมหะ ลงให้เบาบางลงไป.. ความแตกต่างชีวิตพระสงฆ์กับชาวบ้าน.วัดกันตรงนี้
การที่มี “พระภิกษุ” บางรูป หลงอยู่ใน ยศถาบรรดาศักดิ์ก็ดี หลงอยู่ในความรู้ที่จบระดับสูงก็ดี หรือหลงอยู่ในตำแหน่งทางปกครองก็ดี อันนั่น มิใช่วิสัยแห่ง “สมณเพศ”
บางรูปหลงในพัดยศ หลงในใบมหาเปรียญใบปริญญาหลงอยู่ในตำแหน่งปกครองไม่พอ ยังใช้ชีวิตเหมือนชาวบ้านทั่วไป ชาวบ้านมีไอโฟนรุ่นล่าสุดตัวเองก็อยากมีบ้าง ชาวบ้านมีรถดี ๆ มีคนขับก็อยากมีบ้าง ชาวบ้านมีห้องสวย ๆ หรู ๆ ก็อยากอยู่แบบชาวบ้าน เพราะมันสบายทั้งกายและใจ
พระรูปแบบนี้บวชได้แต่กาย..ใจได้หาบวชไม่!!


Leave a Reply