“พระมหานรินท์” ถาม!! เมื่อพระพุทธศาสนาไทยกลายเป็น “มูเตลู” มหาเถรสมาคมได้ยินแล้วจะทำอย่างไร??

วันที่ 24 สิงหาคม 2567  หลังจากเครือ Nation ได้จัดงาน Dinner Talk: Vision Thailand ที่ Siam Paragon โดยได้เรียนเชิญ นายทักษิณ ชินวัตร ได้ไปแสดงวิสัยทัศน์ ซึ่งมีการพูดภาพรวมทั้งด้านเศรษฐกิจ การเมือง และสังคม  นายทักษิณ ชินวัตร กล่าวว่า จากการที่ต้องไปอยู่ต่างประเทศนาน 17 ปี และพอได้กลับมาเมืองไทย ก็สังเกตเห็นความเปลี่ยนแปลง คือ  “คนไทยไม่ค่อยยิ้มกันเหมือนเดิม – คนไทยเชื่อมูเตลูมากเกินไป – ลูกติดยา แม่ติดหวย พ่อติดเหล้า” ซึ่งทั้ง 3 ประเด็นนี้มีส่วนที่เกี่ยวข้องกับพระพุทธศาสนาที่ “คณะสงฆ์” ในฐานะเป็นส่วนหนึ่งของสังคมที่จะต้องรับผิดชอบและแก้ไข ปัญหาร่วมด้วย และกลายปัญหาต้นกำเนิดเกิดจากพระสงฆ์เอง เช่น คนไทยเชื่อมูเตลูมากเกินไป

ประเด็นนี้ “พระมหานรินท์ นรินฺโท” พระภิกษุนักวิพากษ์สังคมสงฆ์ชื่อดังอย่าง  “alittlebuddha” ได้โพสต์ผ่านเฟชบุ๊คส่วนตัวว่า  เมื่อพระพุทธศาสนาของไทยกลายเป็น มูเตลู สายเร้นลับ จากที่พึ่งทางจิตใจ ให้สติปัญญา กลายเป็นตัวปัญหา บ่อนทำลายเศรษฐกิจของประเทศ

มหาเถรสมาคมได้ยินแล้วจะทำอย่างไร??

ในเมื่อมหาเถรสมาคมคือรัฐบาลของคณะสงฆ์ไทย แต่กลับปล่อยปละละเลยให้พระเกจิอาจารย์เต็มบ้านเต็มเบื่อ ไม่ศึกษาพระธรรมวินัยตามพระไตรปิฎก แต่ศึกษาวิชาเร้นลับเป็นสักเสกเลขยันต์ อุปโลกน์ตัวเองเป็นผู้ศักดิ์สิทธิ์มีฤทธิ์มีเดช มีแต่โฆษณาว่า ห้อยพระรุ่นโน้นรุ่นนี้จะโชคดี จะรวย จะอยู่ยงคงกระพัน ไม่ตายเพราะอะไรอาวุธใด ๆ

อันที่จริงแลว คนที่รวยก็คือ พ่อค้าขายพระ และกรรมการวัดอีกจำนวนหนึ่ง เข้าตำรา วัดครึ่งหนึ่ง กรรมการครึ่งหนึ่ง แถมยังมีพระเกจิอีกมากมาย ที่นำเอาเงินทองไปประเคนเจ้าคณะปกครอง จนได้เป็นเจ้าคุณ แบกพัดยศกันหลอกญาติโยมต่อไปอีกอีก

หากมหาเถรสมาคมยังไม่สามารถจัดการปัญหานี้ได้ ไม่สามารถนำพาพระพุทธศาสนาออกจากหุบเหวอันตรายนี้ได้ ก็เตรียมพบกับ อันตรธาน

พระพุทธศาสนาจะสูญหายไปจากประเทศไทยในไม่ช้า อย่าชะล่าใจ!!

คำว่า “มูเตลู”  เรื่องของความเชื่อ ไสยศาสตร์ เครื่องรางของขลัง อยู่คู่กับคนไทยมานาน ตั้งแต่สมัยโบราณ แต่ในช่วงปีหลัง ๆ ความเชื่อเหล่านี้ได้กลับมาได้รับความนิยมอีกครั้งในกลุ่มพระภิกษุรุ่นใหม่ที่พยายามไตร่เต้าตัวเองให้โด่งดังด้วยการนิยมสร้างวัตถุมงคล ดูดวง โดยร่วมมือกับนักธุรกิจพระเครื่อง นักการตลาด รวมทั้งธุรกิจสื่อมวลชน  และ “มูเตลู” นี้ได้เข้าไปมีอิทธิพลในวงการแฟชั่น เช่น ดารานักแสดง เซเลป กลับมาในชื่อของ มูเตลู หรือเรียกกันเป็นคำฮิตติดปากว่า สายมู นั่นเอง

คำว่า มูเตลู มาจากชื่อภาพยนตร์เก่ากว่า 25 ปีของทางอินโดนีเซีย ชื่อเรื่องว่า มูเตลู ศึกไสยศาสตร์ ซึ่งเนื้อหาของภาพยนตร์เป็นเรื่องเกี่ยวกับผู้หญิงสาว 2 คนที่ใช้มนต์ดำต่อสู้กันเพื่อแย่งชิงชายหนุ่มที่ตนหลงรัก และในภาพยนต์นั้นได้มีการท่องคาถาด้วยการเริ่มต้นด้วยคำว่า มูเตลู ด้วยทุกครั้ง ความหมายของมูเตลูในเวอร์ชั่นภาพยนตร์จึงสื่อถึงไสยศาสตร์ มนต์ดำ และคุณไสย์ นั่นเอง

Leave a Reply