วันที่ 29   มิ.ย. 67  ณ มหาวิทยาลัยมหามกุฎราชวิทยาลัย (มมร)  ต.ศาลายา อ.พุทธมณฑล จ.นครปฐม  มีการเลือกตั้ง นายกสมาคมศิษย์เก่า มมร.คนใหม่ โดยเริ่มตั้งแต่เวลาประมาณ 09.00 -12.00 น. ซึ่งมีผู้ลงสมัครรับเลือกตั้งจำนวน  2 คน คือ 1. ดร.คงชิต ชินสิญจน์ ผู้สมัครหมายเลข 1 และ 2. ดร.เสถียร วิพรมหา หมายเลข 2

ผลเลือกตั้งปรากฏว่า หมายเลข 2. ดร.เสถียร วิพรมหา ที่ปรึกษามหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย  ศิษย์เก่า มมร รุ่น 39 ได้รับการเลือกตั้งจากสมาชิกสมาคมศิษย์เก่าให้ดำรงตำแหน่งนายกสมาคมศิษย์เก่าคนใหม่

ดร.เสถียร วิพรมหา เปิดเผยว่า ขอบขอบคุณสมาชิกสมาคมศิษย์เก่า มมร ที่มอบความไว้วางใจให้ทำงานตรงนี้ ซึ่งอาทิตย์หน้าจะฟอร์มทีมว่าคณะกรรมการประมาณ 20 คนจะมีใครรับอาสามาทำงานตรงนี้บ้าง ซึ่งสมาคมศิษย์เก่า มมร ต่อจากนี้คงต้องทำงานหนักมากขึ้นยิ่งขึ้น

“ การสานสัมพันธ์กับศิษย์เก่าทุกรุ่นเป็นหน้าที่ของสมาคมศิษย์เก่า วันนี้ได้รับมอบหมายให้ทำงานตรงนี้ เป้าหมายต่อไปคือเชื่อมศิษย์เก่าทุกรุ่นให้เป็นหนึ่งเดียวกันเพื่อ มมร สถาบันการศึกษาที่ทำให้เรามีทุกวันนี้ ในขณะเดียวกันจะเชื่อมกับวิทยาเขตต่าง ๆ   ของ มมร ที่อยู่ตามภูมิภาค ส่วนสถาบันอื่น ๆ  ก็จะพยายามจะไปสร้างความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน หลังจากได้คณะกรรมการเรียบร้อย จะพาคณะกรรมการไปกราบสักการะ พระเทพวัชรเมธี  อธิการบดีมหาวิทยาลัยมหามกุฎราชวิทยาลัย เพื่อขอคำแนะนำ รวมทั้งรุ่นครูอาบาอาจารย์ทั้งพระภิกษุและฆราวาสว่า ท่านเหล่านั้นมีคำแนะนำ อยากเห็นสมาคมศิษย์เก่าทำอะไรบ้าง เพื่อ มมร. เพื่อคณะสงฆ์..”

สำหรับ ดร.เสถียร วิพรมหา  ที่ปรึกษามหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย   เป็นที่รู้จักดีในหมู่ชาวพุทธและคณะสงฆ์ เนื่องจากเป็นผู้ที่ทำงานร่วมกับคณะสงฆ์มาต่อเนื่อง โดยเฉพาะกิจกรรมระหว่างมหาวิทยาลัยสงฆ์ทั้ง 2 แห่งคือ มหาวิทยาลัยมหามกุฎราชวิทยาลัย และ มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย ดร.เสถียร วิพรมหา มักได้รับมอบหมายจากผู้บริหาร มมร ให้เป็นตัวแทนมาร่วมกิจกรรมทุกครั้ง

ทั้งในอดีตที่ผ่านมา ดร.เสถียร วิพรมหา เคยเคลื่อนไหวทางการเมืองหลายครั้ง ทั้งเรื่อง การเรียกร้องกระทรวงพระพุทธศาสนา พ.ร.บ.คุ้มครองและปกป้องพระพุทธศาสนา หรือ ธนาคารชาวพุทธเป็นต้น มีความสัมพันธ์ที่ดีกับนักการเมืองหลายท่าน โดยเฉพาะพรรคเพื่อไทย จนครั้งหนึ่งได้รับความไว้วางใจให้เป็นตัวแทนชาวพุทธเข้ามาทำงานในตำแหน่ง เลขานุการรัฐมนตรี กำกับดูแล สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ และ เคลื่อนไหวทางการเมืองอีกหลายวาระด้วยกัน ในนามนายกสมาคมนักวิชาการเพื่อพระพุทธศาสนาหรือ “สนพ.”